สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

คุยกับหมอพิณ เตือนสาวสไปรท์ ใส่ถุง(ยาง)ดี แต่ป้องกันมะเร็งปากมดลูกไม่ได้

จากประชาชาติธุรกิจ

กินสไปรท์ต้องใส่ถุง

คอลัมน์ คุยกับหมอพิณ

โดย พ.ญ.พิณนภางค์ ศรีพหล

email:doctorpin111@gmail.com





ยังอยู่ในกระแสฮอร์โมนกันต่ออีกสัปดาห์นะคะ สัปดาห์ที่แล้วคุยกันเรื่อง ดาวกับยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน


สัปดาห์นี้เราจะมาคุยกันเรื่อง สไปรท์ กับถุงยางอนามัย ที่มีคำพูดที่เป็นกระแสกันอยู่ตอนนี้ว่า "อยากกินสไปรท์ต้องใส่ถุง" ค่อนข้างแรงและมีคนรับไม่ได้กันมาก แต่คิดอีกแง่ มันก็เป็นเรื่องจริงในยุคปัจจุบันนะคะ

เรื่องจริงที่ว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีคุณแม่วัยรุ่นติดอันดับต้น ๆ ของโลก (แพ้แอฟริกานิดหน่อย) ไหนจะมีโรคเอดส์ โรคติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์อีก

ส่วนตัวชื่นชมตัวละครนี้ ไม่ใช่ในแง่ที่ว่าจะมีเพศสัมพันธ์กับใครก็ได้ ขอแค่มีอารมณ์กับมีถุงยางนะคะ แต่ชื่นชมในแง่ที่ตัวละครรู้จักป้องกันตัวเองค่ะ แม้ฮอร์โมนพุ่งพล่าน อารมณ์จะมา แต่ถ้าไม่มีถุง...ก็อด (เว้ย)

วันนี้เราจะมาคุยกันเรื่องถุงยางอนามัยค่ะ

การคุมกำเนิดแบ่งได้ใหญ่ๆ เป็น 2 ประเภท คือ การคุมกำเนิดแบบใช้ฮอร์โมน กับไม่ใช้ฮอร์โมน ถ้าใช้ฮอร์โมนก็ได้แก่ พวกยาคุมแบบกิน แบบฉีด แบบฝัง แบบแปะ และการคุมกำเนิดแบบไม่ใช้ฮอร์โมน ได้แก่ การคุมกำเนิดโดยวิธีธรรมชาติ การคุมกำเนิดโดยใช้สิ่งกีดขวาง ห่วงคุมกำเนิด การทำหมัน

ถุงยางอนามัย อยู่ในกลุ่มการคุมกำเนิดโดยใช้สิ่งกีดขวางถุงยางอนามัยมีทั้งแบบสำหรับผู้ชายและผู้หญิงค่ะ

แต่ถุงยางอนามัยสำหรับผู้หญิงไม่เป็นที่นิยมเท่าไหร่เนื่องจากใช้ยาก และรู้สึกไม่สะดวกสบายขณะมีเพศสัมพันธ์

ถุงยางอนามัยสำหรับผู้ชาย ทำมาจาก Latex (ยาง), Polyurethane (พลาสติก), เยื่อบุของสัตว์ซึ่งแบบยางและพลาสติกสามารถป้องกันโรคติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ได้ รวมถึงโรคเอดส์ด้วย

ถุงยางอนามัยสามารถใช้กับสารหล่อลื่นได้ แต่ควรระวัง ในถุงยางที่เป็น Latex (ยาง) ควรใช้กับสูตรน้ำ (Water base lubricant) หรือสูตรซิลิโคน (Silicone Lubricant) เท่านั้น ไม่ควรใช้กับสูตรน้ำมัน (Oil Base Lubricant) เนื่องจากจะทำให้ถุงยางชนิดนี้อ่อนตัวและเกิดถุงยางรั่วได้

ข้อดีของถุงยางอนามัยคือ ราคาไม่สูงนัก หาซื้อได้ง่าย (ตึ๊งตึง รับซาลาเปา ขนมจีบเพิ่มไหมคะ) พกพาง่าย เนื่องจากไม่มีส่วนผสมของฮอร์โมน จึงไม่รบกวนฮอร์โมนเพศหญิงสามารถคุมกำเนิดในสตรีให้นมบุตรได้ แบบ Latex หรือ Polyurethane สามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ รวมถึงโรคเอดส์ด้วย

อาการข้างเคียงที่พบได้ก็คือ อาการแพ้ถุงยาง ในคนที่แพ้สารที่ทำมาจาก Latex หรือ Polyurethane

ประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดของถุงยาง หากใช้อย่างถูกต้องเป๊ะ ๆ มีอัตราการล้มเหลวเพียง 2-3% แต่ในทางปฏิบัติ มีอัตราการล้มเหลวประมาณ 18%

อย่างไรก็ตาม ถุงยางป้องกันการตั้งครรภ์ ป้องกันโรคติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ได้ก็จริง แต่ไม่สามารถป้องกันไวรัสที่ก่อให้เกิดมะเร็งปากมดลูก (HPV) ได้

ดังนั้นจึงอยากขอเตือนสไปรท์ว่า อายุ 21 เมื่อไหร่ อย่าลืมไปตรวจเช็กมะเร็งปากมดลูกด้วย (ตรวจ pap smear) เพราะ 1 ในความเสี่ยงของมะเร็งปากมดลูกคือ การที่มีคู่นอนหลายคน และมีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุยังน้อยค่ะ

หรือทางที่ดี ให้คุณแม่พาไปฉีดวัคซีน HPV ป้องกันร่วมด้วยจะดีมากนะคะ สวัสดีค่ะ


สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน

Tags : คุยกับหมอพิณ เตือนสาวสไปรท์ ใส่ถุงยาง ป้องกัน มะเร็งปากมดลูก

view