สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

รองโฆษกรัฐบาล ยัน บีโอไอ เข้าใจผิดถูกเรียกเก็บเงิน ค่าข่าว อีโคคาร์

“รองโฆษกรัฐบาล”ยัน"บีโอไอ"เข้าใจผิดถูกเรียกเก็บ"เงิน"ค่าข่าว"อีโคคาร์

จากสำนักข่าวอิสรา

ฮือฮา!! รองโฆษกรัฐบาล ร่อนหนังสือด่วนที่สุด ถึง ผอ.สถานีโทรทัศน์ ช่อง 9 นำเสนอข่าวรถอีโคคาร์ ไม่มีค่าใช้จ่ายตอบแทน ย้ำบีโอไอเข้าใจผิดเองหลังปรากฏข่าวลือถูกเรียกเก็บเงินจำนวนสูงถึง 2 แสนบาท 

d

ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงาน ว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ได้รับแจ้งจากคนในอสมท. ว่า มีรองโฆษกรัฐบาลรายหนึ่งได้ทำหนังสือด่วนที่สุดถึงผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์ โมเดิร์นไนน์ (ช่อง 9) เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับข่าวกรณีสำนักงานคณะกรรมการการส่งเสริมการ ลงทุน (บีโอไอ) ถูกเรียกเก็บเงินค่าใช้จ่ายในการลงข่าวประชาสัมพันธ์ โครงการรถยนต์ประหยัดพลังงานหรืออีโคคาร์

 “รอง โฆษกรัฐบาลรายนี้ ได้ยืนยันว่า การนำเสนอข่าวดังกล่าวไม่ได้มีการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายอะไรเป็นความเข้าใจผิด ของบีโอไอเอง จึงขออภัยต่อ ผอ. อสมท มาด้วย”

แหล่งข่าวกล่าวต่อ ไปว่า เหตุผลที่ทำให้รองโฆษกรัฐบาลรายนี้ ทำหนังสือมาถึง ผอ.อสมท อาจเป็นเพราะในขณะนี้กำลังเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในหมู่นักข่าว อสมท จากการที่มีบุคคลกลุ่มหนึ่ง โทรศัพท์ติดต่อไปเรียกเก็บเงินค่าใช้จ่าย จากบีโอไอ เป็นจำนวนเงินถึง 2 แสนบาท

หลังจากอสมทได้นำเสนอข่าวรถยนต์ประหยัดพลังงานชิ้นนี้ออกไปแล้ว ในช่วงต้นเดือนกันยายน ที่ผ่านมา 


เปิดหนังสือ"รองโฆษก"เคลียร์ปัญหา"บีโอไอ"ถูกไถเงินทำข่าวพีอาร์อีโคคาร์ ?

จากสำนักข่าวอิสรา

เปิดหนังสือ"รองโฆษก"ยัน"บีโอไอ"ไม่ได้ถูกไถ่เงินค่าทำข่าวพีอาร์"อีโคคาร์"ช่อง9 พบ "ชลิตรัตน์" ลงนามเองถึงผอ.สถานีโทรทัศน์โมเดิร์นไนน์ (ช่อง 9)  ย้ำไม่มีการเรียกเก็บค่าใช้จ่าย กลบกระแสข่าวลือ "ดาวไถ" สายตรงผู้บริหารขอเงิน 2 แสนบาท?   

htyr

กลายเป็นประเด็นร้อนในวงการ "สื่อ" ขึ้นมาทันที!! 

เมื่อ เกิดข่าวซุบซิบหนาหูว่า มีบุคคลกลุ่มหนึ่ง โทรศัพท์สายตรงไปยังบีโอไอ เพื่อขอเรียกรับเงินค่าทำข่าวประชาสัมพันธ์โครงการรถยนต์ประหยัดพลังงาน ประเภทหนึ่ง เป็นจำนวนเงิน 2 แสนบาท ?

และ ไม่นานนัก ก็ปรากฎข้อมูลว่า รองโฆษกรัฐบาลคนหนึ่ง ได้ทำหนังสือแจ้งไปยัง ผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์โมเดิร์นไนน์ (ช่อง 9)  เพื่อยืนยันว่า การนำเสนอข่าวดังกล่าวไม่ได้มีการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายอะไรเป็นความเข้าใจผิด ของบีโอไอเอง พร้อมขออภัยต่อ ผอ.สถานีโทรทัศน์โมเดิร์นไนน์ (ช่อง 9) ด้วย 

(อ่านประกอบ:“รองโฆษกรัฐบาล”ยัน"บีโอไอ"เข้าใจผิดถูกเรียกเก็บ"เงิน"ค่าข่าว"อีโคคาร์") 

ท่าม กลางข้อสงสัยนานานัปการว่า รองโฆษกรัฐบาลรายนี้ เข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ได้อย่างไร และทำไมถึงต้องรีบทำหนังสือดังกล่าวไปถึง ผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์โมเดิร์นไนน์ (ช่อง 9)  แบบนี้?

ล่าสุด สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจ สอบข้อเท็จจริงเรื่องนี้ พบหลักฐานว่า เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2556 ที่ผ่านมา นายชลิตรัตน์ จันทรุเบกษา รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะทำงานบูรณาการข่าวสารและการประชาสัมพันธ์กระทรวงอุตสาหกรรม ได้ทำหนังสือด่วนที่สุด ที่จก 0203(4) /4300 ถึงผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์โมเดิร์นไนน์ (ช่อง 9) เรื่อง ขอชี้แจงการเสนอข่าวโครงการรถยนต์ประหยัดพลังงานมาตรฐานสากลระยะที่ 2 

ทั้งนี้ ในหนังสือดังกล่าว ระบุข้อความว่า ตามที่สถานีโทรทัศน์โมเดิร์นไนน์ ได้ให้ความกรุณาเสนอข่าว โครงการ รถยนต์ประหยัดพลังงานมาตรฐานสากลระยะที่ 2 (อีโคคาร์ เฟส 2) ระหว่างวันที่ 1-2 กันยายน 2556 ในรายการข่าวของทางสถานีฯ และสำนักงานคณะกรรมการการส่งเสริมการลงทุน ได้มีการเข้าใจผิดว่าการเผยแพร่ข่าวดังกล่าวต้องเสียค่าใช้จ่ายนั้น

ผมนายชลิตรัตน์ จันทรุเบกษา รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และประธานคณะทำงานบูรณาการข่าวสารและการประชาสัมพันธ์กระทรวงอุตสาหกรรม ขอเรียนชี้แจงว่าเป็นการเข้าใจผิดของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) จึงขออภัยในสิ่งที่อาจทำให้เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อน และขอยืนยันว่าการเสนอข่าวดังกล่าวไม่ได้มีการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายแต่อย่าง ใด

ทั้งนี้ กระทรวงอุตสาหกรรมขอขอบคุณสถานีโทรทัศน์โนเดิร์นไนน์ที่ให้ความร่วมมือในการ นำเสนอข่าวดังกล่าว รวมทั้งข่าวของกระทรวงอุตสาหกรรมอย่างสม่ำเสมอด้วยดีตลอดมา

จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ

ลงชื่อ นายชลิตรัตน์ จันทรุเบกษา

รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
และประธานคณะทำงานบูรณาการข่าวสารและการประชาสัมพันธ์กระทรวงอุตสาหกรรม

อย่างไรก็ตาม สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ได้ีั รับการยืนยันข้อมูลอีกด้านหนึ่งว่า ทางบีโอไอ กล่าวอ้างว่าได้รับการติดต่อจากบุคคลกลุ่มหนึ่งเพื่อเป็นค่าตอบแทนในการทำ ข่าวพีอาร์ดังกล่าวจริง 

"หลังจากที่มีข่าวออกไปแล้ว มีบุคคลกลุ่มหนึ่ง พยายามต่อสายตรงถึงผู้บริหารบีโอไอ เพื่อขอเงินค่าทำข่าว เป็นจำนวนเงิน 2 แสนบาท แต่ทางบีโอไอ ได้บอกปัดไป"  

นี่ คือข้อเท็จจริงที่ถูกเปิดเผยออกมา เกี่ยวกับกระแสข่าวลือ ถึง "ดาวไถ (ค่าข่าว) " ดวงใหม่ในวงการสื่อ ที่กำลังถูกพูดถึงอย่างมากในขณะนี้  

(ดูเอกสารประกอบ)

ff


แกะรอยที่มากลุ่ม“ดาวไถ”เรียกเงินพีอาร์ข่าวช่อง9–โยงนักการเมืองหนุ่ม ?

จากสำนักข่าวอิสรา

"...คำ ถามที่น่าสนใจ คือ เมื่อทางอสมท ยืนยันว่า ทำข่าวให้หน่วยงานรัฐไม่เสียเงิน แล้ว นายชลิตรัตน์ เอาข้อมูลเรื่องค่าผลิตรายการที่ต้องจ่ายให้อสมท.ในเรื่องนี้มาจากไหน? สัญญาที่ต้องทำกับฝ่ายการตลาด ฝ่ายโฆษณาในการเผยแพร่สกู๊ปชิ้นนี้ตามที่นายชลิตรัตน์ระบุถึงอยู่ที่ไหน?.."

ffddd

ยังคงเป็นปริศนาค้างคาใจใครหลายคนเกี่ยวกับ “เรื่องเล่า” ของ “ดาวไถ (ค่าข่าว)” กลุ่มใหม่ ที่ถือกำเนิดขึ้นในวงการ "สื่อ”

ที่หาญกล้าถึงขนาดโทรศัพท์ไปทวงเงินจำนวน 2 แสนบาท จากบีโอไอ เพื่อแลกเปลี่ยนกับค่าเผยแพร่สกู๊ปข่าวประชาสัมพันธ์โครงการรถยนต์ประหยัดพลังงาน หรือ อีโคคาร์ ทางช่อง 9 อสมท. 

ว่าแท้จริงแล้ว มีอยู่จริงหรือ เป็นเพียงแค่เสียงซุบซิบนินทาในวงการสื่อมาพร้อมกับสายลม?

ทั้งนี้ เพื่อให้สาธารณชนได้เห็นภาพข้อเท็จจริงที่ชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องนี้มากยิ่งขึ้น

สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ได้ทำการประมวลข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับข้อเท็จจริงที่ได้รับจากการยืนยันของผู้เกี่ยวข้องในเรื่องนี้ทุกฝ่าย มานำเสนออีกครั้ง

พร้อมพบข้อสังเกตที่น่าสนใจหลายประการ ดังนี้

1. จุดเริ่มต้นของเรื่องนี้ เกิดจากกระแสข่าวลือของคนใน อสมท. ว่า มีบุคคลกลุ่มหนึ่ง โทรศัพท์สายตรงไปถึงผู้บริหารบีโอไอ เพื่อขอรับเงินจำนวน 2 แสนบาท หลังจากที่สกู๊ปข่าวประชาสัมพันธ์โครงการรถยนต์ประหยัดพลังงาน ของกระทรวงอุตสาหกรรม ได้ถูกเผยแพร่ผ่านทางช่อง 9 อสมท. ในช่วงต้นเดือนกันยายน 2555 ที่ผ่านมา

มีการยืนยันข้อมูลจากคนใน อสมท ว่า จุดเริ่มต้นของสกู๊ปข่าวชิ้นนี้ เกิดขึ้นจากหัวหน้าข่าวโต๊ะสายข่าวแห่งหนึ่งใน อสมท ได้แจ้งต่อที่ประชุมกองบรรณาธิการว่า มีนโยบายจากเบื้องบน ให้ อสมท ช่วยทำข่าวเผยแพร่ประชาสัมพันธ์งานของ รัฐบาลให้มากยิ่งขึ้น

ก่อนจะเสนอไอเดีย ว่า ขณะนี้กระทรวงอุตสาหกรรม กำลังจะเปิดตัวโครงการรถยนต์ประหยัดพลังงานเฟสสอง ขอให้โต๊ะข่าวเศรษฐกิจส่งทีมข่าวเข้าไปทำสกู๊ปข่าวชิ้นนี้มานำเสนอด้วย

ว่ากันว่า ในขั้นตอนการทำสกู๊ปข่าวชิ้นนี้ ทีมข่าวที่ได้รับมอบหมาย ไม่ต้องลงแรงอะไรมาก โดยเฉพาะการติดต่อประสานงานกับแหล่งข่าว เนื่องจากมีบุคคลกลุ่มหนึ่ง ทำหน้าที่ในการติดต่อประสานงานไว้ให้เรียบร้อยแล้ว

แม้ว่าวันที่บันทึกคำสัมภาษณ์ แหล่งข่าว จะเป็นวันหยุดก็ตามที่? 

2. ภายหลังจากที่สกู๊ปข่าวชิ้นนี้ ถูกเผยแพร่ผ่านทาง ช่อง 9 อสมท เรียบร้อยแล้ว

มีการยืนยันข้อมูลว่า มีทีมงานของนักการเมืองรายหนึ่ง โทรศัพท์ติดต่อไปยังบีโอไอ เพื่อขอให้จ่ายเงินค่าสกู๊ปข่าวเป็นจำนวนเงิน 2 แสนบาท เป็นค่าตอบแทน

เบื้องต้น ทางบีโอไอ ไม่ยอมจ่าย เพราะไม่เคยรับทราบมาก่อนว่า ใครทำอะไรที่ไหนเมื่อไรกับสกู๊ปชิ้นนี้ และที่สำคัญหัวขบวนใหญ่ ที่มีความต้องการจะให้มีสกู๊ปข่าวชิ้นนี้ เป็นกระทรวงอุตสาหกรรม ไม่ใช่บีโอไอ

แต่ ไม่นานนักภายหลังจากที่บีโอไอ ปฏิเสธการจ่ายเงินดังกล่าวไป ไม่นานนักก็ปรากฏว่า มีนักการเมืองคนหนึ่ง โทรศัพท์ติดต่อไปยังบีโอไอ ด้วยตนเอง เพื่อยืนยันให้บีโอไอ จ่ายเงินส่วนนี้

3. หลังจากเกิดกระแสข่าวลือเรื่องบีโอไอ ถูกโทรศัพท์ ไปเรียกเงินค่าสกู๊ปข่าวดังกล่าว ผู้บริหาร อสมท. ก็ยังไม่ได้แสดงท่าทีอะไรชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องนี้ ไม่ว่าจะเป็นการตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง รวมถึงการทำหนังสือสอบถามหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

แต่ปรากฎว่า นายชลิตรัตน์ จันทรุเบกษา รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะทำงานบูรณาการข่าวสารและการประชาสัมพันธ์กระทรวงอุตสาหกรรม ได้ทำหนังสือด่วนที่สุด ที่จก 0203(4) /4300 ถึงผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์โมเดิร์นไนน์ (ช่อง 9) เพื่อชี้แจงเรื่องนี้ ทันที 

โดยนายชลิตรัตน์ ได้ยืนยันในหนังสือฉบับดังกล่าวอย่างเป็นทางการว่า การเสนอข่าวดังกล่าวไม่ได้มีการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด พร้อมระบุว่าเป็นความเข้าใจผิดของบีโอไอ ที่เข้าใจผิดว่าการเผยแพร่ข่าวดังกล่าวต้องเสียค่าใช้จ่าย

เบื้องต้น นายชลิตรัตน์ ได้ยืนยันกับสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ว่า เหตุที่ต้องทำหนังสือไปถึงช่อง 9 เพราะได้ยินมาว่าคนในสหภาพช่อง 9 พูดว่าทำไมบีโอไอถึงมาถามว่าออกข่าวให้แล้วจ่ายเงินทางไหน สหภาพช่อง 9 จึงงงว่าทำไมบีโอไอจึงถามแบบนั้น

“ผมในฐานะที่ดูแลการประชาสัมพันธ์ กระทรวงอุตสาหกรรม จึงต้องรับผิดชอบในการชี้แจงให้ช่อง 9 รู้เหตุผลที่แท้จริง ว่าเป็นความเข้าใจผิดของผู้ใต้บังบัญชา เพราะเงินที่บีโอไอต้องจ่ายไม่ใช่ค่าออกข่าว มันเป็นค่าผลิตรายการที่ผู้ผลิตเขาจะต้องมีค่าใช้จ่าย เขามาสัมภาษณ์นายประเสริฐ บุญชัยสุข รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ก็ต้องมีค่าใช้จ่าย แต่ไปสื่อสารผิดว่าเป็นค่าออกข่าวจึงเกิดเรื่อง” นายชลิตรัตน์ กล่าว

(อ่านประกอบ:"ชลิตรัตน์"ปัดไม่รู้ "ใคร" ไถเงินค่าทำข่าวพีอาร์อีโคคาร์ "บีโอไอ" 2 แสน)

แต่เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามข้อมูลไปยัง นายอเนก เพิ่มวงศ์เสนีย์ ผู้อำนวยการใหญ่อสมท ได้ รับการยืนยันว่า “การออกไปทำข่าวจะไม่มีค่าใช้จ่ายอะไรทั้งสิ้น เมื่อมีการร้องขอมาจากหน่วยงานของรัฐ ช่อง 9 สามารถไปทำข่าวได้เลย ไม่มีค่าใช้จ่าย ไม่มีการจ้าง”

 นายอเนก ยังย้ำถึงปัญหาในเรื่องนี้ ว่า “ผมต้องขอโทษ เพราะผมไม่รู้เรื่องเงินเลย รู้แค่ว่าการทำข่าวมันไม่เสียเงิน”

ขณะที่ผู้ปฏิบัติงานฝ่ายขาวในอสทม. ยันยันว่า หากจะมีการจัดทำสกู๊ปรายงานจากที่หน่วยงานรัฐร้องขอมา ผู้สื่อข่าวจะพิจารณาความเหมาะสมรวมทั้งประเด็นข่าว ก่อนที่จะออกไปดำเนินการจัดทำ โดยการจัดทำทั้งหมดจะไม่เสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด

“แต่ในการทำสกู๊ปโครงการรถยนต์ ประหยัดพลังงานประเภทหนึ่ง ซึ่งมีผู้สื่อข่าวสายเศรษฐกิจไปสัมภาษณ์นายอุดม วงศ์วิวัฒน์ไชน์ เลขาธิการบีโอไอ ก็ไม่มีการเรียกเก็บเงินแต่อย่างใด เพราะทุกคนรู้ดีในหน้าที่ดี ที่สำคัญหากหน่วยงานรัฐจะจัดทำเป็นโฆษณา ซึ่งมันต้องมีค่าใช้จ่าย จะต้องติดต่อผ่านฝ่ายการตลาด ฝ่ายโฆษณา ของช่อง 9 เท่านั้น เพราะเงินทุกบาทต้องเข้าบริษัท แต่กรณีที่เกิดปัญหาเท่าที่ทราบ ไม่ได้มีการแจ้งผ่านฝ่ายการตลาด ฝ่ายโฆษณา แต่อย่างใด”

 (อ่านประกอบ:คนละทาง!! “ผอ.อสมท.” ยัน “ช่อง 9” ไม่เก็บเงินทำข่าวจาก “หน่วยงานรัฐ”)

คำถามที่น่าสนใจ คือ เมื่อทางอสมท. ยืนยันว่า ทำข่าวให้หน่วยงานรัฐไม่เสียเงิน แล้ว นายชลิตรัตน์ เอาข้อมูลเรื่องค่าผลิตรายการที่ต้องจ่ายให้อสมท.ในเรื่องนี้มาจากไหน?

สัญญาที่ต้องทำกับฝ่ายการตลาด ฝ่ายโฆษณาในการเผยแพร่สกู๊ปชิ้นนี้ตามที่นายชลิตรัตน์ ระบุถึงอยู่ไหน?

ใครเป็นฝ่ายที่จะต้องจ่ายเงินระหว่าง กระทรวงอุตสาหกรรม หรือบีโอไอ เพราะผู้บริหารก็ให้สัมภาษณ์ในข่าวชิ้นนี้เหมือนกัน?

และที่สำคัญที่สุด มีการจ่ายเงินค่าจ้างเรื่องนี้หรือยัง ถ้าจ่ายเงินแล้ว เงินจำนวนนี้ไปเข้าที่ใคร? 

4. มีการยืนยันข้อมูลจากแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือว่า นักการเมือง ที่โทรศัพท์ติดต่อไปยังบีโอไอ ไม่ใช่ นายชลิตรัตน์ แน่นอน แต่เป็นนักการเมืองรายหนึ่ง ที่รู้จักกับ “นายชลิตรัตน์” เป็นอย่างดี 

เบื้องต้น มีการตั้งข้อสังเกตว่า ภายหลังจากที่กระแสข่าวลือเรื่องการไถ่เงินค่าเผยแพร่สกู๊ปประชาสัมพันธ์ โครงการรถยนต์อีโคคาร์ดังกล่าว

นักการเมืองรายนี้ อาจจะได้รับทราบข้อมูลจาก “คนสนิท” ใน อสมท. ว่า กำลังถูกจับตามองในเรื่องนี้ จึงรีบประสานงานไปยังนายชลิตรัตน์ ให้ช่วยเหลือด้วยการทำหนังสือแจ้งไปยังช่อง 9 ว่า เรื่องนี้ เป็นความเข้าใจผิดของบีโอไอเอง ไม่มีการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด?

(นายชลิตรัตน์ กล่าวยืนยันกับสำนักข่าวอิศรา เมื่อถูกถามว่า ลือกันหนักถึงขั้นว่ามีนักการเมืองอยู่เบื้องหลังด้วย นายชลิตรัตน์ ตอบว่า “ผมไม่รู้ แต่ไม่เกี่ยวกับผมแน่นอน”)

แต่การที่นายชลิตรัตน์ ระบุในหนังสือถึง อสมท.ว่า “บีโอไอ ได้มีการเข้าใจผิดว่าการเผยแพร่ข่าวดังกล่าวต้องเสียค่าใช้จ่ายนั้น” รวมถึงการระบุว่า “ ได้ยินมาว่าคนในสหภาพช่อง 9 พูดว่าทำไมบีโอไอถึงมาถามว่าออกข่าวให้แล้วจ่ายเงินทางไหน สหภาพช่อง 9 จึงงงว่าทำไมบีโอไอจึงถามแบบนั้น”

ถือเป็นหลักฐาน ชิ้นสำคัญ ที่ยืนยันข้อมูลได้ในระดับหนึ่ง ว่า บีโอไอ ได้รับการติดต่อให้จ่ายค่าใช้จ่ายในการเผยแพร่สกู๊ปชิ้นดังกล่าวอยู่จริง?

คำถามที่น่าสนใจคือ ถ้ากระแสข่าวที่ว่า มีนักการเมืองคนอื่น นอกเหนือจากนายชลิตรัตน์ โทรศัพท์ติดต่อไปยังเพื่อแลกรับเงินค่าข่าวดังกล่าวเป็นจริง?

ก็ต้องมีคำถามตามมาว่า นักการเมืองรายนี้ ใช้สิทธิ์อะไรในการดำเนินการเรื่องนี้และทำลักษณะนี้ มากี่ครั้งกี่หนแล้ว?

แต่คำถามที่น่าสนใจมากกว่านั้น คือ เกี่ยวกับปัญหาเรื่องนี้ทางอสมท. หรือองค์กรวิชาชีพด้านสื่อจะแสดงท่าทีอย่างไรต่อเรื่องนี้ 

เพราะถ้ายังปล่อยให้เรื่องนี้ลอยนวลและเงียบหายไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น 

ช่อง 9 อสมท. อาจจะได้รับผลกระทบด้านภาพลักษณ์เต็มๆ ว่า นอกจากการเป็นช่องทางในการเผยแพร่ผลงานของหน่วยงานรัฐบาลอย่างสม่ำเสมอด้วย ดีตลอด (นายชลิตรัตน์ ระบุไว้ในหนังสือที่ทำถึงผอ.สถานีโทรทัศน์ช่อง 9)

อาจจะถูกวิพากษ์วิจารณ์ได้ว่า ถูกใช้เป็นช่องทางทำมาหากิน ให้กับ นักการเมืองบางคน ที่ต้องการเข้ามาแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ  

เพื่อหา “ค่าขนม” ไปใช้ในการทำกิจกรรมอย่างใดอย่างหนึ่งที่ไม่พึ่งประสงค์ ประสาผู้ชายที่รักสนุกแต่ไม่ยึดติดตามที่มีเสียงลือดังสนั่นในวงการสื่อขณะนี้ก็เป็นไปได้? 

ถึงเวลาหรือยัง ที่คนอสมท จะต้องลุกขึ้นมาปกป้องศักดิ์ศรีของตนเองจากกระแสข่าวทางลบ แบบที่เห็นและเป็นอยู่ในปัจจุบันนี้?


สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน

Tags : รองโฆษกรัฐบาล บีโอไอ เข้าใจผิด ถูกเรียกเก็บเงิน ค่าข่าว อีโคคาร์

view