จากประชาชาติธุรกิจ

"คน ชื่อทักษิณไม่มีความหมายอะไรกับคนไทย แต่ว่านายกรัฐมนตรีของคนไทยมีความสำคัญกับประเทศไทยมากกว่าคนชื่อทักษิณ" เป็นคำกล่าวของ "พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร" ในปี 2544 

เป็น ช่วงเวลาที่เขามีตำแหน่งเป็นผู้นำประเทศคนที่ 23 เป็นผู้นำแห่งพรรคไทยรักไทย นโยบายประชานิยมของเขาสามารถทำให้พรรคไทยรักไทย ชนะเลือกตั้งด้วยคะแนน 244 เสียง

เขา ประกาศต่อสาธารณชนว่า "จะทำการเมืองให้เข้มแข็ง เพื่อการแก้ปัญหาในวันข้างหน้าจะได้ไม่ต้องห่วงการเมือง แก้ปัญหาโดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของชาติและประชาชนเป็นหลัก"นับเป็นช่วงที่เขามีความสุข 
กาล ผ่านไปเพียง 5 ปี ในปี 2549 การเมืองพลิกผัน แม้ในยุค "ทักษิณ 2" กำเสียงข้างมากที่แข็งแกร่ง 377 เสียง เป็นรัฐบาลพรรคเดียวแบบเบ็ดเสร็จ แต่นั่นกลับกลายเป็นสนิมกินเนื้อในแก่เขา

กลายเป็นชนวนเหตุที่ก่อให้เกิดการเดินขบวนต่อต้านรัฐบาลไทยรักไทย และ "พ.ต.ท.ทักษิณ" 

ในที่สุดเขาต้องพ้นจากเก้าอี้นายกฯ ด้วยการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 

เขา ต้องรีบเก็บข้าวเก็บของออกจากโรงแรมกลางมหานครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ลี้ภัยการเมืองไปยังกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เป็นอดีตนายกฯ พเนจรนอกราชอาณาจักรไทยกว่า 7 ปี

นับจากวันนั้น เขาได้กลับมา "กราบ" แผ่นดินเกิดเพียงครั้งเดียวในรัฐบาลพรรคพลังประชาชน มี "สมัคร สุนทรเวช" เป็นนายกฯ และต้องกลับออกไปนอกประเทศอีกครั้ง 

นับจากวันนั้น "พ.ต.ท.ทักษิณ" ก็ไม่ได้กลับมาเหยียบแผ่นดินเกิดอีก 

นับจากวันนั้น เขาพูดเสมอว่า "ผมอยากกลับบ้าน" 

ใน หนังสือชุด "Giants of Asia" ของ "Tom Plate" ที่ไปสัมภาษณ์ "พ.ต.ท.ทักษิณ" ถึงมหานครดูไบ เมื่อเดือนธันวาคม 2553 มีบทหนึ่งที่ผู้สัมภาษณ์ถามอดีตนายกฯ ถึงการกลับเมืองไทย

"พ.ต.ท .ทักษิณ" ตอบผู้ถามว่า "ผมคิดว่าหากผมจะให้ความเห็นกับเรื่องนี้ ผมจะบอกว่า จงลืมอดีตกันเสียดีกว่า ถึงเวลาที่จะต้องปรองดองกัน และถ้าคุณต้องการปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ของไทย ถ้าสิ่งนั้นเป็นเป้าหมายของคุณ ระบอบประชาธิปไตยจะเป็นพาหนะและเครื่องมือที่ดีที่จะปกป้องสถาบันพระมหา กษัตริย์ ไม่ใช่การเป็นเผด็จการ"

"Tom Plate" ให้เขาประเมินโอกาสกลับไปประเทศไทย "พ.ต.ท.ทักษิณ" ครุ่นคิดก่อนตอบว่า "ผมคิดว่าอย่างที่คุณรู้ เวลาอยู่ข้างผม เพราะผมไม่ได้ทำอะไรผิด ยิ่งรอนานเท่าไหร่ ยิ่งมีความเป็นไปได้มากขึ้นว่าความจริงจะปรากฏเข้าข้างผม และสำหรับฝ่ายพวกเขา พวกเขาได้ดำเนินการหลายสิ่งหลายอย่างที่พยายามแสดงให้เห็นว่ามีความถูกต้อง ในสิ่งที่ไม่เป็นความจริง ยิ่งทำกันไปอีกนานเท่าใด และพวกเขายิ่งทำเช่นนี้ต่อไปอีกเรื่อย ๆ พวกเขาจะยิ่งติดกับดัก"

"ผมจึงบอกแล้วว่าผมรอได้ เพราะถึงที่สุด ต้องมีการปรองดอง ไม่เช่นนั้นประเทศไทยจะไม่มั่งคั่งร่ำรวย ประเทศไทยจะไม่มีรอยยิ้มอีกต่อไป"

"สำหรับ ประเทศไทยไม่เคยมีอะไรเลวร้ายเท่ากับ 4 ปีที่ผ่านมา 4 ปีก่อนหน้านั้น เราค่อย ๆ ปรับปรุงตัวในด้านสิทธิมนุษยชนและการพัฒนาประชาธิปไตย ผมรู้สึกแย่ที่ประเทศไทยต้องถดถอยลงไปมาก คุณรู้ไหมว่าทำไมจึงเกิดความเลวร้ายอย่างรวดเร็ว เป็นเพราะความเข้าใจผิดเกี่ยวกับตัวผม พวกเขา (แกนนำพันธมิตร ผู้นำทหาร) พยายามเอาชนะผมมากเกินไป จนถึงขั้นที่พวกเขาต้องใช้พลังหลากหลายเพื่อต่อต้านผมโดยไม่มีการปรึกษา หารือ หรือแม้แต่มาถกเถียงพูดคุยกัน ซึ่งทั้งหมดมาจากความเข้าใจผิดอย่างมหันต์"

"ผมต้องการให้อภัยและทำ ให้ทั้งประเทศให้อภัยซึ่งกันและกัน เพราะหากคุณไม่ให้อภัย คุณย่อมไม่สามารถสร้างความปรองดองในประเทศได้ คุณไม่สามารถเป็นประเทศเดียวกันได้อีกต่อไป" 

"แน่นอนที่สุดผมต้อง การกลับบ้าน หากประสบความสำเร็จในการเดินทางกลับไปได้ ผู้ที่ต่อสู้เพื่อผมในตอนนี้ก็จะไม่ต่อสู้อีกต่อไป และถ้าผมกลับไปและหากผมไม่แก้แค้น และถ้าผมให้อภัยทุกคน พวกที่ไม่ชอบผมก็จะเริ่มรู้สึกสบายใจมากขึ้น"

"ผมบอกอดีตภรรยาว่าเรา ต้องทำตัวให้แข็งแรงทั้งกายและใจ เพราะเราไม่รู้ว่าการต่อสู้จะยาวนานเพียงใด แต่ผมจะไม่มีวันหยุดต่อสู้ แม้แต่จากเตียงในขณะที่ผมกำลังจะสิ้นลม ผมก็จะยังสู้ต่อไป"

เป็นอีกครั้งที่วันนี้ "พ.ต.ท.ทักษิณ" ต่อสู้เพื่อพาตัวเองกลับสู่อ้อมกอดเมืองไทย ผ่านร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม

หากในความเป็นจริง อ้อมกอดเมืองไทยยังไม่เปิดรับคนที่ชื่อ "พ.ต.ท.ทักษิณ" 

ไม่ตอบรับการปรองดองและการให้อภัย ผ่านกระบวนการ "นิรโทษกรรม" 

"เวลา" ที่ "พ.ต.ท.ทักษิณ" เชื่อว่าจะ "พิสูจน์" ความบริสุทธิ์ตัวเขาต่อสังคม ก็ยังต่างจากสิ่งที่ตัวเขาคิด 

ผ่านมา 7 ปีแล้ว "พ.ต.ท.ทักษิณ" ก็ยังไม่ได้กลับบ้าน...

สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน