เขี้ยวเล็บเอาคนเลวออกนอกระบบการเมือง

เขี้ยวเล็บเอาคนเลวออกนอกระบบการเมือง

โดย : ดร.อมร วาณิชวิวัฒน์

จาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

มีคนจำนวนมากแสดงความห่วงใยกรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่าจะนำไปสู่สภาผัวเมียบ้างการเล่นพรรคเล่นพวกหาประโยชน์ให้กับตนเอง

และวงศาคณาญาติ ผมเลยลองปรึกษากับผู้รู้ซึ่งเป็นกัลยาณมิตรนักกฎหมายชั้นครูของประเทศหลายท่าน ได้รับคำแนะนำดีๆ มีสาระควรค่าแก่การนำมา เผยแพร่ให้ท่านผู้อ่านและผู้เกี่ยวข้องนำไปคิดพิจารณาดูว่าจะปรับใช้เข้ากับสถานการณ์ของบ้านเมืองในเวลานี้ได้อย่างไรบ้าง

ที่แล้วๆ มาคนที่กระโดดเข้าสู่สนามการเมืองมีทั้งคนดีคนเลวคละเคล้าปะปนกันไป ทางราชการและภาคประชาชนทุกหมู่เหล่า มีความพยายามแสวงหามาตรการต่างๆ ในการแก้ไขปัญหาอย่างสะเด็ดน้ำแต่ดูเหมือนว่า คนที่จ้องจะกอบโกยสามารถเอาตัวรอดไปได้แทบทุกครั้ง โดยมาตรการที่พิจารณาแล้วน่าจะนำมาแก้ไขปัญหาได้

ในทางประมวลรัษฎากร ถือหลักว่าใครมีเงินได้ต้องเสียภาษี ส่วนการพิสูจน์ตามข้อกล่าวอ้างไม่ว่าจะเป็น เรื่องมอบหรือโอนไปให้ใครรับช่วงแทนที่นักการเมืองชอบกระทำกันก่อนหรือหลังดำรงตำแหน่ง ทางราชการไม่มีหน้าที่พิสูจน์

การยื่นบัญชีทรัพย์สินหนี้สิน ให้ ป.ป.ช. ต้องถูก ป.ป.ช. ดูความมีอยู่จริง แต่มาตรฐาน หรือ สมมติฐานในการตรวจสอบของ ป.ป.ช. ยังไม่ใช้หลัก ทรัพย์สิน และรายได้ ที่ไม่สัมพันธ์กัน เช่น ทรัพย์สินมีการแจ้งว่ามีอยู่พันล้านบาท แต่ สามีภรรยา รวมกันมีรายได้ต่อปีรวมกันอยู่สามล้านบาท.อย่างนี้ต้องมาชี้แจงว่ามีรายได้อย่างอื่นนอกเหนือจากที่แจ้ง ป.ป.ช. ไหม ถ้ามีรายได้อย่างอื่น มาตรการทางภาษีจะเข้ามาตรวจสอบว่า มีการเสียภาษีเมื่อใด เพราะรายได้ที่ได้มา ต้องไปรวมยื่นแบบเสียภาษี

การอ้างว่ามีทรัพย์สิน มากกว่ารายได้ ไม่ว่าจะเพราะ ได้มรดกมา หรือร่ำรวยจากการซื้อขายหุ้นถือเป็นรายได้แต่ยกเว้นภาษีตามกฎหมายเฉพาะ แต่เป็นภาระของผู้อ้างว่ามีรายรับเพิ่มด้วยกรณีดังกล่าวต้องพิสูจน์ให้เห็น หรือ กรณีทรัพย์สินนั้น เพิ่มมูลค่า ก็จะต้องแจ้งให้ ป.ป.ช. รับทราบถ้านอกเหนือจากนี้ ไม่เสียภาษีจะถูกประเมินภาษี หากไม่แจ้งแสดงว่ามีการซ่อนเร้นหรือมีเจตนาหลบเลี่ยง ต้องตรวจสอบการเสียภาษีย้อนหลัง เพื่อตรวจสอบว่า ทรัพย์สินที่นำมาแสดงว่า เป็นของผู้นั้นมีอยู่จริงหรือไม่ เพื่อความเป็นธรรมกับทุกคนในสังคม และเป็นเครื่องพิสูจน์ทางหนึ่งว่า ผู้จะมาเป็นผู้แทนปวงชนเป็นพลเมืองดีหรือไม่ มีส่วนเชื่อมโยงไปถึงคนค้าของเถื่อน คนค้ายาเสพติด จะเป็นหนทางหนึ่งในการป้องกันคนเหล่านี้เข้ามาในการเมือง

ประมวลรัษฎากรมาตรา 49 ทางอธิบดีสรรพากรมีอำนาจตามกฎหมาย เมื่อมีมาจ่ายเงินภาษี สามารถพิจารณาสถานภาพทางสังคมประกอบได้ หลายคนสถานะในทางสังคม ใช้ชีวิตหรูหราฟุ่มเฟือย เช่น ขับรถซุูเปอร์คาร์ ส่งลูกหลานเรียนเมืองนอก แสดงว่าหากแจ้งรายได้ สองล้านต่อปี น่าจะมีพิรุธ อธิบดีกรมสรรพากรสามารถประเมินจากสภาพความเป็นอยู่และรายจ่าย รายจ่ายถือเป็นส่วนหนึ่งของรายได้ เพราะถ้าไม่มีรายได้จะมีรายจ่ายได้อย่างไร

การนำมาตรการภาษีเข้าไปจับหากมีความผิดจะถูกจ่ายเงินค่าปรับสามเท่าและเงินที่ต้องจ่ายค่าภาษีอีกรวมเป็นสี่เท่า รุนแรงยิ่งกว่าการยึดทรัพย์ ถ้าสามารถใช้มาตรการนี้ได้ผลจะกลั่นกรองบุคคลอย่างนักค้าของเถื่อน ผู้ชอบเลี่ยงภาษี ที่จะเข้ามาเกี่ยวพันกับอำนาจรัฐ ในอนาคตได้อย่างได้ผลยิ่ง

สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน