สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

ลดดอกเบี้ย..ต่อลมหายใจ ศก. สัญญาณอันตรายดัชนีหัวทิ่มทุกตัว

จากประชาชาติธุรกิจ

หลังคณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง. ตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% จาก 2.50% ในการประชุมรอบสุดท้ายของปีนี้ เรียกว่าเป็นการ "เซอร์ไพรส์" ตลาดเงินที่ออกมาประกาศยอมรับชะตากรรมเศรษฐกิจที่ไม่มีท่าทีผงกหัว ภายใต้การเผชิญหน้าทางการเมืองที่ยังไม่เห็นทางออก เรียกได้ว่าการลดดอกเบี้ย กนง.ครั้งนี้ สวนทางกับศูนย์วิจัยต่าง ๆ ที่ส่วนใหญ่ประเมินว่า กนง.น่าจะคงดอกเบี้ยเพื่อรอดูทิศทางเศรษฐกิจก่อน

แต่ครั้งนี้ถือว่าการยิงกระสุนของ กนง.ได้รับการตอบรับจากธนาคารพาณิชย์ทันที เมื่อธนาคารไทยพาณิชย์ได้นำร่องประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ MLR 0.25% เงินฝากประจำลด 0.05-0.15% มีผลตั้งแต่ 29 พ.ย.ที่ผ่านมา ตามมาด้วยธนาคารกสิกรไทย ปรับลดดอกเบี้ยเงินกู้ MLR ลง 0.25% จาก 7% เหลือ 6.75% และเงินฝากออมทรัพย์ลง 0.12% และธนาคารกรุงเทพ ลดดอกเบี้ย MLR ลง 0.125% และดอกเบี้ยเงินฝาก 0.125-0.25% มีผล 2 ธันวาคมนี้


สัญญาณ ศก.ร้ายแรงกว่าคาด

"ไพบูลย์ กิตติศรีกังวาน" เลขานุการคณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง.กล่าวว่า เหตุผลที่ กนง.มีมติเห็นชอบให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% เนื่องจากเศรษฐกิจไทยขยายตัวต่ำกว่าที่คาดการณ์ค่อนข้างมาก ขณะที่การใช้จ่ายภาครัฐและเอกชนก็ขยายตัวต่ำ ส่งออกยังไม่ฟื้นตัว เศรษฐกิจระยะต่อไปจึงมีความเสี่ยงมากขึ้น ล่าช้าจากการลงทุนของภาครัฐและเอกชน

ขณะที่ความเชื่อมั่นของเอกชนเปราะบางมากขึ้นจากสถานการณ์ทางการเมือง ส่งผลให้เศรษฐกิจต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้เดิม ภายใต้

แรง กดดันด้านราคาที่อยู่ในระดับต่ำ สินเชื่อครัวเรือนขยายตัวในอัตราชะลอลง รวมทั้งสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ที่เริ่มลดความร้อนแรง กนง.จึงผ่อนคลายเพื่อลดความเสี่ยง และสนับสนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในระยะข้างหน้า

"หากสถานการณ์การ เมืองบานปลายมากขึ้น ก็เป็นสิ่งที่ต้องติดตามต่อไป ความห่วงใยหนี้ครัวเรือนก็ยังอยู่ แม้จะมีทิศทางชะลอลงแต่ กนง.ชั่งน้ำหนักมองว่าความเสี่ยงต่อการขยายตัว ทางเศรษฐกิจมีมากกว่า ดังนั้นนโยบายการเงินจึงต้องเข้ามามีบทบาท"

พร้อมกันนี้ กนง.ยังประกาศปรับลดการขยายตัวของเศรษฐกิจ หรือจีดีพีปีนี้ลงเหลือ 3% จากเป้าหมายเดิม 3.7% และจีดีพีปีหน้าเหลือระดับ 4% ต้น ๆ จากคาดการณ์เดิม 4.8%

นโยบายการคลัง "พิการ"

ขณะที่ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังกล่าวว่า การที่ กนง.ตัดสินใจลดดอกเบี้ยครั้งนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี กนง.ก็ชี้แจงชัดเจนว่าเศรษฐกิจไทยส่อไปทางโตช้ากว่าคนอื่น ดังนั้นในยามที่เศรษฐกิจอ่อนแอเยอะก็จำเป็นต้องกระตุ้นเพื่อให้เศรษฐกิจไทย ฟื้น


การลดดอกเบี้ยก็คือเครื่องมือที่จะใช้กระตุ้นเศรษฐกิจวิธีหนึ่งผ่าน ไปสู่การลงทุน และส่งผ่านไปในการใช้จ่ายภาคเอกชนสู่ประชาชนให้มีการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น

เพราะ ก่อนหน้านี้เราฝากความหวังของเศรษฐกิจไทยไว้กับนโยบายการคลัง การกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ แต่เมื่อสถานการณ์ทางการเมืองเป็นแบบนี้ การลงทุนที่หวังไว้ให้ออกมาปลายปีคงหมดหวัง ดังนั้นไม้ต่อไปคือนโยบายการเงินที่จะทำหน้าที่ส่งผ่านไปสู่เศรษฐกิจจริงใน ช่วงที่การเบิกจ่ายภาครัฐพิการและทำงานไม่ได้

"ขณะที่ในสถานการณ์การ เมืองเช่นนี้ หากถามว่าต้องการให้เห็นอะไรข้างหน้า ก็ต้องบอกว่าอยากเห็นรัฐบาลที่ฟังเสียงประชาชนมากกว่านี้ ปัจจุบันรัฐบาลก็ยังไม่ฟังเสียงประชาชน กนง.ยังฟังเสียงประชาชนมากกว่า"

กนง.ซื้อประกันความเสี่ยง ศก.ปี′57

นายกอบ ศักดิ์ ภูตระกูล ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ธนาคารกรุงเทพกล่าวว่า การปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% ของ กนง.สร้างความประหลาดใจให้ตลาดไม่น้อย สะท้อนถึงภาวะเศรษฐกิจอ่อนตัวลงแรงกว่าที่คาด และมีความเสี่ยงมากขึ้นในไตรมาส 4/56

ขณะเดียวกันในปี 2557 ก็ยังไม่เห็นแรงขับเคลื่อนใด แม้อัตราเงินเฟ้อจะยังอยู่ในระดับที่ต่ำมาก การปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งนี้ถือเป็นการซื้อประกันความเสี่ยงทางเศรษฐกิจ ไว้ล่วงหน้า

แม้ปัญหาความไม่สงบทางการเมือง จะไม่ใช่ปัจจัยหลักในการนำมาพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย แต่ถือเป็นปัจจัยที่เข้ามาซ้ำเติมเศรษฐกิจให้ชะลอตัวลงไปอีก โดยส่วนตัวมองว่าการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงไม่ได้ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในไตร มาสสุดท้ายให้กลับมาฟื้นตัวได้ เพราะการปรับเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ยนโยบายแต่ละครั้งจะส่งผลต่อเศรษฐกิจต้อง ใช้เวลา 2-3 เดือน จึงน่าจะเห็นการส่งผ่านสู่เศรษฐกิจได้ในปี 2557

อย่าง ไรก็ตาม ต้องขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพในการส่งผ่านไปยังธนาคารพาณิชย์และเศรษฐกิจจริง ว่ามีมากน้อยเพียงใด โดยระยะนี้สถานการณ์สินเชื่อชะลอตัว จึงเชื่อว่าการปรับลดดอกเบี้ยของ กนง.จะเกิดการส่งผ่านสู่ธนาคารพาณิชย์ได้ดีขึ้น

ปัจจัยเร่งเงินทุนต่างชาติไหลออก

นายกอบ ศักดิ์กล่าวว่า ประเด็นที่เป็นกังวลภายหลังการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง คือ อาจกลายเป็นปัจจัยเร่งให้เงินทุนต่างชาติไหลออกนอกประเทศเร็วขึ้น เพิ่มเติมจากการทยอยปรับลดขนาดมาตรการคิวอีซึ่งเป็นความเสี่ยงเดิม เพราะทำให้แรงจูงใจในการลงทุนในเมืองไทยลดลง ดังนั้นในปีหน้าโอกาสที่จะเห็นเงินทุนต่างชาติไหลออกจึงน่าจะมีมากพอสมควร

"ตอน นี้ ธปท.อาจยกประเด็นการชะลอตัวของเศรษฐกิจเป็นเรื่องสำคัญ แต่สถานการณ์ที่เงินพร้อมจะไหลออกในตอนนี้ ยิ่งลดดอกเบี้ยก็ยิ่งหนุนให้เงินไหลออก โดยเฉพาะในตลาดพันธบัตรที่ปีนี้มีเงินไหลเข้ามาแสนล้านบาท แต่ภายในเดือนเดียวก็ ไหลออกมากกว่า 4 หมื่นล้านบาทจากปัญหาคิวอี และยังกดดันค่าเงินบาทให้ปรับตัวอ่อนค่าลงมาก ซึ่ง ธปท.ต้องเตรียมตัวทำงานหนัก แม้ภาคการส่งออกจะได้รับประโยชน์แต่ถ้าอ่อนตัวลงมากจะกลายเป็นความวิตกกังวล ในตลาดเงินได้ แม้ ธปท.จะมีทุนสำรองเพียงพอแต่ก็ต้องดูว่าจะบริหารจัดการอย่างไร"

ด้าน นางสาวนลิน ฉัตรโชติธรรม ผู้ชำนาญการงานวิจัยเศรษฐกิจและตลาดทุน ธนาคารกสิกรไทยกล่าวว่า การปรับลดดอกเบี้ยนโยบายทำให้ความน่าสนใจการเข้ามาซื้อเงินบาทและพันธบัตร ระยะสั้นปรับตัวลดลง เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยปัจจุบันต่ำกว่าภูมิภาค ทำให้คาดว่าเงินบาทจะมีทิศทางอ่อนค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง และจากค่าเงินที่อ่อนค่าและดอกเบี้ยที่ต่ำจึงไม่จูงใจให้ต่างชาติเข้ามาซื้อ บอนด์ระยะสั้นในช่วงนี้

ความหวังเศรษฐกิจโต 3% รบหรี่

นาย สมประวิณ มันประเสริฐ รองคณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยกล่าวว่า ความขัดแย้งทางการเมืองขณะนี้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยไตรมาส 4/2556 โดยเฉพาะการบริโภคการลงทุนที่อาจชะลอตัวลง รวมทั้งยังมีความท้าทายที่เศรษฐกิจไทยไตรมาสนี้จะชะลอลง ทำให้มีความเป็นไปได้ที่เศรษฐกิจไทยปีนี้จะขยายตัวได้ไม่เกิน 3%

"ส่วน ปีหน้าไทยอาจเกิดภาวะขาดดุลบัญชีเดินสะพัด และภาวะขาดดุลงบประมาณภาครัฐ หรือขาดดุลแฝด (Twin Deficits) ซึ่งสะท้อนถึงความเปราะบางของเศรษฐกิจไทยในระยะข้างหน้า และยังไม่เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์" นายสมประวิณกล่าว

และล่า สุดกระทรวงพาณิชย์ก็ประกาศตัวเลขส่งออกเดือนตุลาคม 2556 อยู่ที่ 19,393.5 ล้านเหรียญ ลดลง 0.7% ทำให้ 10 เดือนแรกปีนี้ส่งออกมีมูลค่า 191,533 ล้านเหรียญ ลดลง 0.02%

ขณะที่นำเข้ามูลค่า 21,164 ล้านเหรียญ ลดลง 5.37% ขาดดุลการค้า 1,770 ล้านเหรียญ สูงสุดเป็นประวัติการณ์

ด้าน สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) ก็ออกมาปรับลดคาดการณ์ดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรม (MPI) ปี"56 หดตัวลง 2.8% ผลจากการบริโภคในประเทศที่ขยายตัวในระดับต่ำ และการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมที่เติบโตไม่สูงเรียกว่าทั้งการบริโภค การลงทุนภาครัฐและเอกชน รวมถึงการส่งออกชะลอตัวจนทำให้ความหวังที่ปีนี้เศรษฐกิจไทยจะโตเกิน 3% ริบหรี่ จึงทำให้ กนง.ตัดสินใจยิงกระสุนออกมาหวังช่วยต่อลมหายใจเศรษฐกิจไทย


สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน

Tags : ลดดอกเบี้ย ลมหายใจ ศก. สัญญาณอันตราย ดัชนีหัวทิ่มทุกตัว

view