สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

สื่อนอกรายงาน ตำรวจ ยิงแก๊สน้ำตาใส่ม็อบต้านที่ทำเนียบฯ - ตัวเลขม็อบปะทะ ดับ 2 เจ็บ 45

สื่อนอกรายงาน “ตำรวจ” ยิงแก๊สน้ำตาใส่ม็อบต้านที่ทำเนียบฯ - ตัวเลขม็อบปะทะ “ดับ 2 เจ็บ 45

จาก ASTVผู้จัดการออนไลน์

      เอเอฟพี/เอเจนซีส์ - สื่อเอเอฟพีและสื่ออาร์ทีของรัสเซียรายงาน การประท้วงรัฐบาลนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่เคยสงบกลับเปลี่ยนเป็นความรุนแรง หลังจากมีการปะทะเกิดขึ้นในคืนดึกวันเสาร์ (30 พฤศจิกายน) ระหว่างผู้ประท้วงฝ่ายสนับสนุนรัฐบาลและผู้ประท้วงฝ่ายต่อต้านรัฐบาลท่าม กลางการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน เป็นผลให้มียอดล่าสุดผู้เสียชีวิต 2 ราย บาดเจ็บ 45 ราย และล่าสุด เอเอฟพีรายงานว่า ตำรวจยิงแก๊สน้ำตาใส่ม็อบต้านที่สะพานชมัยมรุเชฐ ข้างทำเนียบฯ ด้านนอกทำเนียบรัฐบาล และบริเวณใกล้เคียงในเช้าวันอาทิตย์ (1)
       
       ในเช้าวันอาทิตย์ (1) เอเอฟพีรายงานว่า ตำรวจยิงแก๊สน้ำตาและฉีดน้ำใส่ม็อบต้านที่สะพานชมัยมรุเชฐ ข้างทำเนียบฯ ซึ่งผู้ประท้วงพยายามที่จะฝ่าเข้าไปในทำเนียบรัฐบาล โดยม็อบฝ่ายต้านพยายามที่จะเปลี่ยนทำเนียบรัฐบาลไทยให้กลายเป็น “สภาประชาชน” ในขณะที่นายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร คอยติดตามดูสถานการณ์อย่างใกล้ชิดจากกองบัญชาการในที่ซึ่งไม่เปิดเผย
       
       โดยตำรวจปราบจลาจลได้โยนระเบิดแก๊สน้ำตาและฉีดน้ำเข้าใส่กลุ่มผู้ ประท้วงหลังจากที่ผู้ประท้วงพยายามรื้อแบริเออร์กีดขวาง และตัดขดลวดหนามที่วางไว้รอบๆทำเนียบตึกไทยคู่ฟ้า ซึ่งมีหน่วยความมั่นคงรักษาการอย่างแน่นหนา รวมถึงหน่วยทหารที่ไม่มีอาวุธ รายงานจากผู้สื่อข่าวเอเอฟพี
       
       ในขณะที่ยอดผู้เสียชีวิต และบาดเจ็บ ศูนย์บริการการแพทย์ฉุกเฉินกรุงเทพมหานคร (ศูนย์เอราวัณ) ได้รายงานยืนยันกับเอเอฟพีว่า ยอดล่าสุดของการเสียชีวิตหลังจากการปะทะในขณะนี้อยู่ที่ 2 ราย และมีจำนวนผู้บาดเจ็บราว 45 ราย ซึ่งสื่ออาร์ทีของรัสเซีย รายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งว่ามีการสาดกระสุนเกิดขึ้นในการประท้วงเพื่อขับ ไล่รัฐบาลของยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในดึกคืนวันเสาร์ (30 พฤศจิกายน) ใกล้กับสนามราชมังคลากีฬาสถาน ซึ่งเป็นสถานที่เหล่าผู้สนับสนุนรัฐบาลเพื่อไทย กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือ “คนเสื้อแดง” จำนวนอย่างน้อย 20,000 คน ที่ได้ปักหลักอยู่ อ้างจากเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลในบริเวณใกล้เคียง
       
       โดยพบว่าสาเหตุการเสียชีวิตและบาดเจ็บนั้นเกิดจากถูกยิงและถูกมีดแทง ซึ่งสถานการณ์ยังไม่เป็นที่แน่ชัด ทราบเพียงคร่าวๆ ว่า ความรุนแรงได้เกิดขึ้นหลังจากม็อบต้านได้ปะทะกับกลุ่มผู้สนับสนุนรัฐบาล หรือคนเสื้อแดง ที่ได้เดินทางมาชุมนุมด้วยรถโดยสารสาธารณะที่สนามกีฬาแห่งชาติไม่ห่างจาก มหาวิทยาลัยรามคำแหง อ้างจากเอเอฟพีและเอพี
       
       พบว่ามีผู้บาดเจ็บอย่างน้อย 5 รายได้รับบาดเจ็บจากกระสุนปืน และอีก 5 รายได้รับบาดเจ็บจากการถูกแทงด้วยมีดหรือด้วยก้อนหิน รายงานตัวเลขจากโรงพยาบาลรามคำแหง และโรงพยาบาลแพทย์ปัญญาที่เปิดเผยกับรอยเตอร์
       
       ในเช้าวันเสาร์ (30 พฤศจิกายน) กลุ่มม็อบต้าน หรือที่เรียกว่า “กลุ่มคนเสื้อเหลือง” ได้พยายามบุกเข้าทำเนียบรัฐบาลที่ตั้งอยู่กลางใจเมืองกรุงเทพฯ และกลุ่มผู้ประท้วงบางส่วนได้เข้าทำลายรถโดยสารสาธารณะใกล้กับสถานที่ชุมนุม ของคนเสื้อแดง รายงานจากเอเอฟพี
       
       ในขณะที่ยูเซอร์ของเว็บไซต์ราว 750,000 ยูเซอร์ ในไทยที่ใช้บริการของบริษัทองค์การโทรศัพท์ หรือ TOT ไม่สามารถใช้งานอินเทอร์เน็ตได้ เนื่องจากมีเหตุขัดข้องทางเทคนิค ซึ่งทางบริษัท TOT ไม่ได้ออกมาอธิบายชัดเจนว่า เหตุขัดข้องนั้นมีส่วนเกี่ยวข้องกับการประท้วงหรือไม่ แต่มีรายงานก่อนหน้านั้นว่า มีกลุ่มผู้ประท้วงม็อบฝ่ายต้านได้รวมตัวอยู่ในบริเวณบางส่วนของบริษัท TOT รวมถึงยังรวมตัวในช่วงสั้นๆ ใกล้กับบริทัท กสท คมนาคม หรือ CAT และสถานีโทรทัศน์หลายแห่งที่สำคัญของประเทศ
       
       ตลอดระยะเวลา 6 วันที่กรุงเทพฯเป็นศูนย์กลางการประท้วงขับไล่รัฐบาลที่ใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ ปี 2010 เป็นต้นมา ที่มีผู้ชุมนุมนับแสนคนรวมตัวเรียกร้องให้ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ลาออก และกำจัดระบอบทักษิณ “มีกลุ่มผู้ประท้วงม็อบต้านหลายสิบคนได้กรูเข้าทำลายรถบัสที่ขนคนเสื้อแดง เพื่อเข้าร่วมการชุมนุมด้วยอิฐตัวหนอน และเก้าอี้พลาสติก ทั้งๆ ที่ยังมีผู้โดยสาร (ผู้ประท้วงกลุ่ม นปช.) อยู่บนรถ” ช่างภาพเอเอฟพีที่อยู่ในที่เกิดเหตุรายงาน ในขณะที่พยานที่เห็นเหตุการณ์เผยกับรอยเตอร์ว่า มีคนได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการถูกทำร้ายร่างกาย
       
       และเจ้าหน้าที่ตำรวจเผยว่า หลังจากมีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้น ทางตำรวจได้ขอกำลังเสริมจากทางกองทัพจำนวน 3,000 นาย เข้าประจำเพื่อรักษาความปลอดภัยในเมืองหลวงของประเทศ โดยโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พลตำรวจตรี ปิยะ อุทาโย ได้แถลงผ่านทางโทรทัศน์ว่า “นับตั้งแต่คืนนี้จะมีเจ้าหน้าที่ทหารออกปฎิบัติการณ์รักษาความปลอดภัย”
       
       อย่างไรก็ตาม หลังจากมีการปะทะเกิดขึ้น แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ ธิดา ถาวรเศรษฐ ได้สั่งให้คนเสื้อแดงยุติการชุมนุม “เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่ยุ่งยากสำหรับรัฐบาลพรรคเพื่อไทบใน อนาคต ทางแกนนำจึงตัดสินใจที่จะยุติการชุมนุมเพื่อให้พี่น้องเสื้อแดงเดินทางกลับ บ้าน”
       ธิดาได้ประกาศกับที่ชุมนุม อ้างจากเอเอฟพี


กปปส.บุกมหาดไทยชื่นมื่น “พงศ์โพยม” ปูด “สุภรณ์” ขนแดงฮาร์ดคอร์ป่วนรามฯ

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

กปปส.บุกมหาดไทยสำเร็จแล้ว บรรยากาศชื่นมื่น อนุญาตให้เข้าห้องน้ำ-พักผ่อน บริการผลไม้อร่อย มีครอบครัว อส.ร่วมด้วย อธิบดีกรมการปกครองเผยไม่น่ารุนแรง แต่ระวังมือที่สาม “พงศ์โพยม” เตือนรัฐยุบสภา-ลาออกเท่านั้น ปูด “แรมโบ้อีสาน” ขนฮาร์ดคอร์แดงป่วนรามคำแหงเมื่อคืน “ศิวะ” เตือนคิดให้ดีก่อนใช้ความรุนแรงกับม็อบ
         วันนี้ (1 ธ.ค.) ที่กระทรวงมหาดไทย เมื่อเวลา 11.00 น.กลุ่มผู้ชุมนุมคณะกรรมการประชาชนเพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็น ประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข (กปปส.) ที่นำโดย นายคมสัน ทองศิริ เลขาธิการสมาพันธ์รัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ และแกนนำสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.) ทั้ง 45 องค์กร กว่า 3 พันคน ได้ล้อมรอบพื้นที่กระทรวงมหาดไทย โดยมีมวลชนกลุ่มหนึ่งที่ได้รับหน้าที่ประชิดประตูพระยมทางด้านหน้ากระทรวง ซึ่งแกนนำบนรถสั่งการได้ขอร้องให้บรรดาเจ้าหน้าที่อาสารักษาดินแดน (อส.) ที่ทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้เก็บรั้วลวดหนามที่ใช้กั้นขวางตลอดแนวกำแพง รั้วของกระทรวงมหาดไทย
       
       จนกระทั่ง 12.00 น.ผู้ชุมนุมใช้คีมตัดเหล็กตัดโซ่เหล็กที่คล้องกุญแจออก และร่วมกันผลักดันประตูโดยมีบรรดา อส.ตั้งแถวดันไว้ โดยมี นายศิริพงษ์ ห่านตระกูล อธิบดีกรมการปกครอง และรองอธิบดียืนบัญชาการอยู่แนวหลังแถวของ อส.โดยกลุ่มผู้ชุมนุมได้ใช้ไม้เกี่ยวลวดหนามเหนือประตูออก ไม่นานประตูพระยมก็หลุดลงมา และใช้ประตูรั้วทับแนวลวดหนามชั้นที่สองที่กั้นมวลชนและเหยียบทับลวดหนาม มวลชนจึงกรูเข้าไป โดย นายศิริพงษ์ ได้ผลักให้ อส.ตั้งแถวดันกลุ่มผู้ชุมนุมตั้งแถวอีกชั้น แต่ไม่สามารถต้านทานได้ จึงหนีเข้าสู่ตัวอาคารพร้อมปิดประตูทางเข้าอาคาร ขณะที่แกนนำสั่งห้ามผู้ชุมนุมห้ามบุกเข้าไปในตัวอาคารและห้ามทำร้าย อส.เพราะมีครอบครัวมาร่วมชุมนุมกับประชาชนด้วย
       
       ขณะที่ นายศิริพงษ์ กล่าวยอมรับตนจำเป็นต้องผลักดันบรรดา อส.ให้ตั้งแนวป้องกันเพื่อดันไล่กลุ่มผู้ชุมนุมออกจากกระทรวง แต่เมื่อสู้จำนวนไม่ได้ก็ต้องสั่งถอย ซึ่งก็ไม่เป็นไร เพราะได้คุยกับแกนนำแล้ว มีการรับปากว่าจะไม่ทำลายทรัพย์สินราชการ แต่ขอคุมพื้นที่ไว้เท่านั้น โดยยอมอนุญาตให้ผู้ชุมนุมเข้าพื้นที่ในกระทรวงเพื่อพักผ่อน เข้าห้องน้ำในกระทรวงได้ แต่ขอคงเจ้าหน้าที่ อส.ร่วมดูแลอาคารและทรัพย์สินราชการของกระทรวงไว้ไม่ให้ประชาชนเข้าไปได้ ด้วย
       
       อย่างไรก็ตามอธิบดีกรมการปกครอง กล่าวคาดการณ์ว่าไม่น่าจะมีเหตุรุนแรงใดๆ แต่ก็ไม่ประมาท จะเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยยังขอคงรถน้ำดับเพลิงไว้ เพราะเสี่ยงที่จะมีมือที่สามเข้ามาสร้างสถานการณ์ หรือเผากระทรวงได้ ทั้งนี้ ยืนยันว่าทำหน้าที่เต็มที่แล้ว และคงถึงเวลาที่จะต้องสร้างรั้วประตูของกระทรวงใหม่ เพราะเป็นของเก่าอายุกว่าร้อยปีแล้ว ส่วนกรณีที่มีข่าวว่ามีการหักหัวคิวเบี้ยเลี้ยงของ อส.นั้น ไม่เป็นความจริง เพราะได้เบี้ยเลี้ยงตามอัตราค่าจ้างไม่ต่ำกว่าขั้นต่ำ
       
       ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่าในกลุ่มผู้ชุมนุมที่เดินทางมาปิดล้อมกระทรวงมหาดไทยนั้น ปรากฎว่ามี นายพงศ์โพยม วาศภูติ และ นายศิวะ แสงมณี อดีตอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ที่สวมเสื้อฮาวาย กางเกงสแล็ก ห้อยนกหวีดด้วยริบบิ้นลายธงไตรรงค์ ร่วมอยู่ด้วย และได้เดินเข้าไปนั่งที่ม้าหินใต้อาคารกรมการปกครองที่ นายศิริพงษ์ ออกมานั่งอยู่ก่อนแล้ว โดยได้มีการทักทายพูดคุยถึงสถานการณ์บ้านเมือง
       
