จากประชาชาติธุรกิจ
ตั้งชื่อเรื่องซะน่ารับประทาน ถือเป็นลีลาเรียกลูกค้านะครับ เพราะจริง ๆ แปลตรงตัวก็คือ CHANGE คำพิเศษที่ทำให้ ประธานาธิบดีบารัก โอบามา ก้าวขึ้นสู่ประมุขของอเมริกาเมื่อหลายปีที่ผ่านมานั่นเองในชีวิตเรา ทั้งส่วนตัวและในโลกแห่งการทำงาน สิ่งที่เราต้องเผชิญอยู่ทุกวันคือความเปลี่ยนแปลง ส่วนใครจะรับมือได้ดีหรือไม่ดี เป็นเรื่องที่ผมเชื่อว่าฝึกได้ครับ CHANGE Management จึงมีหลักสูตรเป็นเรื่องเป็นราว จัดฝึกอบรมกันได้เป็นวัน ๆ
ในฐานะ Non นักวิชาการ ผมคงไม่ได้มีความเชี่ยวชาญเชิงทฤษฎี หากแต่ในทางปฏิบัติ แอบขอคุยว่า เล่นจริง เจ็บจริงมาเยอะ ! และขอยืนยันว่า การบริหารและรับมือกับการเปลี่ยนแปลงให้ได้อย่างดีนั้นเป็นกฎขั้นพื้นฐานของ การดำเนินชีวิต หากใครทำได้ จะนำมาซึ่งการเดินไปข้างหน้าอย่างไม่มีจุดสิ้นสุด
ในพระพุทธศาสนาสอนเรื่องนี้อย่างแยบคายกับคำว่า "อนิจจังไม่เที่ยง" ซึ่งคือการฝึกจิตให้ยอมรับกับความเปลี่ยนแปลงขั้นสูง และควรนำมาภาวนามรณานุสติอยู่บ่อย ๆ เป้าหมายก็คือ เพื่อละวางการยึดมั่นถือมั่น ชีวิตก็จะมีความสุขพูดแบบนี้ ศรีธนญชัยบางท่านอาจบอกว่า อ้าว งั้นก็ไม่ควรเสียเวลาพยายาม ควรปล่อยให้เป็นไปตามวิถีของโลก เพราะทุกสิ่งทุกอย่างต้องมีการเปลี่ยนแปลงทั้งนั้น อยู่เฉย ๆ ดีที่สุด (ภาษาผมถ้าได้ยินคำบอกเล่าประมาณนี้ ขอบอกว่า ถ้าอยู่ใกล้ ๆ ต้องจัด...ซะหน่อย (555) จะได้ไม่เอาวิธีคิดแบบนี้ไปกระจายต่อ)
สำหรับ เราที่อยู่ในอุตสาหกรรมซึ่งเผชิญหน้ากับความเปลี่ยนแปลงแบบจับต้องได้อยู่ ตลอดเวลาใน 2 เรื่องหลัก คือ เทคโนโลยี และพฤติกรรม ความท้าทายคือ เราจะถูกการเปลี่ยนแปลงนี้จูงจมูก หรือเราจะเป็นคน Lead การเปลี่ยนแปลง เพื่อให้สามารถบริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ตอนที่เราแต่งตัว AIS ใหม่ด้วยสีเขียว พร้อมแนวคิด "ชีวิตในแบบคุณ" นั้น รากทางความคิดมาจากเรื่องการเปลี่ยนแปลงของทุกชีวิตในสังคม และ AIS จะอยู่กับชีวิตคุณที่มีการเปลี่ยนแปลงนั้นได้อย่างไร วันนั้นมีการนำเสนอ Manifesto ขอยกมาย้อนความทรงจำบางส่วนกันซักหน่อยนะครับ
ความท้าทาย คือ เมื่อเราสามารถคาดการณ์การเปลี่ยนแปลงได้ เราก็ควรมีความสามารถในการรับมือได้อย่างดีและมีประสิทธิภาพเช่นกัน ซึ่งเป็นเรื่องที่ผมและทีมงาน AIS ทั้งหมดราวหมื่นชีวิต พยายามบ่มเพาะ Culture นี้ให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม
วันก่อนผมได้มีโอกาสไปพูดใน เวทีของ KBank คำถามโดยส่วนใหญ่เน้นเรื่องการพร้อมรับความเปลี่ยนแปลงสำหรับผู้ประกอบการ ยุคนี้ อาทิ ปี 2020 แนวโน้มเทคโนโลยีที่จะส่งผลสู่การเปลี่ยนแปลงภาคเศรษฐกิจและสังคมจะดำเนินไป ในทิศทางใด โลกอนาคตที่มองเห็นจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร และจากเหตุดังกล่าว เราจะต้องปรับตัวอย่างไร
ผมเสนอไอเดียไปว่า Trend ที่เราจะพบในยุคอนาคตจากนี้เป็นต้นไปก็คือ ความสามารถในการรองรับการใช้งาน Data จะมากขึ้น อาทิ 3G เดิมสูงสุดอยู่ที่ 42 Mbps จะเพิ่มขึ้นถึง 1 Gbps ส่วนด้านของ Device นั้น เราจะพบลักษณะของ Flexible Screen ได้มากยิ่งขึ้น เช่นเดียวกับพัฒนาการของ NFC-New Field Communication ที่จะมีข้อจำกัดน้อยลง และเข้ามาอยู่ใน Device ที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น
นั่น เป็นตัวอย่างที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง Business Model ของการให้บริการต่าง ๆ ได้อย่างหน้ามือเป็นหลังมือ อาทิ ความสามารถในการรองรับที่มากขึ้นของเครือข่าย จะทำให้ Data ที่เป็น Multi media สามารถวิ่งอยู่บนนั้นได้อย่างไร้ข้อจำกัด รวมถึงเพิ่มศักยภาพในการ Interact ได้มากขึ้น
อย่างวันก่อนมีลูกค้าองค์กรรายหนึ่งต้องการดู ความเคลื่อนไหวของสายงานการผลิตในโรงงาน จึงอยากได้ Solutions ประเภทที่ตั้งกล้อง CCTV และให้สามารถสื่อสารตรงไปยังโรงงานได้แบบ Real Time ชนิดเห็นหน้าเห็นตาแบบ Video Call ผ่านเครือข่าย 3G ซึ่งจะเห็นว่าไม่ซับซ้อน แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงจากเมื่อก่อนอย่างเห็นได้ชัด
รูป แบบของธุรกิจในยุค 2020 ผู้ประกอบการจึงต้องมองให้เห็นโอกาสและ Trend ความต้องการของผู้บริโภค โดยต้องสามารถนำเทคโนโลยีดังกล่าวมาเป็นเครื่องมือให้ได้ ทั้งนี้ ธุรกิจที่จะมาแรงในยุคนั้นก็จะมี อาทิ ธุรกิจ Eco, ธุรกิจผู้สูงอายุ, ธุรกิจสุขภาพ, ธุรกิจที่เกาะอยู่บน Online อย่างที่เราทราบกัน
นั่น คือระดับขององค์กร คราวนี้เราลองมาดูระดับของตัวเรากันบ้าง คงหลับตาแล้ว Feel อารมณ์เวลาใคร ๆ มาบอกให้เราเปลี่ยนโน่นนี่นั่น ทั้ง ๆ ที่เราก็ตั้งอกตั้งใจเตรียมงานมาอย่างดีสุด ๆ หรือบางครั้งตัวหัวหน้าเราเองนั่นแหละที่เป็นคนบอกให้ทำแบบนี้ แล้วยังมาบอกให้เราเปลี่ยนอีก ชิ ! ความเซ็งก็คงบังเกิดแน่ ๆ ผมรับประกัน มากบ้างน้อยบ้างแล้วแต่ดีกรี เอาเป็นว่าผมมีข้อแนะนำเล็ก ๆ น้อย ๆ มาฝาก
พอ ได้รับคำสั่งให้ "เปลี่ยนแปลง" (ไม่ว่าจะเปลี่ยนคน เปลี่ยนเวลา เปลี่ยนรูปแบบ เปลี่ยนวัน....) Step แรกขอให้เรา "หยุด" นิ่ง ๆ ฟังคำสั่งและเหตุผลเสียก่อน อย่าเพิ่งโวย เพราะ Reaction แรกของคนเราส่วนใหญ่มักมาจากสัญชาตญาณที่ยังไม่ได้ถูกกำกับด้วยเหตุและผล ดังนั้น หากได้ "หยุด" และใช้ "สติ" พิจารณาว่า การเปลี่ยนแปลงนั้นสมเหตุสมผล
เหมาะสมหรือไม่ จะเหมือนเป็นการ Reset ให้เราใช้สติและปัญญาควบคู่กัน การประมวลผลซึ่งเป็นต้นทางของการกระทำก็จะแม่นยำยิ่งขึ้น ลองดูนะครับ ผมเคยใช้แล้วได้ผลเสมอ
อีกอย่างที่ขอทิ้งท้ายแบบวัยรุ่น ผมแอบจำเนื้อเพลงเด็กแนว "ความรักเป็นเหมือนรอยสัก" ของอพาร์ตเมนต์คุณป้า มาอุปมากับกรณีนี้ว่า แม้บางครั้งการเปลี่ยนแปลง (= รอยสัก) จะนำมาซึ่งความเจ็บปวด แต่จะลงท้ายและฝังจำด้วยความงดงาม หอมหวานเสมอ เพราะจะมาพร้อมความสำเร็จและวุฒิภาวะเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน
ดังนั้น เรามากล้าท้ารับความเปลี่ยนแปลงด้วยกันนะครับ
สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน
