สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

10 ท่ายาก การลงทุน (2/2)

จากประชาชาติธุรกิจ

คอลัมน์ คิด วิเคราะห์ แยกแยะโดย ธันวา เลาหศิริวงศ์

www.facebook.com/18thanwa


จากตอนที่แล้วได้กล่าวถึง 5 ท่ายากของการลงทุน ได้แก่ ท่าแรก ลงทุนแบบไม่มีหลักการลงทุน ท่าที่สอง ลงทุนเกินขอบข่ายความรู้ ท่าที่สาม ลงทุนแบบไม่เคยประเมินมูลค่า ท่าที่สี่ ลงทุนแบบซื้อขายบ่อยเกินไป และ ท่าที่ห้า ลงทุนแบบไม่กระจายความเสี่ยง บทความนี้จะกล่าวถึงอีก 5 ท่ายากที่เหลือ มาดูกันว่ามีอะไรบ้าง

ท่าที่หกการตัดสินใจซื้อขายจากการคาดเดาภาวะตลาด ในโลกการลงทุน ไม่มีใครสามารถคาดเดาการขึ้นลงของหุ้นได้อย่างถูกต้องแม่นยำ หากมีการติดตามผลจะพบว่ามีทั้งถูกและผิดเสมอ แม้การคาดการณ์นั้นจะมาจากนักวิเคราะห์ที่มีความเชี่ยวชาญ หรือผู้มีประสบการณ์ลงทุนอย่างยาวนานก็ตาม เราจึงพบเห็นปรากฏการณ์ทั้ง Sell on Fact หรือ Buy on Fact ราคาหุ้นขึ้น

แม้ผลประกอบการแย่ หรือราคาหุ้นลง แม้ผลประกอบการดี หุ้นไทยขึ้นสวนทางตลาดต่างประเทศ หรือบางครั้งไปในทิศทางเดียวกัน

ในระยะสั้น ราคาหุ้นมักอ่อนไหวขึ้นลงตามปัจจัยภายนอก และอารมณ์นักลงทุนที่แปรปรวนรายวัน วิธีเลี่ยงหนึ่ง คือการเลือกลงทุนในกิจการที่สามารถคาดได้ว่าจะมีผลประกอบการดีขึ้นในระยะยาว ซึ่งราคาหุ้นจะต้องสะท้อนผลประกอบการนั้นในที่สุด

ท่าที่เจ็ด ไม่มีความอดทนเพียงพอ ความอดทนเป็นคุณสมบัติสำคัญอย่างหนึ่งของนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จ ยามภาวะหุ้นขึ้น นักลงทุนส่วนใหญ่มักตัดสินเข้าซื้อหุ้นโดยไม่อดทน รอราคาที่เหมาะสม ส่วนในยามภาวะตลาดย่ำแย่ นักลงทุนก็ต้องอดทนเห็นหุ้นของตนราคาลดลงให้ได้ และควรต้องพิจารณาซื้อเพิ่ม หากยังเป็นกิจการที่ยอดเยี่ยม ที่มีส่วนต่างความปลอดภัยเพิ่มขึ้น นักลงทุนต้องพึงระลึกไว้เสมอว่า มีโอกาสที่ดีเสมอในตลาดหุ้นสำหรับผู้ที่มีความอดทน

โอกาสเดียวที่จะ ทำกำไรจากการไล่ซื้อหุ้นในราคาสูง คือราคาหุ้นจะต้องขึ้นสูงเพิ่มไปอีก แต่หากปัจจัยพื้นฐาน หรือผลประกอบการไม่ได้โดดเด่นมากนัก แม้ราคาหุ้นจะขึ้นต่อไปอีก แต่อาจจะไม่สามารถรักษาระดับราคานั้นได้ วิธีเลี่ยง คือการออกห่างตลาดยามหุ้นขึ้น และติดตามตลาดอย่างใกล้ชิด เพื่อเข้าซื้อหุ้นที่ศึกษามาอย่างดีในราคาเหมาะสมยามตลาดหุ้นลงนั่นเอง

ท่าที่แปด ลงทุนด้วยมาร์จิ้น หรือชอร์ตเซลการ ลงทุนด้วยวิธีดังกล่าว แม้จะทำให้มีโอกาสสร้างผลตอบแทนเพิ่มขึ้น แต่นับว่าเป็นท่ายากท่าหนึ่งเลยทีเดียว เพราะนักลงทุนจำเป็นต้องเข้าใจ มีความเชี่ยวชาญ มีจิตวิทยาการลงทุนดี ไม่หวั่นไหว หากราคาหุ้นไม่เป็นไปดังคาด และต้องติดตามราคาซื้อขายอย่างใกล้ชิด นอกจากนั้น การเลือกใช้ท่ายากนี้ ยังมีต้นทุนธุรกรรมแฝงอยู่อีกด้วย

คำแนะนำในการหลีกเลี่ยงท่ายากนี้ และยังได้เพิ่มผลตอบแทน คือการให้ยืมหุ้นเพื่อซอร์ตเซลในกรณีที่ถือหุ้นเต็มพอร์ต แม้จะได้ดอกเบี้ยรายวันในอัตรา 3-5% ต่อปี แต่ก็ดีกว่าถือหุ้นไว้เฉย ๆ ส่วนนักลงทุนที่ถือเงินสดเต็มพอร์ต ควรพิจารณานำเงินสดนั้นลงทุนใน Money Market Funds ระยะสั้นที่ให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าเงินฝากออมทรัพย์

ท่าที่เก้า ลงทุนในธุรกิจสวนกระแสแนวโน้มใหญ่ (Mega Trend) เป็นอีกท่ายากหนึ่ง หากลงทุนในอุตสาหกรรม หรือธุรกิจที่สวนกระแส และยังคาดหวังให้ผลประกอบการโดดเด่น เพื่อผลตอบแทนการลงทุนที่ดี แนวโน้มใหญ่ส่วนมากมักเกิดขึ้นก่อนในต่างประเทศ นักลงทุนสามารถเรียนรู้ถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อธุรกิจ และราคาหุ้นจากกรณีศึกษาเหล่านั้นด้วยหากถือหุ้นที่อยู่ในธุรกิจดังกล่าว นัก ลงทุนควรพิจารณาขายหุ้นให้เร็วที่สุด เพื่อหลีกเลี่ยงความเสียหายที่อาจเพิ่มขึ้น เพราะหากนักลงทุนส่วนใหญ่คาดว่าธุรกิจต้องได้รับผลกระทบมากขึ้นจากแนวโน้ม ใหญ่ ราคาหุ้นจะต้องปรับตัวลงอีก อย่างไรก็ตาม แม้ราคาหุ้นจะลดลงจนต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐาน ปัจจัยบวกเดียวที่จะทำให้ราคาหุ้นปรับเพิ่มขึ้นบ้าง คือราคาหุ้นนั้นถูกเกินไปนั่นเอง

ท่าที่สิบ ลงทุนแบบหวังผลเลิศ ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง และสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับนักลงทุนในหลายปีที่ผ่านมา นักลงทุนคุ้นเคยกับการซื้อถูกขายแพง อย่างไรก็ตาม การตั้งความหวังที่จะได้ผลตอบแทนสูงเช่นเดิมนั้น นอกจากจะเป็นท่ายากแล้ว ยังอาจเป็น "กับดัก" ให้นักลงทุนยอมรับความเสี่ยงเพิ่มขึ้นด้วยการเล่นท่ายากอื่น หากผลตอบแทนไม่เป็นดังคาดอีกด้วยมี 3 ปัจจัยสำคัญในการคำนวณผลตอบแทนทบต้น ได้แก่ อัตราผลตอบแทนต่อปีทบต้น เงินลงทุน และระยะเวลาลงทุน การคาดหวังผลตอบแทน 12-15% ต่อปี ถือว่าเป็นเป้าหมายที่ท้าทาย แต่ปฏิบัติได้จริง วิธีหลีกเลี่ยงท่ายากนี้ คือการเพิ่มความสำคัญอีก 2 ปัจจัยที่เหลือ โดยปัจจัยที่เพิ่มง่ายที่สุด คือการเพิ่มระยะเวลาลงทุน ที่สนับสนุนคำพูดที่ว่า "เริ่มก่อนได้เปรียบ" นั่นเอง

การลงทุนใน ตลาดหุ้น เป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ จะว่ายากก็ยาก จะว่าง่ายก็ง่าย ไม่มีสูตรสำเร็จตายตัว ไม่สามารถลอกเลียนแบบได้ทั้งหมด การรู้ทฤษฏีเหมือนกัน ก็ไม่อาจปฏิบัติให้ได้ผลลัพธ์เช่นเดียวกัน ในฐานะ Value Investor จึงควรประเมินและหลีกเลี่ยงท่ายากในการลงทุนของตนให้มากที่สุด หากเป็นไปได้ ก็เลือกเฉพาะท่าง่ายสำหรับตัวเองที่เข้าข่าย KISS-Keep It Simple Stupid เพื่อความสุขและสบายใจตลอดการเดินทางบนถนนการลงทุนสายนี้


สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน

Tags : 10 ท่ายากการลงทุน

view