       โดย นายพงศ์โพยม กล่าวถึงสถานการณ์การเมืองในขณะนี้ว่า ภาพรวมของการชุมนุมของภาคประชาชนที่รู้ตื่นครั้งนี้ไม่น่ากลัว เพราะมามือเปล่า ไม่มีการใช้อาวุธหรือความรุนแรง ทุกคนมาด้วยใจ ที่อยากเห็นการเปลี่ยนแปลงของบ้านเมืองที่ดีขึ้น เพราะรัฐบาลนี้หมดความชอบธรรมในการบริหารประเทศแล้ว ที่ทุกองค์กรต่างต่อต้าน และรัฐบาลเองก็ไม่สามารถบริหารราชการบ้านเมืองได้อีกต่อไปแล้ว วันนี้หากรัฐบาลยืนยันที่จะเจรจากับกลุ่ม กปปส.ไม่น่าจะพอแล้ว ต้องดำเนินการยุบสภา หรือลาออกเท่านั้น ขอแนะนำให้ชิงทำไปก่อนจะดีกว่า เพื่อให้ประชาชนเจ้าของอำนาจตัดสินทางเดินของบ้านเมืองเอง
       
       “เสียหน้านิดหน่อยแต่ก็จำเป็นต้องทำ เพราะเมื่อรัฐบาลไปต่อไม่ได้ก็คืนอำนาจให้ประชาชนดีกว่าใช้ความรุนแรงปราบ ปราม หรือใช้มวลชนแดง จะซ้ำรอยเหตุการณ์ปี 53 และอย่าหลงผิดใช้ความรุนแรงเหมือนเหตุการณ์ที่ย่านรามคำแหง เมื่อคืนวันที่ 30 พ.ย.ที่ผ่านมา โดยส่วนตัวเข้าใจว่าเป็นสายฮาร์ดคอร์ที่นิยมความรุนแรงของกลุ่มเสื้อแดงที่ นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง พาเข้ามา” นายพงศ์โพยม กล่าว
       
       ขณะที่ นายศิวะ กล่าวว่า คนที่มาร่วมชุมนุมมีอุดมการณ์ทั้งนั้น เรื่องทรัพย์สินคงไม่มีอะไรเสียหาย มวลชนจะควบคุมกันเอง ทุกคนล้วนมีความคิดของตัวเองมีเป้าหมายเดียวกันแล้ว จึงมารวมกันได้ รัฐบาลนี้อยู่ในสภาพที่หมดความชอบธรรมแล้ว คงอยู่ได้ไม่นาน เชื่อว่าต้องมีการตัดสินใจว่าจะทำอะไรสักอย่างต่อไป โดยขอกำชับให้ข้าราชการต้องคำนึง และคิดให้ได้ว่าประชาชนที่ออกมาชุมนุมในครั้งนี้ก็เป็นคนเหมือนกับเจ้า หน้าที่ข้าราชการทุกคน ดังนั้นการคิดใช้ความรุนแรงต่อกัน ควรคิดให้ดีก่อนว่าทำเพื่ออะไร
       
       ส่วนบรรยากาศหลังผู้ชุมนุมได้เข้าไปในพื้นที่ของกระทรวงมหาดไทยได้ แล้วนั้น ก็มีอส.ที่ดูแลความปลอดภัยได้ให้การต้อนรับเป็นอย่างดี พร้อมนำผลไม้มามอบให้กับผู้ชุมนุม ขณะที่ผู้ชุมนุมก็มอบดอกไม้และนำอาหาร น้ำดื่มไปให้กับบรรดา อส.ที่อยู่ในกระทรวงกว่าพันคน พร้อมขอถ่ายรูปกับเจ้าหน้าที่ อส.ร่วมกันเป็นที่ระลึกด้วย ทั้งนี้ส่วนหนึ่งก็ได้หาที่นั่งพักผ่อนตามอัธยาศัย และได้เข้าห้องน้ำของกระทรวงเพื่อทำภารกิจส่วนตัว ขณะที่แกนนำยังคงปราศรัยเพื่อขอให้เจ้าหน้าที่ราชการ อส.หยุดทำงานให้รัฐบาลยิ่งลักษณ์ และมาร่วมกับผู้ชุมนุมเพื่อต่อต้านระบอบทักษิณ ต่อไป


ศูนย์เอราวัณเผยยอดเจ็บแก๊สน้ำตา 54 ราย ยันกระดูกในบัสไม่น่าจริง ชี้การเผาไหม้ต้องใช้เวลา

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

       ศูนย์ เอราวัณ เผยยอดผู้ชุมนุมบาดเจ็บจากแก๊สน้ำตา เหตุสลายชุมนุม มีทั้งหมด 54 ราย กระจาย 5 โรงพยาบาล ด้าน สธ.ระบุยอดไม่ตรงกัน บอกบาดเจ็บ 57 ราย พร้อมแนะผู้สัมผัสแก๊สน้ำตาออกนอกพื้นที่ เผยเตรียมทีมแพทย์ฉุกเฉิน 22 ทีม พร้อมดูแลประชาชน ยันไม่หยุดงาน “หมอเพชรพงษ์” ยันพบโครงกระดูกในรถบัสหน้ารามฯ ไม่น่าจริง ชี้การเผาไหม้ต้องใช้เวลา

ศูนย์เอราวัณเผยยอดเจ็บแก๊สน้ำตา 54 ราย ยันกระดูกในบัสไม่น่าจริง ชี้การเผาไหม้ต้องใช้เวลา
แฟ้มภาพ การยิงแก๊สน้ำตาใส่กลุ่มผู้ชุมนุม

       วันนี้ (1 ธ.ค.) นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า สธ.ได้ร่วมวางแผนกับศูนย์เอราวัณ กรุงเทพมหานคร โดยจัดทีมแพทย์ร่วมกันเข้าไปให้บริการทุกพื้นที่ที่มีการชุมนุม เพื่อดูแลประชาชน และเจ้าหน้าที่อย่างทั่วถึงรวดเร็ว โดยเปิดวอร์รูมติดตามและประเมินสถานการณ์ ที่ สธ.และศูนย์สั่งการ ทีมแพทย์ฉุกเฉิน ที่โรงพยาบาลสงฆ์ อำนวยการประสานข้อมูลการบาดเจ็บ เสียชีวิต ทีมกู้ชีพ การดูแลผู้เจ็บป่วย โรงพยาบาลที่รับส่งต่อ ขณะนี้เตรียมทีมแพทย์ฉุกเฉินไว้ 22 ทีม จาก 11 จังหวัดรอบๆ กทม.
       
       นพ.ณรงค์ กล่าวอีกว่า การดูแลผู้บาดเจ็บที่สัมผัสแก๊สน้ำตา เบื้องต้นคือการหลีกเลี่ยงและออกจากสถานที่ที่มีแก๊สน้ำตาไปบริเวณที่มี อากาศถ่ายเทสะดวก และมีลมพัดให้สารเคมีกระจายออกไป ถอดเสื้อผ้าที่ปนเปื้อนสารเคมีออกและใส่ไว้ในถุงที่ปิดมิดชิด ร่างกายที่โดนแก๊สน้ำตาล้างด้วยน้ำสะอาด โดยพยายามอย่าให้เสื้อผ้าเปียกเพราะสารเคมีจะละลายติดตามร่างกายได้ ในกรณีที่สารเคมีเข้าตาอาจจะใช้น้ำเกลือ เจือจางล้างออกแล้วรีบไปพบแพทย์ ทั้งนี้ อย่าใส่คอนแทกต์เลนส์ เข้าไปในพื้นที่เสี่ยงใช้แก๊สน้ำตา เพราะถ้าสารเคมีเข้าไปอยู่ในช่องว่างระหว่างดวงตากับคอนแทกต์เลนส์จะก่อให้ เกิดอันตรายได้
       
       “อย่าหยิบลูกกระสุนหรือกระป๋องแก๊ส น้ำตาชนิดขว้างที่ยังไม่ระเบิดขึ้นมา เพราะถ้าลูกกระสุนแก๊สน้ำตาระเบิดออกในมือจะทำให้เกิดอาการบาดเจ็บได้ เคลื่อนตัวไปอยู่เหนือลม ปกป้องดวงตาด้วยการสวมแว่นตาว่ายน้ำหรือแว่นประเภทอื่นๆ ที่อากาศไม่สามารถเข้าได้ เตรียมผ้าชุบน้ำมะนาวหรือน้ำส้มสายชู เพื่อใช้ปิดจมูกและช่วยให้หายใจได้ในเวลาเคลื่อนตัวออกจากพื้นที่” ปลัด สธ.กล่าว
       
       เมื่อถามถึงการหยุดงานของ สธ. นพ.ณรงค์ กล่าวว่า สธ.มีภาระหน้าที่ในการดูแลสุขภาพ และคุณภาพชีวิตของประชาชนทั้งประเทศ สถานการณ์เช่นนี้ได้มีการติดตามสถานการณ์ภาพรวมและตั้งเป็นศูนย์เฝ้าระวัง สถานการณ์ (วอร์รูม) 2 แห่ง คือ สธ. และ รพ.สงฆ์ โดยที่โรงพยาบาลสงฆ์เป็นการทำงานร่วมมือกับศูนย์เอราวัณ สำนักการแพทย์ กรุงเทพมหานคร และภาคส่วนต่างๆ ในการติดตามสถานการณ์ทั้งหมด ที่สำคัญ สธ.เป็นหน่วยงานหลักในการดูแลผู้ป่วย มีโรงพยาบาลในสังกัดกว่าพันแห่งทั่วประเทศ จึงไม่สามารถหยุดงานในวันที่ 2 ธ.ค.หรือวันใดๆ ได้ เพราะต้องดูแลผู้ป่วยทุกคน ไม่แบ่งแยก และเชื่อว่าทุกโรงพยาบาลก็คิดเช่นนั้น เพราะทุกคนล้วนเป็นข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ส่วนข้าราชการใน สธ.ที่ไม่ได้ประจำโรงพยาบาล หากจะหยุดก็ต้องพิจารณาว่าหยุดด้วยเหตุอันใด ต้องคำนึงถึงสิทธิและหน้าที่ควบคู่กัน
       
       สำหรับ แก๊สน้ำตา (tear gas) เป็นคำรวมๆ ที่หมายถึง สารเคมีที่ออกฤทธิ์ให้เกิดการระคายเคืองของเยื่อบุตา ทำให้น้ำตาไหล แต่สามารถระคายเคืองต่อเยื่อบุต่างๆ ทั้งที่ตา ทางเดินหายใจ ทางเดินอาหาร รวมทั้งผิวหนังด้วย อาการที่อาจเกิดขึ้นเมื่อสัมผัสแก๊สน้ำตา ได้แก่ น้ำตาไหล มองเห็นไม่ชัด ตาแดง น้ำมูกไหล จมูกบวมแดง ปากไหม้และระคายเคือง กลืนลำบาก น้ำลายไหลย้อย แน่นหน้าอก ไอ รู้สึกอึดอัด หายใจมีเสียงดัง หายใจถี่ ผิวหนังไหม้ เป็นผื่น คลื่นไส้ อาเจียน
       
       ด้าน นพ.วชิระ เพ็งจันทร์ รองปลัด สธ.ในฐานะผู้บัญชาการด้านการแพทย์และสาธารณสุขรองรับสถานการณ์ชุมนุมทางการ เมือง กล่าวภายหลังประชุมทางไกลนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไปทั่วประเทศ เพื่อเตรียมพร้อมด้านการแพทย์และสาธารณสุขในการดูแลประชาชนที่เจ็บป่วยจาก เหตุชุมนุมทางการเมือง ว่า ในพื้นที่เขต กทม.และที่ จ.นนทบุรี ซึ่งขณะนี้มีผู้ชุมนุมจำนวนมาก สธ.ทำงานเพื่อดูแลสุขภาพประชาชนอย่างครอบคลุม โดยเฉพาะการรับมือกับเหตุฉุกเฉินที่อาจเกิดขึ้น ในส่วนพื้นที่ กทม.ได้ประสานการทำงานร่วมกับศูนย์เอราวัณกทม.อย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ สธ.ได้ตั้งศูนย์สั่งการทางการแพทย์ส่วนภูมิภาคขึ้นอีก 1 ศูนย์ เพื่อประสานงานจัดบริการทั้งทีมแพทย์กู้ชีพสนับสนุนรองรับเหตุการณ์ดังกล่าว และรองรับการดูแลรักษาผู้บาดเจ็บให้มีความปลอดภัยสูงสุด ในเย็นวันนี้ได้สั่งการเพิ่มทีมแพทย์กู้ชีพจาก 5 จังหวัด ได้แก่ ลพบุรี สิงห์บุรี ราชบุรี เพชรบุรี และกาญจนบุรี จำนวน 15 ทีม ให้เดินทางเพื่อสนับสนุนหน่วยแพทย์กู้ชีพในพื้นที่ กทม.และนนทบุรี สามารถเรียกสนับสนุนได้อีก
       
       นพ.วชิระ กล่าวต่อว่า ขณะเดียวกันได้สั่งการโรงพยาบาลที่อยู่ในรัศมี 200 กิโลเมตรรอบ กทม.สำรองเตียง คลังเลือด ห้องผ่าตัด ยาที่จำเป็น ผู้เชี่ยวชาญต่างๆ ทุกสาขา รองรับดูแลผู้เจ็บป่วยอย่างเต็มที่ ซึ่งจากการประชุมทางไกลทุกแห่งได้เตรียมความพร้อมไว้แล้ว และสามารถส่งทีมไปสนับสนุนตามที่กระทรวงสาธารณสุขร้องขอได้ทันที โดยจะมีการปรับบริการให้เหมาะสมและทันท่วงทีตามสถานการณ์ ขอให้ประชาชนเชื่อมั่นว่า จะให้บริการดูแลประชาชนอย่างมืออาชีพ ไม่มีวันหยุด และไม่เลือกปฏิบัติ
       
       ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศูนย์เอราวัณ กรุงเทพมหานคร ได้สรุปจำนวนผู้ได้รับบาดเจ็บเหตุการณ์สลายกลุ่มผู้ชุมนุมด้วยแก๊สน้ำตา ข้อมูล ณ เวลา 18.00 น.ว่า มี ผู้บาดเจ็บทั้งหมด 46 ราย อยู่ที่คณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช จำนวน 33 ราย รพ.กลาง 2 ราย รพ.ราชวิถี 5 ราย และ รพ.รามาธิบดี 6 ราย ส่วนเหตุปะทะระหว่างกลุ่ม นปช.และนักศึกษา ม.รามคำแหง บาดเจ็บ 58 ราย เสียชีวิต 3 ราย โดย 2 รายแรกเสียชีวิตที่โรงพยาบาลรามคำแหง คือ นายทวีศักดิ์ โพธิแก้ว อายุ 21 ปี ถูกยิงที่ชายโครงขวา และนายวิษณุ เภาพู่ อายุ 26 ปี ถูกยิงที่บริเวณหน้าอก ส่วนอีก 1 รายคือ นายวิโรจน์ เข็มนาค อายุ 43 ปี ที่สถาบันนิติเวช สำหรับผู้บาดเจ็บอยู่ที่ รพ.รามคำแหง 6 ราย รพ.แพทย์ปัญญา 15 ราย รพ.เพชรเวช 4 ราย รพ.จุฬารัตน์ 9 1 ราย รพ.ราชวิถี 12 ราย รพ.วิภาราม 7 ราย รพ.รามาธิบดี 8 ราย รพ.คามิลเลียน 2 ราย รพ.นพรัตนราชธานี 1 ราย รพ.เปาโลโชคชัย 4 1 ราย และ รพ.พระมงกุฏเกล้า 1 ราย
       
       ขณะที่ สธ.สรุปยอดผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต ณ เวลา 17.00 น.ว่า มีผู้บาดเจ็บทั้งสิ้น 118 ราย แบ่งเป็นบาดเจ็บจากเหตุปะทะบริเวณ ม.รามคำแหง 61 ราย เสียชีวิต 3 ราย และบาดเจ็บจากเหตุสลายการชุมนุม 57 ราย
       
       ทั้งนี้ มีรายงานว่า เดิมทีที่ศูนย์เอราวัณแจ้งมีผู้เสียชีวิต 4 ราย แต่กลับลดเหลือ 3 รายนั้น เพราะสามารถปั๊มหัวใจพลทหารธนสิทธิ์ เวียงคำ อายุ 22 ปี ที่เสียชีวิตที่ รพ.พระมงกุฏเกล้า ขึ้นมาได้ จึงมีผู้เสียชีวิตเพียง 3 ราย และบาดเจ็บ 58 ราย
       
       สำหรับกรณีข่าวพบโครงกระดูกมนุษย์ ในรถบัสหน้า ม.รามคำแหง นพ.เพชรพงษ์ กำจรกิจการ ผู้อำนวยการศูนย์เอราวัณ กรุงเทพมหานคร กล่าวว่า เชื่อ ว่าในความเป็นจริงไม่สามารถทำได้ เนื่องจากการเผาไหม้ร่างกายต้องใช้เวลา และความร้อนในปริมาณสูง ซึ่งเรื่องดังกล่าวสามารถพิสูจน์ได้ด้วยกระบวนการนิติวิทยาศาสตร์ และเจ้าหน้าที่ตำรวจจะรับเรื่องดังกล่าวเป็นตรวจสอบ
       
       เมื่อเวลา 21.40 น. ศูนย์เอราวัณ แจ้งยอดผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์สลายกลุ่มผู้ชุมนุมด้วยแก๊สน้ำตา ข้อมูลเมื่อเวลา 21.00 น. ว่า มีผู้บาดเจ็บทั้งหมด 54 ราย อยู่ที่คณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช จำนวน 33 ราย รพ.กลาง 2 ราย รพ.ราชวิถี 5 ราย รพ.รามาธิบดี 11 ราย และ รพ.พระมงกุฏเกล้า 3 ราย


ทหารช่วย นศ.ออกจาก ม.รามคำแหง แล้ว - เอราวัณแจ้งเพิ่มตาย 4

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

      ทหาร ร.11 พัน 1 รอ.เข้าช่วยเหลือนักศึกษา ม.รามคำแหง ที่ติดอยู่ภายในมหาวิทยาลัยตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมาแล้ว ด้านกลุ่ม นศ.-ศิษย์เก่าที่ติดอยู่ภายในโพสต์เฟซบุ๊กขอบคุณที่เข้ามาช่วยเหลือ ด้านศูนย์เอราวัณรายงานเพิ่มเติม ยอดผู้เสียชีวิตเป็น 4 ราย
      

       ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 13.00 น.มีรายงานข่าวแจ้งว่า เจ้า หน้าที่ตำรวจได้ประสานขอกำลังเจ้าหน้าที่ทหารประมาณ 200 นาย จากกรมทหารราบที่ 11 กองพันที่ 1 รักษาพระองค์ (ร.11 พัน 1 รอ.) นำกำลังไปที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง เพื่อรับนักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหง ที่ถูกปิดล้อมอยู่ภายในออกจากพื้นที่ไปยังวัดพระราม 9 โดยจะดำเนินการให้เสร็จก่อนค่ำวันนี้ เพื่อป้องกันการก่อเหตุของมือที่สาม ล่าสุด สถานีบลูสกาย แชนแนล ขึ้นตัววิ่งที่หน้าจอว่า ทหารได้เข้าช่วยนักศึกษารามฯเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
       
       นอกจากนี้ ยังได้มีการหารือกับ นายวุฒิศักดิ์ ลาภเจริญทรัพย์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง เพื่อหาทางเคลียร์มือที่สาม ที่คาดว่าจะแฝงตัวอยู่ในอาคารให้เสร็จเรียบร้อยก่อนค่ำวันนี้ด้วยเช่นกัน ขณะที่มีคำสั่งให้ทหารจากกองพันทหารม้าที่ 3 และที่ 4 เตรียมพร้อมที่กองพัน เพื่อปฏิบัติหน้าที่หากมีการร้องขอในทันที
       
       ขณะเดียวกัน ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Skot Kittisak หนึ่งในกลุ่มนักศึกษาและศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยรามคำแหง ที่ติดอยู่ภายในมหาวิทยาลัยตั้งแต่เมื่อคืนวันที่ 30 พ.ย.ที่ผ่านมา ได้รายงานผ่านเฟซบุ๊กว่า ขณะนี้ทหารได้เข้ามาช่วยเหลือนักศึกษารามคำแหงแล้ว พร้อมกับโพสต์ขอบคุณทหารที่เข้ามาช่วยเหลือ
       
       ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ฝ่ายประชาสัมพันธ์ กรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยว่า นักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหงกลุ่มแรก ที่ กทม.จัดรถไปรับออกจากมหาวิทยาลัยนั้น ขณะนี้ได้เดินทางถึงศูนย์ช่วยเหลือฯ โรงเรียนวัดพระราม 9 อย่างปลอดภัยแล้ว ล่าสุด สถานการณ์ที่วัดพระรามเก้าขณะนี้ นักศึกษา ม.รามคำแหงได้ทยอยเดินทางกลับกันไปแล้ว
       
       ศูนย์เอราวัณ กรุงเทพมหานคร รายงานผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตเพิ่มเติมเมื่อเวลา 15.30 น. ว่า ขณะนี้มีผู้บาดเจ็บ 57 ราย เสียชีวิต 4 ราย โดย 2 รายแรกเสียชีวิตที่โรงพยาบาลรามคำแหง คือ นายทวีศักดิ์ โพธิแก้ว อายุ 21 ปี ถูกยิงที่ชายโครงขวา และนายวิษณุ เภาพู่ อายุ 26 ปี ถูกยิงที่บริเวณหน้าอก ส่วนอีก 2 รายที่เหลือคือ พลทหารธนสิทธิ์ เวียงคำ อายุ 22 ปี เสียชีวิตที่ รพ.พระมงกุฏเกล้า และนายวิโรจน์ เข็มนาค อายุ 43 ปี ที่สถาบันนิติเวช สำหรับผู้บาดเจ็บอยู่ที่ รพ.รามคำแหง 6 ราย รพ.แพทย์ปัญญา 15 ราย รพ.เพชรเวช 4 ราย รพ.จุฬารัตน์ 9 1 ราย รพ.ราชวิถี 12 ราย รพ.วิภาราม 7 ราย รพ.รามาธิบดี 8 ราย รพ.คามิลเลียน 2 ราย รพ.นพรัตนราชธานี 1 ราย และ รพ.เปาโลโชคชัย 4 1 ราย
ทหารช่วย นศ.ออกจาก ม.รามคำแหง แล้ว - เอราวัณแจ้งเพิ่มตาย 4
       
ทหารช่วย นศ.ออกจาก ม.รามคำแหง แล้ว - เอราวัณแจ้งเพิ่มตาย 4
       
ทหารช่วย นศ.ออกจาก ม.รามคำแหง แล้ว - เอราวัณแจ้งเพิ่มตาย 4
       
ทหารช่วย นศ.ออกจาก ม.รามคำแหง แล้ว - เอราวัณแจ้งเพิ่มตาย 4
       
ทหารช่วย นศ.ออกจาก ม.รามคำแหง แล้ว - เอราวัณแจ้งเพิ่มตาย 4
       
ทหารช่วย นศ.ออกจาก ม.รามคำแหง แล้ว - เอราวัณแจ้งเพิ่มตาย 4
       
ทหารช่วย นศ.ออกจาก ม.รามคำแหง แล้ว - เอราวัณแจ้งเพิ่มตาย 4
       
ทหารช่วย นศ.ออกจาก ม.รามคำแหง แล้ว - เอราวัณแจ้งเพิ่มตาย 4
       
ทหารช่วย นศ.ออกจาก ม.รามคำแหง แล้ว - เอราวัณแจ้งเพิ่มตาย 4
       
ทหารช่วย นศ.ออกจาก ม.รามคำแหง แล้ว - เอราวัณแจ้งเพิ่มตาย 4
ภาพจากเฟซบุ๊ก skot kittisak
       
ทหารช่วย นศ.ออกจาก ม.รามคำแหง แล้ว - เอราวัณแจ้งเพิ่มตาย 4
ภาพจากเฟซบุ๊ก skot kittisak
       
ทหารช่วย นศ.ออกจาก ม.รามคำแหง แล้ว - เอราวัณแจ้งเพิ่มตาย 4


"ปู" โผล่วิดีโอลิงก์ถกครม.นัดพิเศษ - คปท.ถอยหลังยึดสะพานอรทัย อีกกลุ่มตรึงแยกพล.1

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

เกาะติดสถานการณ์ชุมนุม! - ทัพ บก เผยทหารเข้าพื้นที่ดูแลทำเนียบ-สนามบิน-ช่อง 5, 9, 11 ด้านแกนนำม็อบ 3 จุดเตรียมพร้อมเคลื่อนทัพ “สุเทพ” สั่งคนศูนย์ราชการบุกพาณิชย์ ที่เหลือเฝ้าฐานเติมคนช่วยในเมือง ตร.เซ็งโดน คปท.ยั่วออกไมค์ขู่จับแกนนำ บอกสื่อระวังแก๊สน้ำตา
       
       วันนี้ (1 ธ.ค.) เมื่อเวลา 08.50 น. พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก กล่าวในสถานีวิทยุ 100.5 ว่า ภารกิจของ 3 เหล่าทัพที่มาช่วยรัฐบาล คือหน้าที่ในการช่วยดูแลสถานที่ราชการ ได้แก่ ทำเนียบรัฐบาล สนามบิน สถานีโทรทัศน์ช่อง 5 ช่อง 9 ช่อง 11 เท่านั้น สำหรับกำลังที่ใช้ ช่วงแรกจะมี 10 กองร้อย ส่วนข้อมูลกำลังสำรองในการสั่งการยังไม่มีการรายงานเนื่องจากต้องรอความ ชัดเจนในช่วงสายของวันนี้ก่อน ในงานของเจ้าหน้าที่ทหาร คือ งานภายใต้ ศอ.รส. คือการให้ความดูแลสถานที่ราชการ เพราะ ศอ.รส.มีกำลังไม่เพียงพอ แต่ ศอ.รส.จะเป็นเจ้าภาพ กำหนดแผน ข้อเสนอแนะ หลักการปฏิบัติทั้งหมด โดยเจ้าหน้าที่ทหารจะไม่มีอาวุธใดๆ เช่นเดียวกับตำรวจ ทั้งนี้ ทางผู้บังคับบัญชาจะเน้นให้กำลังพลระมัดระวัง ไม่ใช้ความรุนแรง ภารกิจหลักคือการรักษาความปลอดภัยเท่านั้น ไม่มีภารกิจอื่นใด ที่จะปฏิบัติต่อผู้ชุมนุม
       
       เวลา 09.15 น. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตย ที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) ขึ้นเวทีที่ศูนย์ราชการระดมพลเตรียมเคลื่อนไหว โดยซักซ้อมความเข้าใจกับผู้ชุนนุมว่า มวลชนที่อยู่ที่ราชดำเนินจะเป็นมวลชนหลักในการเคลื่อนไปตามหน่วยงานราชการ ต่างๆ ที่กำหนดไว้ เนื่องจากอยู่ใกล้ ขณะที่มวลชนในศูนย์ราชการ จะแบ่งกำลังเป็น 2 ส่วน ส่วนหนึ่งให้ปักหลักรอรักษาฐานที่มั่นที่ศูนย์ราชการเอาไว้ และส่วนหนึ่งจะเดินเท้าร่วมกับนักธุรกิจชาวสีลมและนายสกลธี ภัทธิยกุล แกนนำเดินเท้าไปกระทรวงพาณิชย์ และที่เหลือจะขอให้ประชาชนขึ้นรถยนต์ไปส่วนกลางเพื่อไปเติมจำนวนให้กับมวลชน โดยจะเดินสายไปสถานีโทรทัศน์ช่องต่างๆ ซึ่งได้ฝากให้เจ้าหน้าที่ลองประสานงานดูว่าใครที่มีรถกระบะที่พอจะให้ ประชาชนอาศัยไปได้ ให้นำรถกระบะมาจอดขนานกับเวที
       
       พร้อมกันนี้ยังย้ำกับมวลชนให้เตรียมเสบียงคือข้าวกล่องและน้ำไว้ให้ พร้อมด้วย และจะเคลื่อนขบวนในเวลา 10.45 น. โดยก่อนจะเคลื่อนขบวน หลวงปู่พุทธะอิสระได้นำสวดมนต์ชัยมงคลนำทัพและชัยมงคลสะกดทัพ เพื่อความเป็นสิริมงคล และได้รับชัยชนะตามที่ประกาศไว้
       
       สำหรับบรรยากาศที่ศูนย์ราชการ มวลชนยังคงปักหลักอยู่ในพื้นที่ ขณะที่มวลชนส่วนหนึ่งเดินทางมาสมทบอย่างต่อเนื่อง เพื่อร่วมขบวนไปกระทรวงพาณิชย์ และไปสมทบกับส่วนกลาง อย่างไรก็ตาม นายสุเทพได้ขอให้มีการเตรียมรถกระบะไว้ที่ศูนย์ราชการ 40 คัน เพื่อลาดตะเวนและเผื่อไปเสริมในจุดที่มีความต้องการ
       
       เวลา 09.20 น. นายวิทยา แก้วภราดัย แกนนำ กปปส.ขึ้นเวทีที่กระทรวงการคลัง ประกาศรวมพลเตรียมไปปิดล้อมกรมประชาสัมพันธ์
       
       เวลา 09.26 น. นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย แกนนำ กปปส.ขึ้นเวทีราชดำเนิน เตรียมความพร้อมในการเคลื่อนมวลชน ทั้ง 9 จุด ต่อมาแจ้งกับผู้ชุมนุมบนเวทีราชดำเนินว่า การเลิกชุมนุมของ นปช.แล้วกลับบ้าน แต่ในความจริงแล้วยังคงมีอันธพาลของรัฐบาล คือ ส่วน นปช.อีกกลุ่มหนึ่งที่ยังก่อกวน และสร้างสถานการณ์ เช่นที่ ม.รามคำแหง นั่นคือฝีมือของอันธพาล ตนขอให้กลุ่มมวลชนของเราอย่าสนใจต่อสิ่งยั่วยุใดๆ ในการเคลื่อนขบวนวันนี้ ในบางจุดรัฐบาลได้ขอกำลังทหารเข้าดูแลสถานการณ์แต่ไม่ได้ติดอาวุธ เพราะฉะนั้น เราจะเคลื่อนขบวนแบบสันติ อหิงสา ตามสิทธิของประชาชนที่ระบุไว้ในกฎหมายรัฐธรรมนูญ รัฐบาลไม่มีสิทธิใช้ความรุนแรงต่อประชาชน
       
       เวลา 09.45 น. นายสุเทพปล่อยขบวนผู้ชุมนุมจากศูนย์ ราชการไปกระทรวงพาณิชย์โดยเปิดเพลงเจ้าตากของวงคาราบาวปลุกใจผู้ชุมนุมด้วย โดยขบวนได้มุ่งหน้าไปบนถนนแจ้งวัฒนะ
       
       เวลา 09.59 น. นายวิทยา และนายพนิช วิกิตเศรษฐ์ อดีต ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ นำมวลชนเดินทางไปที่กรมประชาสัมพันธ์ ซึ่งล่าสุดมวลชนได้เข้าไปอยู่ภายในลานหน้าอาคารแล้ว ทั้งนี้แกนนำได้ประกาศจะตั้งเวทีในบริเวณดังกล่าวด้วย
       
       เวลา 10.00 น. ที่สะพานชมัยมรุเชฐ มี คปท.จำนวนหนึ่งมารวมตัวอยู่เลียบคลองเปรมประชากร มีการพูดจายั่วยุกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่รักษาความปลอดภัยบริเวณนั้นพูดผ่านเครื่องขยาย เสียงว่า “ชุดจับกุมเตรียมความพร้อมเอาไว้ จับมัน เล็งที่แกนนำ เราเป็นราชการ เรามีงานทำ ขอให้ท่านที่มากลับไปเวทีของท่าน ไปนั่งแบบอารยะ อดทนหน่อยพี่น้อง ท่านว่าผม ผมยังทนได้ ใครฝ่าฝืนเข้ามาเราจะดำเนินการด้วยวิธีการละมุนละม่อม ผมอดทนไม่ไหวแล้ว ไม่ต้องไปมัฆวานฯ มาทางนี้เลย ผมอยู่ลพบุรี มีอะไรไปพบกันที่ลพบุรีได้” ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการเคาะโล่ และโห่ร้องเป็นระยะ
       
       ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ยืนประจำการอยู่บนรถขยายเสียง ยังได้ย้ำเตือนหลักการปฏิบัติให้กับเจ้าหน้าที่ว่า “เราต้องรักษาพื้นที่เราเอาไว้ ซึ่งเราทำตามหน้าที่ เราต้องทำเต็มที่ เพราะทำเนียบฯ เป็นพื้นที่ที่สำคัญ โดยขอให้ใช้วิธีการละมุนละม่อม” พร้อมกันนี้ยังได้หันหน้ามาบริเวณจุดที่สื่อมวลชนยืนเฝ้าสังเกตการณ์อยู่ใน ลักษณะเตือนด้วยว่า “สำหรับพี่น้องสื่ออาจจะมีการใช้แก๊สน้ำตา ระวังตัวด้วย ดูแลตัวเองดีๆ”
       
       เวลา 10.11 น. เว็บไซต์เฟซบุ๊ก CentralWorld ประกาศ ปิดการให้บริการห้างเซ็นทรัลเวิลด์ ราชประสงค์ 1 วัน และจะเปิดให้บริการตามปกติในวันพรุ่งนี้ สืบเนื่องจากมีการเคลื่อนไหวทางการเมืองในกรุงเทพมหานคร ซึ่งทำให้การเดินทางมายังบริเวณศูนย์การค้าอาจไม่ได้รับความสะดวก
       
       เวลา 10.17 น. นายสาทิตย์ประกาศบนเวทีราชดำเนิน จัดทัพเคลื่อนอีก 8 ขบวน ประกอบด้วย ขบวนของนายชุมพล จุลใส ไปกองบัญชาการตำรวจนครบาล, ขบวนของสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ ไปกระทรวงมหาดไทย, ขบวนของนายอิสสระ สมชัย ไปกระทรวงแรงงาน, ขบวนของนางทยา ทีปสุวรรณ ไปสถานีโทรทัศน์ช่อง 3, ขบวนของ น.ส.จิตภัสร์ ภิรมย์ภักดี ไปสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5, นายณัฐพล ทีปสุวรรณ ไปสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7, นายถนอม อ่อนเกตุพล ไปสถานีโทรทัศน์ ช่อง 9 และนายถาวร เสนเนียม ไปสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ช่อง 11
       
       เวลา 10.27 น. มีรายงานว่า ขบวนของนายสกลธี เมื่อเคลื่อนออกจากศูนย์ราชการ กลับไม่ได้ไปกระทรวงพาณิชย์ตามที่นายสุเทพประกาศ แต่เลี้ยวมุ่งหน้าออกถนนวิภาวดีโดยยังไม่ทราบจุดหมาย ทั้งนี้ หากถูกเจ้าหน้าที่สกัดตรงไหนจะตั้งเวทีตรงนั้น ขณะที่นายสุเทพได้ประกาศให้มวลชนตั้งขบวนใหม่เพื่อไปกระทรวงพาณิชย์ โดยมีนายสาทิตย์ เซกัล แกนนำนักธุรกิจสีลมนำขบวนไป
       
       มวลชนทยอยรอหน้า สตช.โวยตำรวจเฉยช่วยเด็กรามฯ
       
       เวลา 10.40 น. ผู้ชุมนุมต่อต้าระบอบทักษิณ ได้ทยอยเดินทางมาชุมนุมหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) โดยผู้ชุมนุมต่างเป่านกหวีด และตะโกนตำหนิการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เพิกเฉยไม่เข้าไปดูแลความ ปลอดภัยของนักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหงจากเหตุปะทะเมื่อคืนที่ผ่านมา
       
       ทั้งนี้ บรรยากาศรอบ สตช. เจ้าหน้าที่ได้นำรั้วลวดหนามและแท่งแบริเออร์ปิดทางเข้าออกทุกทาง รวมทั้งปิดเส้นทางจราจรด้านถนนพระราม 1 ตลอดจนทางเดินสกายวอล์คด้านบนด้วย
       
       “สาทิตย์” อ้างนายกฯ บินแอฟริกาใต้ ด้าน “ยิ่งลักษณ์” ไป บช.ปส.แต่เช้า
       
       เวลา 10.46 น. นายสาทิตย์ ประกาศอ้างบนเวทีราชดำเนินว่า ทราบว่าเที่ยวบิน TG 8880 บ่ายวันนี้ที่จะออกจากกรุงเทพมหานคร ไปกรุงโจฮันเนสเบิร์ก สาธารณรัฐแอฟริกาใต้ มีชื่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมอยู่ด้วย โดยอ้างว่าได้รับเทเล็กซ์จากผู้บริหารระดับสูงของการบินไทยว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์มีตั๋วเครื่องบินบินไปที่แอฟริกาใต้เที่ยงนี้ เวลาออก 12.00 น.ถึง 18.15 น. ระบุกลับวันที่ 4 ธ.ค. ทีจี 8881 เวลา 01.15 น.
       
       อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่า นายกฯ เดินทางออกจากบ้านพักตั้งแต่เวลา 09.40 น.มายังกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) เพื่อติดตามและประเมินสถานการณ์การชุมนุม โดยมี พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รองนายกรัฐมนตรี นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกรัฐมนตรี นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ต่างประเทศ นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.มหาดไทย น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี และนายพิชิต ชื่นบาน ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย โดยมีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ บช.ปส.และเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธร จ.สุรินทร์ 1 กองร้อย รักษาความปลอดภัยตั้งแต่บริเวณทางเข้าสโมสรตำรวจ จนถึง บช.ปส.
       
       ส.ก.พญาไท นำม็อบถึงช่อง 5
       
       เวลา 11.00 น. นายพีรพล กนกวลัย ส.ก.พญาไท ได้นำกลุ่มผู้ชุมนุมเดินทางมาที่ สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 เพื่อขอให้ทหารเปิดประตูให้กลุ่มผู้ชุมนุมเดินทางเข้าไปด้านใน โดยยืนยันว่า ผู้ชุมนุมมาดี มามือเปล่า ไม่มีจุดประสงค์ร้าย แต่มาเพื่อเยี่ยมชมกิจการ เยี่ยมทหาร และเรียกร้องให้กลุ่มผู้ชุมนุมแสดงความจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
       
       คปท.ประชิดชมัยมรุเชฐ
       
       เวลา 11.00 น. มวลชน คปท.เริ่มเคลื่อนมาประชิดแนวตำรวจ ที่สะพานชมัยมรุเชฐมากขึ้น ด้านตำรวจออกประกาศชี้แจงมาตรการใช้แก๊สน้ำตา โดยจะมีแก๊สน้ำตา 3 ชนิด แบบควัน แบบแป้ง และแบบน้ำผสมสารเคมี อาจจะแสบตา ทั้งนี้รถปราศรัยได้เคลื่อนมาถึงแล้ว
       
       เวลา 11.07 น. นายนิติธร ล้ำเหลือ ที่ปรึกษาเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย และนายอุทัย ยอดมณี ผู้ประสาน เดินมาสำรวจแนวแบริเออร์ตรงสะพานชมัยมรุเชฐ เจอตำรวจชูนิ้วกลางให้
       
       เวลา 11.12 น. นายนิติธรขึ้นรถขยายเสียงประกาศจะเข้าพื้นที่ทำเนียบรัฐบาล
       
       เวลา 11.21 น. ตำรวจหน้าแนวกั้นสะพานชมัยมรุเชฐ ได้ขว้างแก๊สน้ำตาลงมาใส่ผู้ชุมนุม คปท. 3 ลูก ทำให้ผู้ชุมนุมแตกฮือ และพยายามวิ่งไปหยิบแก๊สน้ำตามาใส่ในถังน้ำที่เตรียมไว้เพื่อดับควันจากแก๊ส น้ำตาด้วย ซึ่งก่อนหน้านี้ผู้ชุมนุมยังคงเพียงแค่อยู่ริมแนวแท่งแบริเออร์เท่านั้น
       
       การ์ดม็อบรวบ ตร.นางเลิ้ง ดอดถ่ายคลิป
       
       เวลา 11.04 น. ที่เวทีอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย พบกลุ่มการ์ดของ กปปส.นำตัวชายที่มีสภาพเลือดกบปากมายังพื้นที่ด้านหลังเวที ทั้งนี้จากการสอบถามชายที่ถูกควบคุมตัวดังกล่าวทราบว่าเป็นตำรวจ สน.นางเลิ้ง ชื่อ ด.ต.วิเชียร แสงดี ซึ่ง ด.ต.วิเชียรเปิดเผยสั้นๆ ว่า ตนได้รับภารกิจจากผู้บังคับบัญชาให้มาบันทึกภาพกลุ่มผู้ชุมนุมแยกหลานหลวง และเมื่อกลุ่มการ์ดพบเห็นได้เข้ามาสอบถามถึงการกระทำดังกล่าว และเมื่อตนบอกว่าเป็นตำรวจก็ถูกยึดอุปกรณ์และบัตรแสดงตน รวมถึงถูกทำร้ายและนำตัวมาหลังเวที ขณะที่การ์ดประจำหลังเวทีคนหนึ่งระบุกับผู้สื่อข่าวว่า ชายดังกล่าวเป็นตำรวจถูกส่งมาแทรกซึมภายในการชุมนุม ทั้งนี้จะให้แกนนำมาพูดคุยและสอบสวนต่อไป
       
       “อ๋อย” อ้างสภา ปชช.ทำไม่ได้ โอ่ยึดสถานที่ราชการไร้ผล โบ้ยมือที่ 3 ยิงแดง-เด็กรามฯ
       
       เวลา 11.13 น. นายจาตุรนต์ ฉายแสง รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส อ้างว่า ถ้าผู้ชุมนุมต้องการให้รัฐบาลยุบสภาหรือลาออกก็พร้อมจะพิจารณาแต่ขณะนี้แกน นำผู้ชุมนุมประกาศแล้วว่า ถึงยุบสภาหรือรัฐบาลลาออกก็จะไม่ยุติ ฉะนั้น การได้เจรจากันก่อนก็อาจจะช่วยได้แต่การจะเปลี่ยนแปลงระบอบไปมีสภาประชาชน และอื่นๆ ซึ่งไม่ได้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญนั้น ทางรัฐบาลคงไม่สามารถดำเนินการได้และวิถีทางนี้จะสร้างความเสียหายให้กับ เศรษฐกิจและการเมืองของประเทศอย่างมาก ส่วนการยึดสถานที่ราชการทั้งหลายจะไม่เป็นอุปสรรคต่อการบริหารราชของรัฐบาล เพราะสามารถทำงานผ่านอินเตอร์เน็ต ทำงานที่บ้านและอื่นๆได้ รัฐบาลพยายามที่จะแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นเพราะไม่อยากให้สถานการ์บานปลายโดย เฉพาะที่มหาวิทยาลัยรามคำแหงและสนามรัชมังคลากีฬาสถานที่มีมือที่ 3 ยิงเข้าใส่สนามกีฬาดังกล่าวทั้งคืน ขณะเดียวกันก็มีการยิงใส่นักศึกษาด้วย เจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามจะแก้ไขปัญหาแต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้มากนักเพราะเจ้า หน้าที่ตำรวจก็ไม่มีอาวุธ เพราะเกรงว่าถ้าใช้อาวุธจะเป็นปัญหาใช้อาวุธต่อประชาชน
       
       “สกลธี” นำม็อบไปไทยพีบีเอสขอเกี่ยวสัญญาณแถลง กปปส.
       
       เวลา 11.22 น. ขบวนของนายสกลธีได้เดินทางไปที่สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส เพื่อขอความร่วมมือให้ทางสถานีเลิกการถ่ายทอดสัญญาณชั่วคราวเพื่อจะให้ เกี่ยวสัญญาณถ่ายทอดสดของ กปปส. ขณะที่ผู้บริหารสถานียืนยันขอให้ผู้ชุมนุมนึกถึงผลดีหรือผลเสียของการกระทำ ดังกล่าว
       
       “ชุมพล” ประชิดแนวกั้นแยกศรีอยุธยา
       
       เวลา 11.23 น. นายชุมพล จุลใส อดีต ส.ส.ชุมพรนำขบวนไปกองบัญชาการตำรวจนครบาล ประชิดแนวกั้นแยกศรีอยุธยาแล้ว โดยตำรวจใช้เครื่องขยายเสียงประกาศ ห้ามบุกเข้ามา ตรงนี้เป็นเขตใช้แก๊สน้ำตา
       
       คปท.ลับลวงพราง ขนอีกทัพไปแนวกั้นแยกวัดเบญฯ
       
       เวลา 11.40 น. ที่เวทีนางเลิ้ง ขบวน คปท.เคลื่อนรถขยายเสียง 1 คันกับมวลชนบางส่วนไปทางถนนพระราม 5 คาดไปแนวกั้นตำรวจบริเวณแยกวัดเบญจมบพิตร ทัพใหญ่ยังอยู่ด้านแนวกั้นสะพานชมัยมรุเชฐ ซึ่งล่าสุดได้มีการเคลื่อนย้ายแท่งแบริเออร์ได้หลายแท่งแล้ว
       
       แยกศรีอยุธยาวุ่น! ตร.ปาแก๊สน้ำตาอีกจุด
       
       เวลา 11.47 น. นายชุมพลประกาศกับกลุ่มผู้ชุมนุมที่แยกศรีอยุธยา ให้รื้อรั้วลวดหนามออกเอาแค่ประชิดแนวกั้น เราจะไม่ทำร้ายกัน เพราะคือคนไทยด้วยกัน แต่ถ้าอยากจะตีประชาชนก็ให้เดินออกมา ขอความกรุณาอย่ายั่วยุ ทั้งนี้นายชุมพล ได้สั่งให้มวลชนบุกเข้าไปอีกบล็อคหนึ่ง ด้าน ตำรวจได้ประกาศกระจายเสียงหากยังไม่หยุดรื้อจะใช้มาตรการอีกขั้นหนึ่ง และล่าสุดได้มีการใช้แก๊สน้ำตาสลายการชุมนุมแล้ว
       
       สรส.ล้อมมหาดไทย
       
       เวลา 11.50 น. สรส.นำมวลชนล้อมกระทรวงมหาดไทยไว้แล้ว โดยนายคมสันต์ ทองศิริ เลขาธิการสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ ระบุว่ายังไม่มีมาตรการบุกเข้าไปภายใน แค่ปิดล้อม ขณะที่ด้านเจ้าหน้าที่ อส.คุมเข้มทั่วกระทรวง พร้อมทั้งมีการขึงลวดหนามไว้โดยรอบ ขณะเดียวกันได้มีรถดับเพลิงอยู่ในกระทรวงประมาณ 4 คัน เพื่อรับมือกับเหตุการณ์การชุมนุมด้วย
       
       ชมัยมรุเชฐยังวุ่น ตร.ปาแก๊สน้ำตาอีกหลายลูก
       
       เวลา 12.00 น. ที่สะพานชมัยมรุเชฐ ตำรวจยังคงปาแก๊สน้ำตาใส่ผู้ชุมนุมอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ผู้ชุมนุมแตกกระเจิง แต่ก็พยายามฝ่าเข้าไปรื้อลวดหนามออกเป็นระยะ โดยมีรายงานด้วยว่า ได้มีการฉีดน้ำผสมสารเคมี ที่มีฤทธิ์แสบร้อนใส่ผู้ชุมนุมด้วย ขณะที่แยกศรีอยุธยา ตำรวจได้ยิงแก๊สน้ำตาเข้าใส่ทางด้านสำนักวิจัย ทบ. โดยมวลชนได้ขว้างแก๊สน้ำตากลับใส่ตำรวจเช่นกัน โดยมวลชนทั้ง 2 จุดพยายามถอยร่นออกมาจากพื้นที่
       
       “ปิยะ” แสบ! โอด ตร.เจอยั่วเลยปาแก๊สแค่ลูกเดียว แถมโดนบึ้มปิงปองใส่
       
       เวลา 12.01 น. พล.ต.ต. ปิยะ อุทาโย โฆษก ศอ.รส. แถลงสถานการณ์ที่แยกสะพานชมัยมรุเชฐ ว่าเจ้าหน้าที่ถูกแกนนำยุยงปลุกปั่นทั้งที่ได้ประสานแกนนำทุกขั้นตอน สุดท้ายเจ้าหน้าที่ได้โยนแก๊สน้ำตา 1 นัดเพื่อให้ผู้ชุมนุมถอยออกไป ขณะนี้ผู้ชุมนุมล่าถอย ส่วนที่แยก พล.1 ได้เจรจากับ ผู้ชุมนุม แต่ผู้ชุมนุมไม่หยุดจึงได้โยนแก๊สน้ำตาทำให้ผู้ชุมนุมล่าถอยออกไป ล่าสุดกลุ่มผู้ชุมนุมได้พยายามโยนระเบิดปิงปอง 3 ลูกใส่เจ้าหน้าที่ ส่วนอีกจุดคือ กรณีนายสกลธีไปบุกสถานีทีไทยพีบีเอสและเตรียมตัดสัญญาณและเชื่อมสัญญาณข้อง ที่ถ่ายทอดการปฏิบัติการของผู้ชุมนุม ถือว่าทำผิดกฎหมาย
       
       สรส.ยึด “มหาดไทย” ได้แล้ว
       
       เวลา 12.30 น. ที่กระทรวงมหาดไทย แกนนำได้เริ่มสั่งผู้ชุมนุมรื้อลวดหนามด้านหน้ารั้วแล้ว หลังจากมาปิดล้อมได้สักระยะ มีการผลักดันกับเจ้าหน้าที่ อส.เล็กน้อย ก่อนที่จะสามารถเข้าไปภายในกระทรวงทางประตูด้านหน้าอนุสาวรีย์กรมพระยาดำรง ราชานุภาพฯ ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ อส.ไม่ได้มีท่าทีต่อต้านแต่อย่างไร อีกทั้งยังนำผลไม้มามอบให้ผู้ชุมนุม ขณะที่มวลชนก็นำข้าว นำน้ำมาแลก พร้อมถ่ายรูปกัน
       
       เวลา 12.40 น.นายสุเทพ ได้ขึ้นเวทีศูนย์ราชการฯ อีกครั้งประกาศให้พี่น้องที่ไปช่วยเหลือยึดสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส ยึดหลักสันติ อหิงสา หากตำรวจเข้ามาเพื่อจะสลายการชุมนุมภายในสถานีฯก็ให้นั่งล้อมตำรวจไว้เฉย เขาจะได้ไม่มีกำลังพอที่จะเข้าไปสลายพี่น้องที่ชุมนุมอยู่ในสถานีฯได้ และขอให้พี่น้องที่เข้าไปอย่าได้ทำลายทรัพย์สินของราชการ และขอให้มวลชนที่เหลือภายในศูนย์ราชการได้เตรียมตัว หากมีความจำเป็นเราจะเดินเท้าเคลื่อนไปสมทบ
       
       *** "ประยุทธ์" พร้อมต่อสายขอทั้ง 2 ฝ่ายหยุด***
       เวลา 12.33 น.พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก กล่าวว่า ในฐานะและบทบาทที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก(ผบ.ทบ.)เป็นผู้บังคับบัญชาระดับสูงรู้สึกเป็นห่วงต่อ สถานการณ์ที่ผู้ชุมนุมพยายามจะบุกรุกเข้ามายังพื้นที่ทำเนียบรัฐบาล บช.น. ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องใช้แก๊สน้ำตา โดยพล.อ.ประยุทธ์ ไม่อยากให้มีการใช้ความรุนแรง และอยากให้ทั้งผู้ชุมนุมและเจ้าหน้าที่มีความปลอดภัยทั้งสองส่วน จึงได้มีการประสานไปยัง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพื่อขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจระงับการใช้แก๊สน้ำตา และขอให้ผู้ชุมนุมอย่าบุกรุกสถานที่ราชการ เพื่อไม่ให้เกิดการกระทบกระทั่งของทั้ง 2 ฝ่าย และไม่ให้เกิดการบาดเจ็บ โดย พล.อ.ประยุทธ์ จะช่วยเร่งประสานกับทางรัฐบาลและผู้ที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ไขสถานการณ์ต่อไป เพราะภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นขณะนี้เป็นภาพที่แสดงให้เห็นถึงความรุนแรง และจะส่งผลกระทบไม่ดีต่อนานาประเทศ
       
       พ.อ.วินธัย กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ทางศอ.รส.ได้ขอให้ทหารเข้าอำนวยความสะดวกและดูแลประชาชนบริเวณ พื้นที่รามคำแหง ทางผบ. ทบ.จึงได้มอบหมายให้กองทัพภาคที่1 จัดชุดแพทย์ ชุดอำนวยความสะดวก และชุดประชาสัมพันธ์(ปชส.) เข้าดำเนินการให้บริการประชาชนในบริเวณพื้นที่รามคำแหงเป็นการเร่งด่วน เพื่อลดความหวาดวิตก และเพื่อเป็นการผ่อนคลายบรรยากาศภายในพื้นที่ให้เป็นไปในทางที่ดีขึ้น
       
       *** "ถาวร" เคลื่อนทัพปักหลักช่อง 11 หลังคุยขอลิ้งก์แถลงกปปส.***
       เวลา 12.59 น.ขบวนของนายถาวร เสนเนียม ได้เคลื่อนมาถึงสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ช่อง 11 กรมประชาสัมพันธ์ และมีการเจรจากันระหว่าง ผู้บริหารช่อง 11 กับ นายถาวร โดยทางตำรวจรับปากผู้ชุมนุมว่าจะไม่สลายการชุมนุม ขณะที่ผู้บริหารช่อง 11 รับปากว่า ถ้ามีแถลงการณ์สำคัญ ของ นายสุเทพ หรือมีเหตุการณ์สำคัญก็พร้อมจะเกี่ยวสัญญานออกอากาศทางช่อง 11 ให้ทันที ทั้งนี้ในเบื้องต้นกลุ่มผู้ชุมนุมพร้อมรับการเจรจาดังกล่าว แต่ยังปักหลักที่่ช่อง 11 จนกว่า นายสุเทพ จะมีแถลงการณ์ และทางช่อง 11 เกี่ยวสัญญานมาออกอากาศตามที่สัญญาไว้ ซึ่งผู้ชุมนุมจะรอคำสั่งจากนายสุเทพ ส่วนจะประกาศแถลงการณ์เมื่อไรนั้น ต้องรอดูความสำเร็จจากกลุ่มผู้ชุมนุมอื่นๆด้วย
       
       อธิการบดีรามคำแหง เผยชุดดำซุ่มยิงนักศึกษาระหว่างหนีออกจากมหา'ลัย "คุณชาย" ส่งรถกทม.10 คัน รับเด็ก
       
       เวลา 13.00 น.มีรายงานว่า นายวุฒิศักดิ์ ลาภเจริญทรัพย์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง (ม.ร.) ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า จากเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นกับนักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหง ตนได้ใช้ความพยายามจะเคลื่อนย้ายนักศึกษา ม.ร.ทั้งหมด ประมาณ 2,000 คน ออกนอกมหาวิทยาลัยรามคำแหง แต่ไม่สามารถกระทำได้ เพราะทุกครั้งที่มีการเคลื่อนย้าย หรือเปิดประตูมหาวิทยาลัยรามคำแหง จะมีชายชุดดำมือสั่งหารคอยดักซุ่มยิงนักศึกษา หรือทำร้ายนักศึกษา ตนจึงได้ประกาศทำความเข้าใจกับนักศึกษารามคำแหงให้อยู่อย่างสงบ และอยู่ในที่ปลอดภัย ส่วนการติดต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้น จนถึงขณะนี้ก็ไม่สามารถเข้ามาช่วยเหลือได้ เนื่องจากไม่สามารถเข้าไปยังมหาวิทยาลัยรามคำแหงได้ หรือจัดการกับชายชุดดำเหล่านั้นได้
       
       นายวุฒิศักดิ์ กล่าวต่อว่า ตนยังไม่สามารถสรุปสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดได้ว่า ตอนนี้มีนักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหงได้รับบาดเจ็บ หรือเสียชีวิตจากเหตุการณ์ความรุนแรงดังกล่าวทั้งหมดกี่คน แต่มหาวิทยาลัยรามคำแหงจะช่วยเหลือนักศึกษารามคำแหงทุกคนอย่างเต็มที่ ส่วนกรณีที่ทางที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย(ทปอ.)จะหยิบยกข้อเสนอปิดการ เรียนการสอนมหาวิทยาลัยทั่วประเทศระหว่างวันที่ 5-10 ธันวาคม 2556 นั้นในส่วนของมหาวิทยาลัยรามคำแหงขอดูผลการประชุมของทปอ.ก่อน ว่าทปอ.จะมีแนวทางอย่างไร ขณะนี้ผมขอแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นภายในมหาวิทยาลัยรามคำแหงก่อน
       
       เวลา 13.04 น.เว็บไซต์เฟซบุ๊ก ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ บริพัตร ของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ระบุว่า กราบเรียนพี่น้องประชาชนที่เคารพ สถานการณ์ภายในมหาวิทยาลัยรามคำแหง ขณะนี้กรุงเทพมหานครส่งรถเข้าไปเคลื่อนย้ายนักศึกษาออกจากมหาวิทยาลัย จำนวน 10 คัน และผมได้ส่งที่ปรึกษาผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นายสัญญา จันทรัตน์ เข้าไปประจำพื้นที่ และประสานงานอย่างใกล้ชิด ณ มหาวิทยาลัยแล้ว ยังมีเสียงระเบิดเป็นระยะ เราจะเอานักศึกษาออกมาให้หมดครับ
       
       ทั้งนี้มีรายงานด้วยว่า ทหาร จาก ร.11 พัน 1 รอ. จำนวน 200 นาย เตรียมอพยพนศ.ราม ออกจากพื้นที่ให้ได้ก่อนค่ำนี้
       
        "เด็จพี่" โบ้ยมือที่ 3 ฝ่ายตรงข้ามฆ่าเด็กราม
       
       เวลา 13.07 น. นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงเหตุการณ์ความรุนแรงที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง ขอแสดงความเสียใจต่อผู้สูญเสีย จากการตรวจสอบพบว่า สถานการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นมาจากมือที่สาม ที่ถูกจัดตั้งโดยนักการเมือง “ถ”และสื่อมวลชน “ส” อยู่เบื้องหลัง เพื่อต้องการสร้างสถานการณ์ให้รัฐบาลไม่สามารถควบคุมเหตุการณ์ได้ หวังเปิดช่องให้ทหารเข้ามายึดอำนาจตามแผนที่วางไว้ล่วงหน้า ขอให้คนเสื้อแดงอย่าเข้าใจผิดว่า นักศึกษาม.รามคำแหงมาทำร้าย และอยากให้นักศึกษา ม.รามคำแหง เข้าใจว่า คนเสื้อแดงไม่ได้ทำร้ายเช่นกัน ทั้งสองฝ่ายต่างตกเป็นเหยื่อของกลุ่มมือที่สามหรือกลุ่มฮาร์ดคอร์ แต่ยังเชื่อมั่นว่าศอ.รส.จะควบคุมสถานการณ์ได้ ทั้งนี้ผู้ใหญ่ไม่เป็นห่วงกับสถานการณ์ชุมนุม และเชื่อมั่นว่ารัฐบาลจะประคองผ่านสถานการณ์ไปได้โดยจะใช้วิธีไม่ปะทะไม่ สลายการชุมนุม และยืนยันต่อให้เกิดสถานการณ์รุนแรงจะไม่มีการยุบสภาหรือลาออก
       
       *** "พุฒิพงษ์" คุมเชิง สตช. "จิตภัสร์" นำมวลชนอยู่ช่อง 5 "สกลธี" อ้างฝ่ายข่าวไทยพีบีเอสยอมให้ความร่วมมือ***
       เวลา 12.30 น. นายพุทธิพงษ์ ได้เดินทางมาพูดคุยกับพ.ต.อ.ไชยา คงทรัพย์ ผกก.สน.ลุมพินี ที่แยกราชประสงค์ หลังพูดคุยเสร็จมวลชนบางส่วนที่ชุมนุมหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้รุมล้อมตะโกนแสดงความไม่พอใจตำรวจ จนต้องถอยออกมายืนกลาง4แยก จนผู้ชุมนุมต้องช่วยกันห้าม และให้กลับไปรวมตัวหน้าสตช.อีกครั้ง อย่างไรก็ตาม พ.ต.อ.ไชยา ยังคงยืนสังเกตการณ์บนเกาะกลางถนน แยกราชประสงค์ ทำให้มวลชนยังคงยืนรวมตัว ฝั่งถนนพระราม1และบนสกายวอร์ค
       
       เวลา 13.30 น.ที่สถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 น.ส.จิตภัสร์ ยังคงนำมวลชนอยู่ในพื้นที่ เพื่อขอยื่นหนังสือต่อผู้บริหาร ในการขอเชื่อมต่อสัญญาณแถลงการณ์ของ กปปส.พร้อมระบุว่าจะไม่ใช้ความรุนแรง
       
       เวลา 14.11 น.ที่สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส นายสกลธี ประกาศต่อมวลชนว่า หัวหน้าฝ่ายข่าวไทยพีบีเอส ยินดีให้ความร่วมมือกับประชาชนทุกกรณี ทั้งนี้ระหว่างที่เจรจาและรอคำตอบกับผู้บริหารระดับสูงของสถานี มีรายงานว่า นายสกลธี ต่อสายตรงหารือกับนายสุเทพ ตลอดเวลา
       
        "อิสสระ - รัชดาภรณ์" นำทัพล็อคประตูก.แรงงาน
        เวลา 13.29 น. ที่กระทรวงแรงงาน ตำรวจและผู้บริหารกระทรวงแรงงานยังคงไม่ยอมเปิดประตูกระทรวงให้เข้าผู้ ชุมนุมที่นำโดย นายอิสสระ สมชัย อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และนางรัชฎาภรณ์ แก้วสนิท ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ เข้าไปภายในกระทรวง โดยผู้ชุมนุมได้ทยอยใช้โซ่คล้องประตูและใส่แม่กุญล็อกประตูทีละประตูจนครบ ทั้ง 6 ประตู พร้อมเสียงเป่านกหวีดและโบกธงชาติแสดงความยินดีที่สามารถปิดกระทรวงแรงงาน ได้สำเร็จ โดยไม่มีเหตุการณ์รุนแรง ไม่ได้ทำลายทรัพย์สินราชการและไม่มีการปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจกับ ผู้ชุมนุม ทั้งนี้ ผู้ชุมนุมยังคงปักหลักอยู่กระทรวงแรงงานและจัดผู้ชุมนุมบางส่วนไปเฝ้าประตู ทุกด้าน
       
       ทั้งนี้เมื่อช่วงสาย นายอิสสระ และนางรัชฎาภรณ์ ได้นำขบวนมายังกระทรวงแรงงานด้วยรถ 6 ล้อ พร้อมติดเครื่องขยายเสียง โดยนายอิสสระ ได้ประกาศให้ตำรวจและผู้บริหารกระทรวงแรงงานเพื่อให้ผู้ชุมนุมเข้าไปใน กระทรวงโดยให้เวลาตัดสินใจ 30 นาที ไม่เช่นนั้นจะใช้โซ่คล้องประตูและจะให้ผุ้ชุมนุมเฝ้าเพื่อไม่ให้ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่เข้าออก
       
       แยก พล.1 ยังถูกตำรวจปาแก๊สน้ำตา คปท.ถอยก่อน"พุทธอิสระ"เจรจา ตร.
       
       เวลา 13.30 น.บริเวณแยก พล.1 ยังคงมีการขว้างแก๊สน้ำตาอย่างต่อเนื่อง โดยมีรถพยาบาลพามวลชนที่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยจากแก๊สน้ำตา และการ์ดผู้ชุมนุมที่ได้รับบาดเจ็บศรีษะแตกจากกระป๋องแก๊สออกจากพื้นที่ไป แล้ว
       
       เวลา 13.48 น. หลวงปู่พุทธอิสระ เดินทางจากแยกนางเลิ้ง ไปยังบริเวณแนวกั้นแบริเออร์สะพานชมัยมรุเชฐ เพื่อเจรจากับทางด้านตำรวจ โดยปราศจากเครื่องป้องกันใดๆ ท่ามกลางการโยนแก๊สน้ำตาของตำรวจอย่างต่อเนื่อง ขณะที่แกนนำ คปท.ประกาศให้การ์ด และมวลชนกลับที่ตั้ง เพื่อพักยกชั่วคราวกันก่อน
       
       เวลา 14.15 น.ที่สะพานชมัยมรุเชฐ มีการยิงแก๊สน้ำตาออกมาจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร ในช่วงที่มวลชนกำลังทยอยกลับที่ตั้งแยกนางเลิ้ง ต่อมา การ์ด คปท.ควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยขว้างแก๊สน้ำตาจากในราชมงคลได้ 1 คน โดยเกิดเหตุการณ์ชุลมุนเล็กน้อย ซึ่งตอนนี้บุคคลดังกล่าวถูกคุมตัวอยู่หลังเวที
       
       เวลา 14.24 น.มีรายงานว่า บริเวณใต้ถุนของสนามม้านางเลิ้งขณะนี้ถูกปรับเปลี่ยนเป็นโรงพยาบาลสนาม โดยผู้บาดเจ็บจากการปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจจะถูกลำเลียงมารักษาพยาบาล เบื้องต้นขอรับบริจาคยาหยอดตา และน้ำเกลือจำนวนมาก
       
       เวลา 14.30 น.ที่บริเวณแยกพล 1 ยังคงตรึงเครียด หลังแกนนำพยายามเจรจากับเจ้าหนัาที่ตำรวจเพื่อขอเข้าไปยังบริเวณพื้นที่ บชน. แต่ไม่เป็นผล ทำให้กลุ่มมวลชนพยายามดันแท่งแบริเออร์ชั้นแรกให้ล้มไปบางส่วน ส่งผลให้เจ้าหน้าตำรวจด้านในยิงแก๊สนำตามายังกลุ่มผู้ชุมนุม โดยซึ่งล่าสุดทางเจ้าหน้าตำรวจได้ใช้มาตรการการนำรถฉีดน้ำผสมแก๊สน้ำตาความ ดันสูงเข้ามาฉีดสกัดกั้นผู้ชุมนุม ซึ่งถือเป็นมาตรการการสลายการชุมนุมแบบเบาไปหาหนัก ทำให้ผู้ชุมนุมถอยออกและบางส่วนได้เข้าไปหลบภายในบริเวณหอประชุมกองทัพบก ขณะที่มวลชนได้มีการทยอยนำน้ำดื่มและอาหารเข้ามาแจกจ่ายให้กับกลุ่มผู้ ชุมนุมในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ขณะที่ ได้มีหน่วยกู้ภัยจากโรงพยาบาลวชิรพยาบาลเข้ามาช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งขณะนี้มีผู้ได้รับบาดเจ็บเเต่ไม่สามารถระบุจำนวนที่ชัดเจนได้
       
       อย่างไรก็ตามพบว่า รถทหารพยาบาลเข้ามาจอดอยู่หน้าบ้านสี่เสาเทเวศร์ ของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ จำนวน 1 คัน
       
       ล่าสุดมีรายงานว่าตำรวจเริ่มใช้กระสุนยางยิงใส่ผู้ชุมนุมแล้ว
       
        "สาทิตย์"
        เวลา 14.20 น. นายสาทิตย์ ประกาศบนเวทีราชดำเนินว่า ขณะนี้ กกปส. ได้เข้าควบคุมพื้นที่ไว้ได้หลายแห่ง ไม่ว่า ศูนย์ราชการ กระทรวงการคลัง กรมประชาสัมพันธ์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน ช่อง 3 5 7 9 ไทยพีบีเอส โดยเราได้เจรจากับผู้บริหารอย่างสันติและได้ใช้สิทธิ์ตามรธน. ซึ่งทุกสถานียอมให้มีการถ่ายทอดสดสัญญาณการแถลงของนายสุเทพ ในค่ำนี้แล้ว ทั้งนี้เราใช้สิทธิ์พิทักษ์ปกป้องรัฐธรรมนูญและสิทธิของประชาชนที่เป็นเจ้า ของอำนาจอธิปไตยโดยแท้จริง คงเหลือแต่เพียง บช.น. ทำเนียบรัฐบาล และ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ยังมีการตรึงกำลังกันอยู่ แม้เรายืนยันจะเคลื่อนไหวอย่างสันติ แต่ตำรวจกลับใช้อาวุธกับผู้ชุมนุมอย่างต่อเนื่องและยังใส่ร้ายผู้ชุมนุม ซึ่งสถานีโทรทัศน์เข้าใจสถานการณ์ และรายงานข่าวอย่างถูกต้องเข้าใจความจริง
       
       นายสาทิตย์ กล่าวว่า ส่วนความรุนแรง บริเวณทำเนียบรัฐบาล ตำรวจได้ใช้ความรุนแรงกับประชาชนมือเปล่า แต่ ผบ.ทบ.ได้เตือนแล้วว่า อย่าใช้แก๊สน้ำตากับผู้ชุมนุม การกระทำดังกล่าวเป็นการละเมิดกฎการใช้กำลังของสากลซึ่งผิดกฎหมาย โดยเราได้รับพิษจากแก๊สน้ำตาจำนวนมาก กองทัพภาคที่ 1 จัดชุดแพทย์ บริการประชาชนในพื้นที่ที่มีปัญหา ขณะนี้สถานการณ์ยังไม่จบรัฐบาลยิ่งลักษณ์ยังดำรงอยู่ในอำนาจ ทั้งที่หมดความชอบธรรม ดังนั้น เราจะดำเนินการเชิงรุกอย่างต่อเนื่องภายใต้หลักการสงบ สันติ เปิดเผย สงบตามรธน.ทุกประการ
       
       *** ทหารเข้าม.รามรับเด็กออก- ม็อบล้อมกต.ยังเข้าไม่ได้***
       เวลา 14.35 น.เจ้าหน้าที่ทหารได้เข้าไปภายในมหาวิทยาลัยรามคำแหงแล้ว โดยเชิญนักศึกษาขึ้นรถบัสของมหาวิทยาลัยทยอยออกไป ทั้งนี้อธิการบดีคาดว่าจะสามารถอพยพนักศึกษาทั้ง 1 พันคนออกจากพื้นที่ได้ พร้อมประสานทหารรักษาความปลอดภัยเพิ่มเติม
       
       เวลา 14.37 น.ที่กระทรวงการต่างประเทศ ผู้ชุมนุมเดินทางมาปักหลักปิดล้อมกระทรวง โดยช่วงแรกได้มีการผลักดันประตูและโน้มน้าวให้เจ้าหน้าที่เปิดประตู แต่ยังไม่สามารถฝ่าด่านตำรวจได้ ทั้งนี้ตำรวจได้ถอดหมวก ถอดโล่ วางไว้กับพื้น เพื่อแสดงความจริงใจ พร้อมกับประกาศกับมวลชนว่า ตำรวจไม่ทำร้ายประชาชน ทำให้ผู้ชุมนุมคลายความตรึงเครียดได้พอสมควร
       
       *** "คุณชาย" สแตนด์บายรอรับนักศึกษารามที่วัดพระราม 9 ***
       เวลา 14.44 น.เว็บไซต์เฟซบุ๊ก กอ.รมน. สวนรื่นฤดี ระบุว่า ตามที่ทางอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหงได้ประสานขอความช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ ทหารให้เข้าไปช่วยเหลือน้องๆ นักศึกษาออกไปจากมหาวิทยาลัยนั้น เจ้าหน้าที่ทหารวางแผนจะใช้รถบรรทุกของ กทม. ดำเนินการขนนักศึกษา ขนาบข้างด้วยรถทหาร การปฏิบัติการครั้งนี้ทหารไม่ได้นำอาวุธไปด้วย มีเพียงเสื้อเกราะเท่านั้น ซึ่งมีแผนที่จะให้น้องๆ นักศึกษาสวมเสื้อเกราะป้องกันความปลอดภัยด้วย
       
       ขณะที่เว็บไซต์ทวิตเตอร์ ของม.ร.ว.สุขุมพันธ์ ระบุว่า ขณะนี้ผมได้สั่งเจ้าหน้าที่กทม. ทุกหน่วยที่เกี่ยวข้องเข้าประจำที่วัดพระรามเก้า รวมถึงตัวผม กำลังเข้าไปในพื้นที่ เพื่อช่วยนศ.ที่ติดอยู่ข้างใน วัดพระรามเก้าคือสถานที่ที่ใกล้และสะดวกที่สุด ณ ขณะนี้ ตอนนี้ผมถึงวัดพระรามเก้าแล้วครับ เราจะดูแลทุกชีวิตเท่าชีวิต ขอบคุณครับ
       
       ทั้งนี้มีรายงานว่า ทหารที่เข้าไปช่วยนักศึกษานำโดย พ.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผบ.ร.11 รอ.
       
       *** แนวกั้นสะพานอรทัยแตก!! คปท.ลุยประชิดเกือบถึงรั้วทำเนียบ***
       เวลา 14.40 น. ที่แยกพล 1 ตำรวจใช้กระสุนยางและแก๊สน้ำตายิงใส่ผู้ชุมนุมอย่างต่อเนื่อง พร้อมขอร้องให้มวลชนกลับไปชุมนุมที่ราชดำเนิน ขณะที่ผู้ชุมนุมยังคงพยายามรื้อแนวแบริเออร์ โดยล่าสุดตอนนี้เหลืออีกเพียงแนวเดียว มวลชนจะประชิด ตำรวจทันที
       
       เวลา 14.43 น.คปท. ได้ส่งการ์ดคนเข้าตรวจพื้นที่ราชมงคล กับ รร.ราชวินิต หลังมีการขว้างแก๊สน้ำตาออกมาหลายลูก อย่างไรก็ตามกรณีที่มีการจับกุมชายต้องสงสัยปรากฏว่า เป็นการเข้าใจผิดเนื่องจากชายคนดังกล่าวซึ่งเป็นคนของกลุ่มกองทัพธรรมเก็บ ปลอกกระสุนยางแล้วถือไว้ในมืออยู่หลังจากขึ้นไปตรวจตึกในราชมงคล
       
       เวลา 15.00 น. มีรายงานว่า ทหารจากกองพันทหารช่างที่ 1 ซึ่งเป็นหน่วยพยาบาล ประมาณ 12 นาย ได้มาที่แยก พล.ร.1 เพื่อดูแลช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ โดยแบ่งเป็นทีมละ 3 นาย
       
       เวลา 15.10 น. คปท.ได้ปล่อยแถวรถเครื่องเสียง 1 คันพร้อมมวลชนบางส่วนไปทางแยกเทวกรรม คาดว่าจะเดินเท้าไปที่แนวกั้นสะพานอรทัย
       
       เวลา 15.24 น.คปท.ได้บุกพังแนวกั้นแบริเออร์ด้านสะพานอรทัยแตกแล้ว มวลชน บุกไปถึงประตูทำเนียบโดยมีรถตำรวจขวางกั้นอยู่ ก่อนถอยมาจัดขบวนใหม่ ด้าน ตร.ที่อยู่นอกแนว หลบเข้าพื้นที่ภายในทำเนียบชุลมุน
       
       เวลา 16.20 น. ที่สะพานอรทัย มีรายงานว่า จนท.ใช้กระสุนยางกับผู้ชุมนุม ขณะหลวงปู่พุทธอิสระอยู่บนรถขยายเสียงควบคุมมวลชน แต่จนท.ยังคงยิงแก๊สน้ำตาออกมาสกัดอย่างต่อเนื่อง
       
        "สุเทพ" แถลงสั่ง ขรก.หยุดงานพรุ่งนี้ จี้ทีวีหยุดถ่ายข่าวรัฐ ประณามรัฐปล่อยแดงปะทะนศ.ราม ดับ 2 ศพ
       เวลา 16.32 น.นายสุเทพ แถลงที่ศูนย์ราชการ ระบุประกาศวันจันทร์ที่ 2 ธ.ค.เป็นวันหยุดงานของข้าราชการจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย นับจากเวลานี้ ขอให้สถานีโทรทัศน์ทุกช่องงดออกข่าวของรัฐบาลถ่ายทอดเฉพาะข่าวจาก กปปส.และสถานการณ์จริงเท่านั้น กรณีการเสียชีวิต 2 ราย และผู้บาดเจ็บ เป็นฝีมือฝ่ายระบอบทักษิณ การชุมนุมของนักศึกษาไม่เกี่ยวกับ กปปส. ขอประณามรัฐบาลไร้สำนึก ทั้งนี้ขอขอบคุณทุกสาขาอาชีพที่ยืดหยัดต่อสู้กันกำจัดระบอบทักษิณให้หมดสิ้น ไปจากแผ่นดิน และชัยชนะมายังประชาชน ขอเรียกร้องรัฐบาลและตำรวจหยุดใส่ร้าย และคืนอำนาจให้ประชาชนได้ใช้อธิปไตยในการแก้ไขปัญหาต่อไป
       
       ทั้งนี้พบว่าภายหลังการบุกชุมนุมที่ตามสถานีโทรทัศน์ของผู้ชุมนุม มีการถ่ายทอดสดทุกช่องเว้นแต่ช่อง 11 ที่ยังคงสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ นายวิม รุ่งวิฒนจินดา เลขานุการรัฐมนตรีว่าการประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
       
        ศอ.รส.อ้างส่งชุดเคลื่อนที่เร็วยึดศูนย์ราชการและคลัง-ม็อบสตช.ล้อมไม่ขยับ ราชดำเนินเฮ "สุเทพ" สั่งหยุดงาน
       เวลา 15.20 น.พล.ต.ต.ปิยะแถลงว่า ศอ.รส.ได้จัดชุดเคลื่อนที่เร็วได้เดินทางไปขอคืนพื้นที่ศูนย์ราชการ ถ.แจ้งวัฒนะ และกระทรวงการคลังแล้ว
       
       เวลา 15.30 น.ที่หน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยังไม่มีเหตุรุนแรงหรือการใช้แก๊สน้ำตา โดยผู้ชุมนุมรวมตัวด้านหน้า สตช. ตั้งแต่แยกราชประสงค์ ถึง แยกเฉลิมเผ่า และแกนนำประกาศว่าภารกิจที่นี่คือการปิดล้อมสตช.ไม่ให้ส่งกำลังไปทำร้ายมวล ชนที่เคลื่อนไหวในจุดอื่นๆ ถือว่าทำสำเร็จแล้ว ทั้งนี้แกนนำยังประกาศขอความร่วมมือผู้ชุมนุมไม่ให้พูดจายั่วยุตำรวจที่ตั้ง แถวอยู่ด้านในรั้ว พร้อมให้ทุกคนช่วยกันสอดส่องบุคคลไม่น่าไว้วางใจ ซึ่งอาจเป็นคนเสื้อแดง ถอดเสื้อปลอมตัวเข้ามาสร้างสถานการณ์ได้
       
       เวลา 15.47 น. ที่สถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย มีรายงานว่ามวลชนได้บุกเข้าไปด้านในห้องส่งสัญญาณโทรทัศน์ ของช่อง 11 ขณะที่นายถาวร กล่าวก่อนหน้านี้ว่า ผู้ชุมนุมยังปักหลักที่่ช่อง 11 จนกว่า นายสุเทพ จะมีแถลงการณ์ และทางช่อง 11 เกี่ยวสัญญานมาออกอากาศตามที่สัญญาไว้
       
       เวลา 16.00 น.ที่เวทีอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ยังคงเป็นไปอย่างคึกคัก เพราะถือเป็นเวทีหลักที่ทำหน้าที่ประสานข่าวสารและให้ความช่วยเหลือผู้ ชุมนุมที่กระจายไปยังจุดต่างๆ โดยแกนนำบนเวทีกล่าวขอความร่วมมือพี่น้องประชาชนให้นำน้ำและอาหารไปให้ผู้ ชุมนุมตามจุดต่างๆ ขณะที่ผู้ชุมนุมได้ช่วยกันแพ็คสิ่งของเพื่อป้องกันแก๊สน้ำตา อาทิ น้ำเกลือ หน้ากาก ถุงมือ ผ้าเช็ดหน้า น้ำยาล้างตา ยาดม ผ้าเย็น ยาแดง สำลี เป็นต้น เพื่อนำไปให้ผู้ชุมนุมที่เกิดการปะทะและมีความเสี่ยงว่าจะมีความรุนแรง นอกจากนี้ น.ส.อัญชลี ไพรีรัก พิธีบนเวทียังค่อยปลุกระดมมวชนให้เดินทางไปสถานที่ต่างๆ
       
       ทั้งนี้ภายหลังที่นายสุเทพ แถลงการณ์ ฉบับที่ 1เสร็จสิ้น ประชาชน ที่มาร่วมชุมนุมต่างโห่ร้องแสดงความยินดี ที่ผู้ชุมนุมเข้ายึดได้หลายพื้นที่และประกาศให้วันพรุ่งนี้2(ธ.ค.)เป็นวัน หยุดพร้อมกันทั่วประเทศ
       
        สรส.ค้าง มท.หลัง อส.ไม่ทิ้งอาคาร - คปท.ขนถุงทรายออก แฉ ตร.ซุกบึ้ม -รามไร้เสียงปืน
       เวลา 16.39 น. แกนนำ สรส.ที่ปิดล้อมกระทรวงมหาดไทย ได้ประกาศขอให้กลุ่ม อส.ออกจากพื้นที่กระทรวงมหาดไทย ซึ่งมีบางส่วนที่ออกจากพื้นที่ ขณะที่บางส่วนยังอยู่เพื่อรักษาอาคารและทรัพย์สิน จนแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมประกาศว่า หากเป็นเช่นนี้ก็จะปักหลักพักค้างในพื้นที่ของกระทรวง เนื่องจากเกรงว่าจะมีการสร้างสถานการณ์ทำให้ทรัพย์สินทางราชการเสียหายและ ใส่ร้ายว่า ทางกลุ่มผุ้ชุมนุมเป็นผู้กระทำ จึงมีมติร่วมกันกับผุ้ชุมนุมโดยการสอบถามว่า จะปักหลักพักค้างที่กระทรวงดังกล่าวเพื่อร่วมรักษาอาคารสถานที่ราชการเช่น กัน ทั้งนี้เป็นการสอดรับกับแนวทางที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำกปปส.ก็ประกาศให้วันพรุ่วนี้(2ธ.ค.)เป็นวันหยุดราชการทั่วประเทศ
       
       เวลา 17.01 น.ที่สะพานชมัยมรุเชฐ แกนนำเวทีคปท.ได้ให้ประชาชนขนถึงทรายที่วางอยู่แนวบังเกอร์ออกไปจากพื้นที่
       
       เวลา 17.19 น. อธิการบดี ม.รามฯ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ภายใน ม.รามฯ ไม่มีเสียงปืน เสียงระเบิดแล้ว ต่อไปทหารจะตรวจความเรียบร้อยในพื้นที่
       
       เวลา 17.35 น. นายนิติธร แถลงข่าวพร้อมด้วยอาวุธที่อ้างว่า ทางฝั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจนำมาใช้ในการก่อเหตุสร้างสถานการณ์ ภายในมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร หลังจากที่เราเข้าคุมพื้นที่ได้ พบอุปกรณ์ต่างๆ ที่พบในพื้นที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เช่น ถังดับเพลิงผูกระเบิดไว้ กระสุนปืนลูกซองเบอร์ 9 ถุงน้ำมัน แกลลอนน้ำมัน ตรวจสอบแล้วเป็นน้ำมันเบนซิน น้ำมันโซล่า อีกส่วนหนึ่งเป็นน้ำมันเครื่อง โดยลังที่ใส่ถุงน้ำมันมีป้ายกระดาษแปะไว้ว่าเป็นของหน่วยงานไหน ส่วนหม้อแปลงไฟฟ้าแรงสูงปรากฎว่ามีการเอาน้ำมันไปราดไว้ และเอาถุงน้ำมันผูกไว้ เข้าใจว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามสร้างสถานการณ์ ถ้าสถานการณ์ขยายวงออกไปมาก และเข้าใกล้สู่เวลาค่ำ ก็อาจจะใช้วิธีการเผาอาคารมหาวิทยาลัย และใส่ร้ายผู้ชุมนุม ในขณะเดียวกันก็อาจจะมีการซุ่มยิง จากกระสุนปืนลูกซองที่พบ พี่น้องที่นี่ก็จะโดนเหมือนกับนักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหง จึงขอเรียกร้องให้ พล.ต.อ.อดุลย์ ต้องดูแลลูกน้องให้ดำเนินการตามหลักสิทธิมนุษยชน ไม่ใช่มีการสร้างสถานการณ์ สิ่งเหล่านี้สื่อมวลชนที่ติดตามทำข่าวก็จะเห็นได้ว่าอยู่ในพื้นที่ของตำรวจ ทั้งสิ้น นี่เป็นบางส่วนที่เราเอามาได้ ซึ่งเบื้องต้นได้ถ่ายภาพเป็นหลักฐานไว้
       
       เวลา 17.42 น. มวลชนที่อยู่ในกระทรวงการคลัง เริ่มขนย้ายรถยนต์เตรียมนำมาปิดขวางถนนพระราม 6 เพื่อใช้เป็นแนวป้องกันขวางหากตำรวจบุกมาขอพื้นที่การชุมนุมคืน
       
       เวลา 17.54 น.มีรายงานว่า ตำรวจระดมยิงแก๊สน้ำตาที่สะพานชมัยมรุเชฐอีกครั้งหนึ่ง
       
        150 แว๊นซ์ บุกสน.หัวหมาก ยืนร้องเพลงชาติก่อนกลับ - เจ้าของบัสหน้า กกท.แจ้งความรถถูกเผา
       เวลา 17.30 น.ที่สน.หัวหมาก มีรายงานว่า กลุ่มผู้ชุมนุมอ้างตัวว่าเป็นนักศึกษาอาชีวะ ขี่รถจักรยานยนต์ มาประมาณ 150 คน มาที่โรงพัก โดยอ้างว่าเป็นการชุมนุมเพื่อความสงบ จากนั้นได้ยืนเผชิญหน้ากับทางตำรวจที่กั้นแถวอยู่ด้านหน้า ก่อนร้องเพลงชาติไทย และเพลงสรรเสริญพระบารมี พร้อมกับขอจับมือ กับทางตำรวจที่ยืนรักษาการณ์ก่อนที่จะขี่รถจักรยานยนต์ออกไปอย่างสงบ
       
