สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

ปล้นเรือขนเงินร้อยล้าน จะปล่อยให้จบแค่นี้หรือ

จาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

คดีใหญ่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว แม้ไม่ดังเท่าคดีฆ่า "เอ็กซ์ นักแม่นปืน" แต่มีความน่าสนใจไม่แพ้กัน ก็คือ

คดีกองปราบโชว์ผลงานจับ"แก๊งปล้นเรือขนเงิน" มูลค่าถึง 119 ล้านบาทเหตุเกิดช่วงต้นเดือน ต.ค.ในทะเลอ่าวไทย พื้นที่ต่อเนื่องระหว่าง จ.สงขลา กับ ปัตตานี

งานนี้ต้องปรบมือให้ตำรวจกองปราบที่ตามจับคนร้ายได้อย่างรวดเร็ว 4 คน แม้จะยังมีผู้ต้องหาที่หลบหนีอีก 4-5 คนก็ตาม...

แต่ที่น่าตั้งคำถามก็คือ เหตุใดจึงปล่อยให้คดีจบลงห้วนๆ ง่ายๆ แค่จับผู้ต้องหาได้เท่านั้น!

คำถามที่แหลมคมที่สุดแต่ดูจะไม่ค่อยมีในคดีพูดถึงเลยก็คือ เงิน 119 ล้านบาทที่ถูกปล้นไปจากเรือขนเงินนั้น เป็นเงินอะไร มีที่มาที่ไปจากไหน และเหตุใดจึงใช้วิธีขนทางเรือ ไม่ทำธุรกรรมผ่านสถาบันการเงินเหมือนที่คนอื่นเขาทำกัน?

ที่สำคัญเงินที่ขนนั้นเป็นเงินสดๆ ทั้งดอลลาร์สิงคโปร์ และริงกิตมาเลเซีย...

ผู้รับมอบอำนาจจากบริษัทเจ้าของเรือตอบคำถามผู้สื่อข่าวแบบสั้นๆ ง่ายๆ ว่า บริษัททำธุรกิจรับแลกเปลี่ยนเงินตรา กำลังนำเงินไปส่งให้ลูกค้า"ระดับวีไอพี"ที่เกาะโลซิน จ.ปัตตานี แต่ระหว่างทางถูกดักปล้นเสียก่อน

จากปากคำของ"ไต๋เรือ"ที่หันมาสวมบท"โจรปล้นเงิน"บอกว่าเงินสดๆ มูลค่า 119 ล้านบาท ถูกบรรจุอยู่ในลังเบียร์เก่าๆ วางระเกะระกะอยู่ในห้องควบคุมเรือ ไม่ได้ใส่ตู้เซฟหรือมีระบบการขนส่งอันทันสมัยสมดังคำกล่าวอ้างที่ว่าเตรียมไปส่งให้"ลูกค้าวีไอพี"แต่อย่างใด

หนำซ้ำยังบอกว่าปลายทางที่"วีไอพี"ให้นำเงินไปส่ง คือ"เกาะโลซิน"จ.ปัตตานี

เปิดกูเกิลดูจะพบว่า เกาะโลซินเป็นเพียง"กองหินปูน" ในอ่าวไทย ห่างจากฝั่ง อ.สายบุรี จ.ปัตตานี ประมาณ 72 กิโลเมตร โดยกองหินส่วนที่โผล่พ้นน้ำมีขนาดพื้นที่ไม่เกิน 100 ตารางเมตร เทียบกับคอนโดมีเนียมกลางกรุงก็ไม่เกิน 3 ห้อง บนเกาะไม่มีต้นไม้ใบหญ้าหรือผู้คนอาศัยอยู่ มีเพียงประภาคารส่องไฟยามค่ำคืนให้กับเรือประมงไม่ให้เข้าไปชนเท่านั้น

คนเรือที่ปัตตานีให้ข้อมูลว่า เกาะนี้ไม่ได้มีความสำคัญใดๆ สำหรับการเดินเรือ เพราะมีขนาดเล็กมาก จะเข้าไปพักหลบคลื่นลมก็ไม่ได้ หนำซ้ำรอบๆ เกาะน้ำยังตื้น เรือใหญ่ไม่สามารถผ่านเข้าไปได้

สิ่งที่ขึ้นชื่อสำหรับ"เกาะโลซิน"ก็คือ ปะการังและทิวทัศน์ใต้ท้องทะเลอันสวยงาม สมัยที่ชายแดนใต้ยังไม่ลุกเป็นไฟเหมือนทุกวันนี้ เคยมีนักท่องเที่ยวเช่าเรือไปชมความงามของธรรมชาติ หรือไม่ก็ไปตกปลาอยู่บ่อยๆ

แต่ปัจจุบันหาได้เป็นเช่นนั้นไม่ จะเรียกว่าเป็นเกาะร้างก็คงไม่ผิด!

แล้วเรือขนเงิน 119 ล้านไปส่งเงินให้ใครก็ไม่ทราบที่เกาะร้างชื่อ"โลซิน"

การประกอบธุรกิจแลกเปลี่ยนเงิน หรือขนส่งเงินตรา อาจไม่ใช่เรื่องผิดกฎหมาย แต่การส่งเงินทางเรือดูจะแปลกประหลาดเกินไป แน่นอนว่าในแง่ของความปลอดภัยน่าจะดีกว่าขนเงินทางรถยนต์ เพราะมีโอกาสเจอด่าน ถูกเรียกตรวจ หรือถูกปล้นได้ง่ายกว่า แต่ปัญหาก็คือเงินที่ว่านี้เป็นเงินอะไร ทำไมถึงต้องกลัวถูกตรวจด้วย

ตำรวจในชุดสืบสวนจับกุม ตั้งข้อสังเกตว่ารูปแบบการขนเงินไปส่งปลายทาง เหมือนนำไปจ่ายเพื่อซื้อสินค้าอะไรบางอย่างมากกว่า...

ข้อมูลที่น่าสนใจก็คือ เมื่อเดือน ต.ค.ปีที่แล้ว เจ้าหน้าที่ทหาร ฝ่ายปกครอง และดีเอสไอ ได้ร่วมกันทลายโกดังแห่งหนึ่งในเขต อ.เมืองปัตตานี พร้อมยึดรถบรรทุกน้ำมันหนีภาษีได้หลายคัน โดยเป็นโกดังของ"เสี่ย"คนหนึ่งที่กว้างขวางในยุทธจักรน้ำมัน โกดังที่ว่านี้มีชื่อกิจการละม้ายคล้ายกับบริษัท ที่ประกอบธุรกิจเรือขนเงินที่เพิ่งถูกปล้นเป็นอย่างยิ่ง

การบุกเข้าตรวจค้นในครั้งนั้นว่ากันว่าได้"บัญชีจ่าย"ที่บันทึกไว้ในคอมพิวเตอร์ไปด้วย เจ้าหน้าที่ดีเอสไอแกะข้อมูลมาเป็นปีแล้ว ยังไม่มีความคืบหน้าปรากฏต่อสาธารณะว่าบัญชีที่ว่านั้นเกี่ยวโยงไปถึงใครบ้าง แต่พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตรเลขาธิการ สมช.เคยเปรยกลั้วหัวเราะว่า"น่าจะเกี่ยวกันทั้งภาค"

ไม่รู้ว่า 2 เรื่องนี้เกี่ยวข้องกันหรือไม่ แต่ถ้าเกี่ยวก็นับว่าน่าสนใจ เพราะไม่ทราบว่าด้วยเหตุนี้หรือไม่ที่คดีปล้นเรือขนเงินมันจึงจบลงห้วนๆ ง่ายๆ แบบที่เป็นอยู่!


สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน

Tags : ปล้นเรือขนเงินร้อยล้าน ปล่อยให้จบ

view