สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

รวมพลังเอกชนต่อต้านคอร์รัปชัน

รวมพลังเอกชนต่อต้านคอร์รัปชัน

จาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์




วันอังคารที่ 8 ตุลาคมนี้ แนวร่วมปฏิบัติภาคเอกชนในการต่อต้านการทุจริตจะจัดงานสัมมนาวิชาการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชันประจำปี

ซึ่งปีนี้จะจัดเป็นปีที่ 4 ภายใต้หัวข้อ "รูปแบบการกำกับดูแลกิจการที่ดีสำหรับธุรกิจเอกชนและโครงการสาธารณูปโภค" หรือ Working Models for Governance in Corporate Operations and Infrastructure Projects ซึ่งเนื้อหาปีนี้จะให้ความสำคัญกับบทบาทบริษัทเอกชนในการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชัน ทั้งในรูปแนวร่วมปฏิบัติภาคเอกชนในการต่อต้านการทุจริตและการผลักดันกรอบการกำกับดูแลกิจการที่ดีเพื่อสร้างความโปร่งใส และลดความเสี่ยงต่อคอร์รัปชัน ในโครงการลงทุนขนาดใหญ่ โดยดูประสบการณ์ กรอบการกำกับดูแลกิจการที่ดีสำหรับการลงทุนขนาดใหญ่ที่ใช้กันในต่างประเทศ

โครงการแนวร่วมปฏิบัติภาคเอกชนในการต่อต้านการทุจริต หรือ Collective Action Against Corruption ปีนี้จะมีอายุครบสามปี จากวันแรกที่เริ่มโครงการในเดือนพฤศจิกายน ปี 2010 ที่มีบริษัทเอกชนเข้าร่วมลงนาม 27 บริษัท โครงการนี้เป็นการทำงานร่วมกันของแปดองค์กรธุรกิจหลักของประเทศ ได้แก่ สมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย สภาหอการค้าไทย สภาหอการค้าต่างประเทศ สมาคมบริษัทจดทะเบียน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารไทย สภาธุรกิจตลาดทุนไทย และสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย

นับจากนั้น จำนวนบริษัทเข้าร่วมโครงการได้เพิ่มมากขึ้นเป็นลำดับ ล่าสุด ณ สิ้นเดือนกันยายน มีบริษัทเอกชนเข้าร่วมโครงการแล้ว 245 บริษัท เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ 89 บริษัท และบริษัทนอกตลาดหลักทรัพย์ 156 บริษัท บริษัทที่เข้าร่วมมีทั้งบริษัทขนาดเล็กและขนาดใหญ่ มีทั้งบริษัทที่อยู่ในกรุงเทพมหานคร และต่างจังหวัด และมีทั้งบริษัทที่เป็นของคนไทยและต่างชาติ ทุกบริษัทเข้าร่วมโครงการโดยสมัครใจ บางบริษัทมาคนเดียว บางบริษัทเข้ามาร่วมทั้งกลุ่ม และบางบริษัทเข้ามาเป็นสมาคม เช่น สมาคมธนาคารไทย เข้าร่วม 15 ธนาคาร สมาคมบริษัทจัดการลงทุน 21 บริษัท สมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย 14 บริษัท สมาคมประกันชีวิตไทย 25 บริษัท และสมาคมประกันวินาศภัยไทย 51 บริษัท ทุกบริษัทที่เข้าร่วมมีเจตนารมณ์เดียวกัน คือ ต้องการมีบทบาทร่วมแก้ไขปัญหาคอร์รัปชัน ที่เป็นปัญหาสำคัญของชาติขณะนี้

วัตถุประสงค์หลักของแนวร่วมปฏิบัติของภาคเอกชนในการต่อต้านทุจริต ก็คือ ต้องการส่งเสริมการทำธุรกิจที่สะอาด โปร่งใส และปลอดคอร์รัปชันในประเทศไทย เพื่อสร้างและรักษาไว้ ซึ่งความน่าเชื่อถือของการทำธุรกิจในประเทศไทย ปัจจุบันปัญหาคอร์รัปชันของไทยรุนแรงขึ้นมาก เป็นปัญหาเชิงระบบ ที่ส่งกระทบไปทุกส่วน กระทบทั้งต่อการทำธุรกิจของเอกชน ต่อการดำรงชีวิตประจำวันของประชาชน และต่อการปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการที่ดีในหน่วยงานภาครัฐ นับวันปัญหายิ่งรุนแรงขึ้น จนในสายตานักลงทุนและนักธุรกิจต่างประเทศ ภาพลักษณ์ด้านคอร์รัปชันของประเทศไทยแย่ลงทุกปี ล่าสุดภาพลักษณ์ของประเทศไทยอยู่ที่อันดับ 88 ของโลก โดยมีคะแนนเพียง 37 คะแนนจากคะแนนเต็มร้อย ถ้าปัญหาคอร์รัปชันยังแย่ลงต่อเนื่อง ประเทศไทยก็อาจเป็นประเทศที่ไม่มีใครอยากเข้ามาทำธุรกิจ เพราะมีความเสี่ยงจากปัญหาคอร์รัปชันที่รุนแรง

ดังนั้น การแก้ไขปัญหาคอร์รัปชันจึงเป็นเรื่องที่จำเป็นและสำคัญต่ออนาคตเศรษฐกิจของประเทศ ลองหลับตานึกภาพว่า ถ้าอีกห้าปีข้างหน้า ปัญหาคอร์รัปชันยังแย่ลงต่อเนื่อง ประเทศไทยจะเป็นอย่างไร เราจะอยู่กันอย่างไร และอนาคตลูกหลานเราในฐานะคนไทยรุ่นต่อไปจะอยู่กันอย่างไรในประเทศที่มีคอร์รัปชันรุนแรง ดังนั้น อนาคตและความยั่งยืนทางเศรษฐกิจของประเทศขึ้นอยู่กับความสามารถของคนไทยวันนี้ ที่ต้องช่วยกันแก้ปัญหา ซึ่งอยู่ในวิสัยที่คนไทยสามารถร่วมมือกันแก้ไขได้

ที่สรุปอย่างนี้ก็เพราะมีหลายประเทศในเอเชียที่เคยมีปัญหาคอร์รัปชันรุนแรง หรือใกล้เคียงกับเรา แต่สามารถลดทอนหรือแก้ไขปัญหาได้ เช่น ฮ่องกง สิงคโปร์ ไต้หวัน และเกาหลีใต้ ใครที่เดินทางไปประเทศเหล่านี้จะเห็นทันทีว่า บ้านเมืองเขาเทียบกับของเราแล้วดูเป็นระเบียบ มีอนาคต และสังคมดูเข้มแข็งจากประชาชนที่มีวินัย การรักษากฎหมายที่จริงจัง และวัฒนธรรมสังคมที่อยู่กันด้วยเหตุผล สิ่งเหล่านี้เป็นความเข้มแข็งที่ส่วนหนึ่งมาจาก การเอาจริงเอาจังในการแก้ไขปัญหาคอร์รัปชัน เพราะถ้าการแก้คอร์รัปชันมีการเอาจริง แรงจูงใจทางเศรษฐกิจในสังคมก็เปลี่ยน เพราะความร่ำรวยของคนจะไม่มาจากการโกงที่ยังจับไม่ได้ แต่จะมาจากการเป็นพลเมืองดี ที่มีวิริยะอุตสาหะ นำไปสู่การเติบโตของรายได้ และความมั่งคั่ง ที่ถูกต้องตามกฎหมาย ที่สำคัญประสบการณ์ประเทศเหล่านี้ชี้ชัดว่า ปัญหาคอร์รัปชันสามารถแก้ไขได้ แต่ต้องมาจากการทำจริงของภาครัฐและการมีส่วนร่วมของทั้งภาคธุรกิจและประชาชน และรูปแบบสำคัญของการมีส่วนร่วมของภาคธุรกิจ ก็คือ การรวมตัวกันปฏิเสธคอร์รัปชันในการทำธุรกิจ และร่วมมือกันผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในวิธีและกระบวนการทำงานของภาครัฐ เพื่อสร้างความโปร่งใสและความน่าเชื่อถือ ให้กับการทำธุรกิจของประเทศ

บริษัทที่เข้าร่วมประกาศเจตนารมณ์เป็นแนวร่วมปฏิบัติของภาคเอกชนในการต่อต้านการทุจริตทั้ง 245 บริษัท มีพันธกิจสามอย่างที่ต้องทำและทุกบริษัทกำลังทำ เพื่อให้การประกาศเจตนารมณ์มีผลไปสู่การปฏิบัติจริงทั้งนโยบายและระบบงานภายในบริษัทที่ป้องกันการทุจริตคอร์รัปชัน พันธกิจที่ต้องทำก็คือ หนึ่ง ประกาศเป็นนโยบายของบริษัท โดยคณะกรรมการบริษัท ที่จะทำธุรกิจโดยไม่มีการทุจริตคอร์รัปชัน สอง วางระบบควบคุมภายใน เพื่อป้องกันไม่ให้การทำทุจริตคอร์รัปชันเกิดขึ้นในบริษัท ทั้งที่เป็นธุรกิจระหว่างบริษัทเอกชนด้วยกันเอง และระหว่างบริษัทกับภาคทางการ สาม นำนโยบายและระบบดังกล่าวไปปฏิบัติใช้จริง บริษัทที่ทำได้ครบทั้งสามพันธกิจก็จะได้รับการรับรองจากคณะกรรมการแนวร่วมปฏิบัติภาคเอกชนที่มี ดร.พนัส สิมะเสถียร เป็นประธานให้เป็นสมาชิกของแนวร่วมปฏิบัติที่สมบูรณ์ เพราะได้ปฏิบัติตนชัดเจนให้เป็นตัวอย่างของบริษัทในประเทศไทยที่ทำธุรกิจโดยไม่มีการทุจริตคอร์รัปชัน ทั้งในการมีนโยบายและการนำนโยบายไปปฏิบัติจริง ถือได้ว่าเป็น บริษัทธุรกิจที่มีการกำกับดูแลกิจการที่ดีในขั้นสูงของประเทศ และเป็นบริษัทที่มีจริยธรรมในการทำธุรกิจ สมควรที่คนไทยทุกคนจะต้องช่วยกันเชิดชูและสนับสนุน

จุดเด่นของงานในวันพรุ่งนี้จะมีสองอย่าง จุดเด่นแรก ก็คือการประกาศชื่อบริษัทที่ได้ผ่านการรับรองจากคณะกรรมการแนวร่วมปฏิบัติภาคเอกชนในการต่อต้านทุจริต ว่าได้ปฏิบัติตามพันธกิจของการเป็นสมาชิกแนวร่วมปฏิบัติทั้งสามด้านครบถ้วน สมควรที่คนไทยจะต้องรับทราบและเชิดชูให้เป็นบริษัทตัวอย่างของประเทศ ที่มีการกำกับดูแลกิจการที่ดีในขั้นสูง และเป็นบริษัทที่มีจริยธรรมในการทำธุรกิจ สมควรที่คนไทยทุกคนจะต้องสนับสนุนและเชิดชู ซึ่งจำนวนบริษัทที่จะได้รับการรับรองและประกาศเกียรติคุณในวันพรุ่งนี้จะมีมากกว่า 20 บริษัท ก็อยากจะให้ผู้อ่านทุกคนเข้าร่วมงานพรุ่งนี้กันมากๆ เพื่อเป็นสักขีพยานและเชิดชูความจริงใจในการทำเพื่อส่วนรวมของบริษัทเหล่านี้

จุดเด่นที่สอง ก็คือ ปาฐกถาพิเศษของงานในช่วงเช้า ซึ่งปีนี้ โครงการแนวร่วมปฏิบัติได้รับเกียรติอย่างสูงจาก Professor Robert Klitgaard แห่งมหาวิทยาลัย Claremont Graduate University มากล่าวปาฐกถาในหัวข้อ “การพัฒนาเศรษฐกิจและความท้าทายในเรื่องคอร์รัปชัน” ศาสตราจารย์ Klitgaard ได้รับการยอมรับจากทั่วโลกว่าเป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญมากที่สุดคนหนึ่งของโลกในเรื่องปัญหาคอร์รัปชันและการแก้ไขปัญหา การได้รับฟังจากบุคคลที่โชกโชนด้วยประสบการณ์แก้ไขปัญหาคอร์รัปชันในระดับโลก จะทำให้เรายิ่งมั่นใจว่า ปัญหาคอร์รัปชันสามารถลดทอนได้ แก้ไขได้ ถ้าเราร่วมมือกันจริงจัง และร่วมผลักดันในทิศทางที่ถูกต้องเพื่อแก้ปัญหา

ดังนั้น สำหรับบริษัทเอกชนและคนไทย พรุ่งนี้เป็นอีกวันที่ต้องออกมาร่วมกัน แสดงพลังว่าไม่ต้องการคอร์รัปชัน และพร้อมที่จะมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหา อยากให้มากันมากๆ ที่โรงแรมดุสิตธานี ห้องนภาลัย ตั้งแต่เวลา 8 โมงโดยไม่มีค่าใช้จ่าย

พบกันพรุ่งนี้ครับ


สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน

Tags : รวมพลังเอกชน ต่อต้านคอร์รัปชัน

view