       โดยก่อนหน้านี้ ได้มีเหตุการรถบัสถูกวางเพลิงบริเวณหน้าทางเข้าการกีฬาแห่งประเทศไทย โดยมีรายงานอ้างว่า นายสมพงศ์ จันงาม อายุ 64 ปี ชาวกำแพงเพชร เป็นคนขับรถพาคนเสื้อแดงประมาณ 25 คน เดินทางมาชุมนุม ตั้งแต่เมื่อวานที่ผ่านมา และระหว่างที่ขับรถผ่านซ.รามคำแหง 24 ได้ถูกกลุ่มชายฉกรรจ์ ใช้อาวุธปืนยิง และใช้ไม้ และขวดทุบ เข้าทุบตี จึงพยายามประคองขับรถมาตรงจุดเกิดเหตุ ก่อนที่บรรดากลุ่มผู้ชุมนุมที่อยู่ด้านในรถ พากันวิ่งกรูหนีเข้าไปหลบซ่อนตัวภายในสนามกีฬาราชมังคลาฯ จากนั้นได้เข้าแจ้งความในวันนี้และพบว่ารถทัวร์ถูกเผาหมดแล้ว
       
        "พนิช" ขนรถปิดพระราม 6 ป้องยึดคลัง - ราชดำเนินมึนกลิ่นแก๊สน้ำตา
       เวลา 18.00 น.ที่กระทรวงการคลัง นายพนิช เปิดเผยว่า ได้เตรียมรับมือกับการขอคืนพื้นที่ของศอ.รส. ด้วยการระดมมวลชนมาให้มากที่สุดและได้มีการแจ้งเตือนข่าวสารกับผู้ชุมนุม รวมทั้งได้นำรถยนต์ไปปิดเส้นทางเข้าออกทุกช่องทาง รวมทั้งปิดถนนพระราม6 เพื่อเป็นแนวป้องกัน และให้มวลชนเตรียมพร้อมอุปกรณ์ต่างๆ เพราะประเมินว่าเจ้าหน้าที่ตร.จะใช้แค่แก๊สน้ำตา และไม่คิดว่าจะมีการยิงเหมือน ม.ราม แต่เพื่อความไม่ประมาท เราได้มีการฝึกซ้อมการ์ดเพื่อเตรียมรับมือ โดยจะมีหน่วยเคลื่อนที่เร็ว นอกจากนี้ยังได้ย้ายมวลชนจากกรมประชาสัมพันธ์มาอยู่ในบริเวณเดียวกันที่ กระทรวงการคลัง เพื่อความปลอดภัย แต่ตนคาดว่าสถานการณ์คืนนี้จะผ่านไปด้วยดี
       
       เวลา 18.10 น.ที่เวทีราชดำเนิน เกิดเหตุการณ์ผู้ชุมนุมแตกตื่น ต่างรีบหาผ้าชุบน้ำมาปิดตาและจมูก ภายหลังมีกลิ่นแก๊สน้ำตาลอยมา ทำให้บางส่วนก็สวมแว่นว่ายน้ำเพื่อป้องกันแก๊สน้ำตาเข้าตา จนนายสาทิตย์ ได้ขึ้นเวที แจ้งว่าตำรวจได้นำแก๊สน้ำตาใส่ตามท่อระบายน้ำ เข้ามาในเขตผู้ชุมนุมเวทีราชดำเนิน จึงขอให้ผู้ชุมนุมหาอุปกรณ์ป้องกันแก๊สน้ำตาติดตัวไว้ตลอดเวลา หลังสถานการณ์ผ่านไป 5 นาทีได้มีกระแสลมพัดเข้ามาจึงทำให้สถานการณ์เริ่มกลับมาสู่ปกติ
       
       เวลา 19.00 น.แกนนำคปท.ได้ประกาศถอยทัพออกจากแนวกั้นทั้งสะพานชมัยมรุเชษฐและสะพานอรทัย แล้ว ส่วนที่แยก พล.1 มีรายงานว่า แกนนำได้ให้มวลชนปักหลักที่เดิม
       
       มีรายงานว่า ที่สนามม้านางเลิ้ง ซึ่งกลายเป็นโรงพยาบาลสนาม ยังคงมีการลำเลียงผู้ที่ได้รับบาดเจ็บเข้ารับการรักษาตลอดเวลา ส่วนใหญ่มีสาเหตุจากแก๊สน้ำตา โดยขณะนี้แพทย์และพยาบาลอาสาจากโรงพยาบาลต่างๆ ร่วม 30 ราย เดินทางมาให้ความช่วยเหลือ เบื้องต้นแพทย์สนามได้ตั้งข้อสังเกตพร้อมทั้งรายงานต่อนพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ซึ่งลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมว่า แก๊สน้ำตาและน้ำที่เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้เพื่อควบคุมฝูงชนนั้นมีลักษณะผิดปกติ เนื่องจากแก๊สน้ำตาชนิดขว้างทั่วไปเมื่อนำมาแช่น้ำแล้วควันจะไม่ฟุ้งกระจาย แต่แก๊สน้ำตาที่เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้นั้น เมื่อนำมาแช่น้ำกลับเกิดการระเบิด ขณะที่น้ำแรงดันสูงที่ใช้ฉีดผู้ชุมนุมนั้น มีการผสมสารเคมีลงไปอย่างแน่นอน แต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นสารชนิดใด โดยผู้ที่สัมผัสน้ำดังกล่วจะมีอาการแสบตาและแสบร้อนที่ผิวหนังรุนแรง
       
       ด้านนพ.ณรงค์ กล่าวภายหลังตรวจเยี่ยมหน่วยแพทย์สนามว่า ได้จัดแพทย์ของสธ.เพื่อดูแลผู้ชุมนุมไว้ทั้ง 3 จุด จุดละ 1 คน ประกอบด้วยสนามม้านางเลิ้ง กระทรวงการคลัง และแม็คโครแจ้งวัฒนะ ทำหน้าที่ เป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์ และคอยประสานเมือหน่วยแพทย์สนามอาสาสมัครบริเวณพื้นที่การชุมนุมร้องขอ นอกจากนี้ กระทรวงยังได้ตั้งศูนย์ปฏิบัติการขึ้นที่โรงพยาบาลสงฆ์ โดยจะประชุมทุกวันและร่วมมือกับมูลนอธิกู้ชีพเพื่อให้บริการ
       
        "ประชา" ซัด "สุเทพ" กบฏ ขอชาวบ้านไม่ออกนอกบ้าน 4 ทุ่ม - ตี 5 - นายกฯ วีดิโอลิ้งก์ถกครม.พิเศษ
       เวลา 19.15 น. พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รองนายกรัฐมนตรี แถลงข่าวผ่านสถานีโทรทัศน์ช่อง 11 ประกาศขอความร่วมมือไม่ให้ประชาชนออกจากเคหะสถานในเวลา 22.00 - 05.00น. และยืนยันพร้อมดูแลประชาชน นำความสงบกลับคืนให้เร็วที่สุด อย่างไรก็ตาม นายสุเทพ ไม่มีอำนาจในการสั่งสื่อมวลชนในการนำเสนอข่าว และยืนยันว่า วันพรุ่งนี้ หน่วยงานราชการ จะเปิดทำการตามปกติ ส่วนความผิดของนายสุเทพ นั้นเข้าข่ายเป็นกบฏ โดยมีโทษตั้งแต่จำคุกตลอดชีวิตถึงประหารชีวิต
       
       อย่างไรก็ตามมีรายงานว่า เมื่อเวลา 18.40 น.นายกฯ ได้เรียกประชุมรัฐมนตรีทั้งคณะที่ศอ.รส โดยนายกฯ ยังคงประชุมครม.ผ่านระบบวีดีโอคอนฟรีเรนซ์เข้ามายังที่ประชุมครม.ที่ศอ.รส. ทั้งนี้ได้มีการเรียกประชุมคณะรัฐมนตรีนัดพิเศษ ที่สตช.ตั้งแต่เวลา 14.00 น. โดยมีพล.ต.อ.ประชา นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกฯ นายวราเทพ รัตนากร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและรมช.เกษตรและสหกรณ์ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รมว.คมนาคม นพ.ประดิษฐ์ รมว.สาธารณสุข นายชัยเกษม นิติสิริ รมว.ยุติธรรม นายอำพน กิตติอำพน เลขาธิการคณะรัฐมนตรี และพล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) ประเมินสถานการณ์ แต่ยังไม่มีใครทราบว่า นายกรัฐมนตรีได้ส่งสัญญาณวิดีโอคอนเฟอเรนซ์มาจากที่ใด
       
       เมื่อเวลา 22.30 น. ที่แยกพล 1 รักษาพระองค์ กลุ่มผู้ชุมนุมภายใต้การนำของนายชุมพล จุลใส อดีต ส.ส.ชุมพร ได้ประกาศสลายตัวกลับที่ตั้ง และบอกว่า พรุ่งนี้จะมาใหม่ วันนี้ประชาชนเหนื่อยแล้ว เนื่องจากโดนรมควันจากแก๊สน้ำตาของตำรวจเป็นปริมาณมาก
       
       เมื่อเวลา 22.40 น. นายพุทธิพงศ์ ปุณณะกันต์ อดีต ส.ส.ประชาธิปัตย์ ผู้นำมวลชนไปชุมนุมที่หน้ากองบัญชาการตำรวจแห่งชาติ(สตช.) ได้ประกาศชัยชนะที่มวลชนมาแสดงจุดยืนโดยสงบ หลังจากนั้นผู้ชุมนุมได้ร่วมกันร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี แกนนำจะประกาศยุติการชุมนุม และให้มวลชนแยกย้ายกันกลับ


       


       


       
       


       


       


       


       


       


       
       


       


       


       


       


       


       


       
       


       


       


       


       


       
       


       


       


       


       


       
       


       


       


       


       


       
       


       


       


       


       


       


       


       

img src="http://mpics.manager.co.th/pics/Images/556000015551064.JPEG" width="450" height="299">


       
       


       


       


       


       


       
       


       


       


       


       


       


       


       


       


       


       


“อ๋อย” ไร้น้ำยา!! ช่วย นปช.ออกพื้นที่ได้ แต่ช่วย นศ.รามฯไม่ได้

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

      รมว.ศธ.ไร้น้ำยา!! เผย นปช.ถูกยิงถล่ม ประสาน ตร.ช่วยเคลียร์พื้นที่ได้ แต่อ้างช่วย นศ.รามคำแหง ในพื้นที่ไม่ได้ เพราะ ตร.ไม่มีอาวุธ ยันประสานงานอธิการฯตลอดคืน สุดท้ายทหาร ร.11 พัน 1 รอ.ต้องออกโรงช่วยเหลือ แถขึ้นเวทีกุ๊ยแดงขณะเหตุปะทะ เพราะต้องการเรียกร้องให้ใช้สันติวิธี      วันนี้ (1 ธ.ค.) นายจาตุรนต์ ฉายแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวถึงเหตุการณ์ปะทะระหว่างกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่ง ชาติ (นปช.) และกลุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหง ว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้นักศึกษาจาก ม.รามคำแหง ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต ซึ่งตนไม่ทราบว่าเกิดจากการกระทำของฝ่ายใด ขณะเดียวกันก็มีมือที่ 3 ยิงเข้าใส่กลุ่ม นปช.ที่อยู่ภายในสนามกีฬาราชมังคลากีฬาสถานอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนหนึ่ง แต่ขณะนี้ได้มีการประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจ ให้เคลื่อนย้ายกลุ่มผู้ชุมนุม นปช.ออกจากพื้นที่ดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว
       
       นายจาตุรนต์ กล่าวอีกว่า ส่วนของ ม.รามคำแหง เท่าที่ทราบเบื้องต้น มีการซุ่มยิงจากบนที่สูงเข้าไปในภายมหาวิทยาลัยเป็นระยะ ซึ่งตนได้โทรศัพท์ประสานกับอธิการบดี ม.รามคำแหง ตลอดทั้งคืน เพื่อหาแนวทางช่วยนักศึกษาให้ออกมา แต่ปัญหาคือเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้พกอาวุธ จึงเป็นอุปสรรคในการช่วยเหลือ ส่วนกรณีที่ตนไปขึ้นเวทีในช่วงเวลาเดียวกันกับที่มีเหตุการณ์ปะทะกันรุนแรง เกิดขึ้นนั้น ตนได้ขึ้นเวทีเพื่อเรียกร้องให้ผู้ชุมนุมใช้สันติวิธี เพราะเหตุการณ์รุนแรงได้เกิดขึ้นแล้ว จึงไม่อยากให้ใช้อารมณ์ในการตัดสินปัญหา ซึ่งเรื่องนี้ตนสามารถชี้แจงได้
       
       “ผมได้ประสานกับอธิการบดี ม.รามคำแหง ตลอดทั้งคืน เพื่อที่จะดูว่าจะให้ความช่วยเหลือนักศึกษาได้อย่างไรบ้าง ซึ่งการที่นักศึกษาถูกยิงจนเสียชีวิตถือเป็นเหตุสุดวิสัย เพราะเป็นการปะทะกันทั้งสองฝ่าย อย่างไรก็ตามการที่มหาวิทยาลัยต่างๆ จะมีการปิดการเรียนการสอนนั้น ถือว่าเป็นสิทธิ ทางกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) คงไม่สามารถเข้าไปยุ่งได้อยู่แล้ว แต่ปัญหาใหญ่ที่เกิดขึ้นในขณะนี้ และต้องตั้งคำถามกลับไปยังกลุ่มประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศให้เป็น ประชาธิปไตยที่สมบูรณ์โดยมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) ว่าการชุมนุมในครั้งนี้ต้องการอะไร และข้อเสนอที่ให้มีการตั้งสภาประชาชนก็ไม่ใช่ทางออกของประเทศ ซึ่งในทางกลับกันยิ่งทำให้เกิดปัญหาไม่มีที่สิ้นสุดด้วย” รมว.ศึกษาธิการ กล่าว
       
       อนึ่ง นักศึกษา ม.รามคำแหง ได้รับการช่วยเหลือให้ออกจากพื้นที่มหาวิทยาลัย โดยกองกำลังทหารราบที่ 11 กองพันที่ 1 รักษาพระองค์ ไปยังบริเวณวัดพระรามเก้า ซึ่งขณะนี้ต่างทยอยเดินทางกลับบ้านกันหมดแล้ว


สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน

Tags : สื่อนอกรายงาน ตำรวจ ยิงแก๊สน้ำตาใส่ ม็อบต้าน ทำเนียบฯ ตัวเลขม็อบปะทะ

view