สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

ส่อเค้าทุนนอกเมินไทย โจทย์ใหญ่อยู่ที่ ความเชื่อมั่น

จากประชาชาติธุรกิจ

คอลัมน์ สถานีลงทุน

โดย ปริญญ์ พานิชภักดิ์ บล.ซีแอลเอสเอ


ตอนนี้เรารู้สึกเหมือนกับถูกหมีตัวใหญ่ 2 ตัวกอดรัดเราอยู่ สภาวะของการฟื้นฟูเศรษฐกิจโลกยังคงห่างไกลจากความมีเสถียรภาพหรือยั่งยืน การดำเนินการด้าน QE ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำทางสังคมมากขึ้น โดยที่ผู้มีสิทธิ์เป็นเจ้าของทุนได้รับผลตอบแทนงดงามมาก เปรียบกับคนที่ยังไม่มีสิทธิ์ซึ่งต้องรับกับสภาวะค่าครองชีพที่สูงขึ้น

ความกลัวที่เม็ดเงิน QE จะไหลกลับไปสู่ประเทศตะวันตก เมื่อ QE เริ่มลดลงในปีหน้านั้นก็ยังคงมีอยู่ แค่นั้นไม่พอ เมื่อหันมาดูสภาวะเศรษฐกิจในบ้านเรา กำลังซื้อที่เคยร้อนแรงตลอด 2-3 ปีที่ผ่านมาก็ดูจะชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง ยิ่งมาถูกกระทบซ้ำเติมจากความไม่แน่นอนของภาวะขัดแย้งทางการเมืองแล้วนั้น ยิ่งทำให้สภาวะการลงทุนและการใช้จ่ายมีผลกระทบในเชิงลบอย่างแน่นอน

ผมได้พูดคุยกับนักลงทุนต่างชาติอย่างต่อเนื่องใน 3-4 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งพบว่านักลงทุนที่เป็นกองทุนรายใหญ่ต่างประเทศเริ่มให้ความสำคัญกับนโยบายของภาครัฐมากยิ่งขึ้น และมีความเป็นห่วงที่ทางภาครัฐเลือกที่จะดำเนินนโยบายทางการเมืองอย่างเร่งรัดและเร่งด่วน เหนือกว่าการดำเนินนโยบายทางเศรษฐกิจ ซึ่งควรจะมีความเร่งด่วนมากกว่า เพราะต่างชาติกำลังขาดความเชื่อมั่นในรัฐบาลชุดนี้ที่นำความเสียหายมาสู่ประเทศ

โดยเฉพาะนโยบายจำนำข้าวและรถยนต์คันแรก ได้ก่อให้เกิดความเสียหายอย่างชัดเจนในการก่อหนี้และการเสียวินัยทางการคลัง เพราะฉะนั้นนักลงทุนยังหวังว่าการลงทุนของภาครัฐควรจะได้รับการผลักดันมากกว่านี้ โดยที่โครงการใดใน พ.ร.บ. 2 ล้านล้านที่พร้อมจะดำเนินการได้เช่น MRT ในกรุงเทพฯ สายสีเขียวหรือสีชมพู ก็ควรจะหยิบนำมาเริ่มประมูลได้เลยโดยที่ไม่ต้องรอ พ.ร.บ. 2 ล้านล้านที่กำลังถูกท้วงติง เพราะมีบางโครงการใหญ่ ๆ ใน 2 ล้านล้านยังไม่ได้ผ่านการศึกษาถึงความเหมาะสมของโครงการ หรือการผ่านการตรวจสอบด้าน EIAและ HIA

ส่วนการดำเนินนโยบายทางการเมืองโดยเร่งด่วนเมื่อ 1-2 อาทิตย์ที่ผ่านมานี้ กำลังนำไปสู่ความขัดแย้งซึ่งจะทำให้ความไม่แน่นอนทางเสถียรภาพของรัฐบาลและนโยบายการลงทุนของภาครัฐ ซึ่งมีผลกระทบโดยตรงถึงเม็ดเงินลงทุนของต่างชาติ เพราะเขามีโอกาสเลือกที่จะไปลงทุนในประเทศอื่นที่รัฐบาลให้ความสำคัญผลักดันนโยบายทางเศรษฐกิจมากกว่านี้

ขณะนี้ประเทศในแถบอาเซียนมีความตื่นตัวมากขึ้นที่จะแข่งขันแย่งชิงเงินมาลงทุนในประเทศของตัวเอง เพราะฉะนั้นทางประเทศไทยจะชะล่าใจไม่ได้ เพราะถึงแม้เราจะมีภูมิศาสตร์ ทรัพยากรธรรมชาติ วัฒนธรรม ระบบโครงสร้างพื้นฐาน และกฎหมายที่น่าเชื่อถือมากกว่าประเทศเพื่อนบ้านในหลาย ๆ ประเทศ แต่ประเทศเพื่อนบ้านเราก็ได้มีการปรับสมรรถภาพของการแข่งขันเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นกัน ดังนั้น ประเทศไทยจึงไม่ควรจะเสียโอกาสทองนี้ เพราะถ้าเรามัวแต่มาดำเนินนโยบายทางการเมืองหนักหน่วงเกินไปจนนำมาซึ่งความแตกแยกแล้วนั้น ความเสียหายคงไม่จำกัดอยู่แค่นักลงทุนในตลาดหุ้นเท่านั้น แต่จะนำมาซึ่งการเสียความเชื่อมั่นในระยะยาว ซึ่งไม่อาจจะเรียกกลับคืนมาได้ง่ายนัก เนื่องด้วยความกลัวที่กำลังเพิ่มพูนขึ้นทุกวันในขณะนี้ คงไม่มีนักลงทุนต่างชาติรายใหญ่ที่จะรีบเข้ามาเพิ่มการลงทุนในประเทศเรา เพราะเขามีทางเลือกอื่นที่ดีกว่าในภูมิภาคนี้ ถึงเวลาแล้วครับที่ผู้นำทั้งทางภาครัฐและเอกชนต้องแสดงความเสียสละ และกระทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม เพื่อเรียกความเชื่อมั่นกลับมาและไม่ปล่อยให้โอกาสทองนี้ผ่านไป


สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน

Tags : ส่อเค้า ทุนนอก เมินไทย โจทย์ใหญ่ ความเชื่อมั่น

view