สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

ศอ-รส-ยืนยันไม่มีการใช้กระสุนจริง

ศอ-รส-ยืนยันไม่มีการใช้กระสุนจริง

จาก โพสต์ทูเดย์

โฆษกศอ.รส.ยืนยันไม่มีการใช้กระสุนจริง เผยเหตุผู้ชุมนุมถูกยิงที่สะพานชมัยฯอยู่ระหว่างตรวจสอบ ย้ำผู้บาดเจ็บมีเฉพาะจากแก๊สน้ำตา

เมื่อวันที่ 2 ธ.ค. พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย(ศอ.รส.) แถลงยืนยันว่าขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่มีการนำกระสุนจริงมาใช้กับกลุ่มผู้ชุมนุม โดยมีเพียงการใช้แก๊สน้ำตาแในการสกัดกั้นเท่านั้น ซึ่งการใช้แก๊สน้ำตาเพื่อรักษาระยะห่าง ที่เป็นระยะปลอดภัย ส่วนผู้บาดเจ็บพบว่ามีสาเหตุมาจากแก๊สน้ำตาและไม่พบว่ามีผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากกระสุนยาง

ส่วนมาตรการต่างๆ ที่นำมาใช้นั้นทาง ศอ.รส.ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ยึดหลักสากล โดยเริ่มปฏิบัติการจากเบาไปหาหนัก สำหรับสารที่ใช้ผสมน้ำฉีดใส่ผู้ที่รุกล้ำเข้ามาในพื้นที่หวงห้ามนั้นไม่ได้ผสมสารพิษ แต่เป็นสีธรรมดาที่เจ้าหน้าที่ใช้เพื่อให้สามารถแยกแยะตัวผู้กระทำผิดได้

"เหตุมีคนถูกยิงที่ขาได้รับบาดเจ็บบริเวณสะพานชมัยมรุเชษฐ์ นั้น ยังอยู่ระหว่างตรวจสอบข้อเท็จจริง แต่ยืนยันว่าตำรวจมีเพียงโล่และกระบอก และใช้แก๊สน้ำตา เพื่อควบคุมสถานการณ์ ส่วนกระสุนยาง เป็นหนึ่งในขั้นตอนการปฎิบัติ แต่จะนำมาใช้หรือไม่นั้นขอเวลาในการตรวจสอบ สำหรับเจ้าหน้าที่ซึ่งได้รับบาดเจ็บจากการปฎิบัติหน้าที่ ตั้งแต่วันที่ 22 พฤศจิกายนที่ผ่านมา มีจำนวนทั้งหมด 37 นาย"พล.ต.ต.ปิยะกล่าว

ขณะที่ศูนย์บริการการแพทย์ฉุกเฉินกรุงเทพมหานคร(ศูนย์เอราวัณ) สรุปจำนวนผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ปะทะระหว่างผู้ชุมนุมและเจ้าหน้าที่ ตั้งแต่วานนี้ถึงเวลา 12.00 น.ของวันนี้ มีจำนวนทั้งสิ้น 58 ราย แยกไปรักษาตัวที่คณะแพทยศาสตร์วิชิรพยาบาลฯ 34 ราย, โรงพยาบาลกลาง 2 ราย, โรงพยาบาลราชวิถี 6 ราย, โรงพยาบาลรามาธิบดี 11 ราย และโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า 5 ราย


กระสุนจริง

"ที่มีข้อมูลว่ามีการใช้กระสุนจริงนั้น ยืนยันว่าไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด ตำรวจที่ปฏิบัติหน้าไม่มีการพกอาวุธ มีเพียงโล่และกระบอง"


ศอ.รส.หน้าหงาย ภาพยันชัด ตร.ยิงปืนใส่ผู้ชุมนุม

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

       เผย ภาพตำรวจปราบจลาจลยิงปืนใส่ผู้ชุมนุมที่สะพานชมัยมรุเชฐ สวนทางคำพูด “ปิยะ อุทาโย” โฆษก ศอ.รส.ที่อ้างว่าเจ้าหน้าที่ใช้แค่โล่-กระบอง และแก๊สน้ำตา
       
       พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย หรือ ศอ.รส.แถลงเมื่อเวลา 11.00 น.วันนี้ (2 ธ.ค.) ว่า ตำรวจใช้เพียงโล่ กระบอง และแก๊สน้ำตา ในการควบคุมสถานการณ์เท่านั้น ไม่มีการใช้ปืนยิงกระสุนจริงใส่แต่อย่างใด ส่วนการใช้กระสุนยางเป็นหนึ่งในขั้นตอนการปฏิบัติ แต่จะนำมาใช้หรือไม่นั้นขอเวลาในการตรวจสอบว่ามีใครถูกยิงด้วยกระสุนยางหรือ ไม่
       
       อย่างไรก็ตาม ในวันเดียวกันนี้ ช่างภาพสื่อมวลชนสามารถจับภาพเจ้าหน้าที่ตำรวจในชุดปราบจลาจลใช้ปืนยิงใส่ ผู้ชุมนุมที่บริเวณสะพานชมัยมรุเชฐ โดยสอดปากกระบอกปืนผ่านรอยขาดของสแลนที่ตำรวจใช้กำบังตัวจากสายตาผู้ชุมนุม ทำให้บริเวณสะพานชมัยมรุเชฐเป็นจุดที่ผู้ชุมนุมได้รับบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก โดยผู้บาดเจ็บรวมถึงช่างภาพหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ด้วย ขณะที่รถข่าวของสำนักข่าวอัลจาซีราก็ถูกยิงเป็นรูปเช่นกัน
       
       นอกจากนี้ ยังมีภาพเจ้าหน้าที่ตำรวจในชุดปราบจลาจลยิงหนังสติ๊กใส่ผู้ชุมนุมด้วย
ศอ.รส.หน้าหงาย ภาพยันชัด ตร.ยิงปืนใส่ผู้ชุมนุม
       
ศอ.รส.หน้าหงาย ภาพยันชัด ตร.ยิงปืนใส่ผู้ชุมนุม
       
ศอ.รส.หน้าหงาย ภาพยันชัด ตร.ยิงปืนใส่ผู้ชุมนุม
       
ศอ.รส.หน้าหงาย ภาพยันชัด ตร.ยิงปืนใส่ผู้ชุมนุม
       
ศอ.รส.หน้าหงาย ภาพยันชัด ตร.ยิงปืนใส่ผู้ชุมนุม
       
ศอ.รส.หน้าหงาย ภาพยันชัด ตร.ยิงปืนใส่ผู้ชุมนุม
ผู้ชุมนุมได้รับบาดเจ็บจากการถูกยิงที่บริเวณสะพานชมัยมรุเชฐ - ภาพจากเฟซบุ๊ก M-Pad Loveking


หมอเผยผู้ชุมนุมถูกกระสุน9มม-ยิงอาการสาหัส

โรงพยาบาลรามาแถลงผู้ชุมนุมถูกยิงด้วยกระสุนจริง 2 ราย อาการสาหัส ผ่าพบกระสุนขนาด 9 มม. เรียกร้องทุกฝ่ายยุติความรุนแรง

เมื่อวันที่ 2 ธ.ค.รศ.นพ.ธันย์ สุภัทรพันธุ์ รองคณบดี คณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาธิบดี ม.มหิดล แถลงรายงานการรักษาผู้บาดเจ็บจากเหตุปะทะกันของผู้ชุมนุมและเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า รพ.รามาฯ เข้ามารักษาทั้งสิ้น 27 ราย เป็นชาย 22 ราย หญิง 5 ราย นอนพักรักษา 7 ราย เฉพาะเหตุการณ์ชุมนุมวันที่ 2 ธ.ค.มีผู้บาดเจ็บ 7 ราย โดยมีผู้ถูกยิง 3 ราย เป็นเพศชายทั้งหมด แบ่งเป็น ถูกยิงด้วยกระสุนจริงที่หน้าอก 1 ราย ถูกยิงด้วยกระสุนจริงที่ขาขวา1 ราย ส่วนอีก 1 รายเป็นกระสุนยาง ถูกยิงที่หน้าท้อง ไม่อันตรายมาก แต่ฟกช้ำ

สำหรับรายที่ถูกยิงด้วยกระสุนจริงที่หน้าอก มีอาการหนัก อยู่ระหว่างการกำลังผ่าตัดเอากระสุนออก โดยนำตัวมาจากบริเวณสะพานชมัยมรุเชษ โดยถูกยิงหน้าอก กระสุนทะลุช่องท้อง ค้างอยู่ที่บริเวณหลัง อาการสาหัส เสี่ยงต่อการเสียชีวิต ส่วนรายถูกยิงที่ขาขวา ได้รับตัวมาจากบริเวณวัดเบญจมบพิตฯ กระดูกแตกละเอียด ยังพักรักษาตัวในโรงพยาบาล

ด้าน พล.อ.ต.นพ.วิชาญ เปี้ยวนิ่ม หัวหน้าสาขาวิชานิติเวชศาสตร์ รพ.รามาฯ กล่าวว่า จากการพิสูจน์ลักษณะบาดแผลและฟิลม์เอ๊กซเรย์ พบว่า รายที่ถูกยิงที่หน้าอก และขาขวา เป็นกระสุนขนาด 9 มม. เป็นลูดโดด ชนิดพกพาทั่วไป ไม่ได้มีความเร็วสูงแบบที่ใช้ในสงคราม ส่วนผู้บาดเจ็บที่ถูกยิงที่ขา กระสุนแตกละเอียด จึงไม่ทราบว่าเป็นลูกกระสุนขนาดใด แต่เมื่อดูจากลักษณะของบาดแผลสันนิษฐานว่า เป็นกระสุนปืนขนาด 9 มม. เช่นกัน

ด้าน ศ.นพ.วินิต พัวประดิษฐ์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาธิบดี ม.มหิดล กล่าวว่า รพ.รามาฯ เตรียมพร้อม 24 ชม. ทั้งบุคลากร น้ำเกลือ และเลือด ซึ่งการให้ข้อมูลในครั้งนี้ เพราะต้องการให้สังคมรับทราบว่า มีความรุนแรงเกิดขึ้นและมีการใช้อาวุธปราบปราม มีการใช้ความรุนแรง จึงขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายยุติการใช้ความรุนแรง เลิกใช้อาวุธจริงไม่ว่าจะเป็นฝ่ายใด

ขณะที่ นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ รมว.สาธารณสุข เปิดเผยว่า ตลอดทั้งวันที่ผ่านมา มีผู้ได้รับบาดเจ็บจากการปะทะระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจและผู้ชุมนุม ทั้งหมด 94 ราย โดยมีจำนวน 3 รายได้รับบาดเจ็บจากการถูกยิงด้วยกระสุนจริง และในจำนวนนี้ 2 รายอาการสาหัส ได้รับการรักษาตัวอยู่ที่ห้องฉุกเฉิน โรงพยาบาลรามาธิบดี ส่วนอีก 1 รายสามารถกลับบ้านได้แล้ว ส่วนผู้บาดเจ็บที่เหลือนั้นส่วนใหญ่ถูกยิงด้วยกระสุนยาง และแก๊สน้ำตา

ทั้งนี้ มีรายงานว่า ผู้บาดเจ็บส่วนใหญ่รักษาตัวอยู่ที่วชิรพยาบาล 56 ราย โรงพยาบาลหัวเฉียว 12 ราย โรงพยาบาลกลาง 11 ราย และโรงพยาบาลรามาธิบดี 9 ราย


รพ.รามาฯแถลงผู้ชุมนุมถูกยิงด้วยกระสุนจริง 4 ราย อาการสาหัส

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

       รพ.รามาฯ แถลงพบมีผู้ถูกกระสุนจริงยิง 4 ราย จากเหตุที่ ม.รามคำแหง 2 ราย และเหตุปะทะกับผู้ชุมนุมอีก 2 ราย ระบุอาการสาหัส 1 ราย ยังเร่งทำการผ่าตัด เสี่ยงอัมพาตหรือเสียชีวิต หลังถูกยิงที่หน้าอกทะลุช่องท้องผ่านกระดูกไขสันหลัง วอนหยุดใช้ความรุนแรงและเลิกใช้อาวุธจริงทุกฝ่าย

รพ.รามาฯแถลงผู้ชุมนุมถูกยิงด้วยกระสุนจริง 4 ราย อาการสาหัส
ภาพเอกซเรย์จากรพ.รามาฯ

       วันนี้ (2 ธ.ค.) เมื่อเวลา 19.00 น.ที่โรงพยาบาลรามาธิบดี ศ.นพ.วินิต พัวประดิษฐ์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี นำทีมแพทย์แถลงข่าวกรณีผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุปะทะระหว่างการชุมนุมตั้งแต่ วันที่ 30 พ.ย.-2 ธ.ค. โดย รศ.นพ.สุรศักดิ์ ลีลาอุดมลิปิ ผู้ อำนวยการ รพ.รามาธิบดี กล่าวว่า ขณะนี้ รพ.รามาธิบดี ให้การดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ชุมนุมทั้งสิ้น 27 ราย เป็นชาย 22 ราย หญิง 5 ราย ยังนอนพักรักษา 7 ราย โดยวันที่ 30 พ.ย.จากเหตุการณ์ปะทะที่บริเวณมหาวิทยาลัยรามคำแหง พบถูกยิง 2 รายที่บริเวณขา ถูกกระแทกจนกระดูกแขนแตก 1 ราย และมีบาดแผลที่ศีรษะ 1 ราย วันที่ 1 ธ.ค.มีจำนวน 16 ราย ถูกแก๊สน้ำตา 14 ราย หัวแตก 1 ราย และกระดูกมือแตก 1 ราย และวันที่ 2 ธ.ค.มีจำนวน 7 ราย ถูกแก๊สน้ำตา 3 ราย แผลที่ขา 1 ราย ถูกยิงที่ท้องด้วยกระสุนยาง 1 ราย ถูกยิงที่หน้าอกด้วยกระสุนจริง 1 ราย และถูกยิงที่ขาขวาด้วยกระสุนจริง 1 ราย
       
       รศ.นพ.ธันย์ สุภัทรพันธุ์ รองคณบดีฝ่ายบริการ คณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาธิบดี กล่าวว่า รายที่โดนกระสุนยางยิงที่หน้าท้อง ไม่อันตรายมาก แต่ฟกช้ำ แต่สำหรับรายที่ถูกยิงด้วยกระสุนจริงที่หน้าอก มีอาการหนัก ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างกำลังผ่าตัดเอากระสุนออก โดยนำตัวมาจากบริเวณสะพานชมัยมรุเชฐ ถูกยิงที่หน้าอก กระสุนทะลุช่องท้อง ผ่านกระดูกไขสันหลัง และตุงค้างอยู่ที่บริเวณด้านหลัง อาการสาหัส เสี่ยงต่อการเสียชีวิต หากไม่เสียชีวิตก็อาจจะต้องสูญเสียการทำงานของอวัยวะบางอย่างแน่นอนหรือเป็น อัมพาต ส่วนรายถูกยิงที่ขาขวา ได้รับตัวมาจากบริเวณวัดเบญจฯ กระดูกแตกละเอียด ยังพักรักษาตัวในโรงพยาบาล
       
       พล.อ.ต.นพ.วิชาญ เปี้ยวนิ่ม หัวหน้าสาขาวิชานิติเวชศาสตร์ รพ.รามาธิบดี กล่าวว่า จาก การพิสูจน์ลักษณะบาดแผลและฟิล์มเอกซเรย์ พบว่า รายที่ถูกยิงที่หน้าอกเป็นกระสุนขนาด 9 มม.เป็นลูกโดดชนิดพกพาทั่วไป ไม่ได้มีความเร็วสูงแบบที่ใช้ในสงคราม ส่วนรายที่ถูกยิงขาขวานั้น เนื่องจากกระสุนกระแทกกระดูกจนแตกละเอียด ทำให้ไม่สามารถทราบได้ว่าเป็นกระสุนขนาดใด แต่จากลักษณะของบาดแผลคาดว่าจะเป็นกระสุนขนาด 9 มม.เช่นกัน อย่างไรก็ตาม ไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นกระสุนจากฝ่ายใด มีวิถีกระสุนอย่างไร และยิงมาจากปืนชนิดใด ต้องให้ส่งให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจต่อ คือ กองพิสูจน์หลักฐาน หรือสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม เป็นผู้ตรวจ ทั้งนี้ กระสุนปืนมี 2 ชนิดคือ ลูกโดดที่จะออกจากลำกล้องทีละนัด เช่น ปืนสั้น ปืนพก ปืนลูกโม่ ปืนแม็กกาซีนอย่างที่ทหารใช้ ปืนไรเฟิล ปืนยาว และลูกซอง ที่เมื่อยิงแล้วจะออกมาหลายนัด
       
       ผู้สื่อข่าวถามกรณีพบกระดูกในรถบัสที่ถูกไฟไหม้นั้น การถูกไฟไหม้ทำให้ร่างเหลือเพียงกระดูกได้หรือไม่ พล.อ.ต.นพ.วิชาญ กล่าวว่า โดยปกติหากเกิดไฟไหม้ร่างกายเป็นเวลานาน ก็สามารถทำให้เหลือเพียงกระดูกได้ อย่างไรก็ตาม จะเหลือผิวหนังที่ไหม้เกรียมบางส่วนและจะมีกระดูกโผล่ออกมาก ทั้งนี้ เรื่องดังกล่าวทางนิติเวชสามารถตรวจสอบได้ และจะทราบได้ว่าเป็นโครงกระดูกของมนุษย์หรือสัตว์ แต่ตนไม่ทราบรายละเอียด เพราะไม่ได้ส่งมาพิสูจน์ที่นิติเวช รพ.รามาธิบดี จึงบอกถึงหลักการทั่วไปเท่านั้น
       
       ศ.นพ.วินิต กล่าวว่า รพ.รามาธิบดี เตรียมพร้อม 24 ชั่วโมง ทั้งบุคลากร น้ำเกลือ และเลือด ซึ่งการให้ข้อมูลในครั้งนี้ เพราะต้องการให้สังคมรับทราบว่า มีความรุนแรงเกิดขึ้นและมีการใช้อาวุธปราบปราม มีการใช้ความรุนแรง จึงขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายยุติการใช้ความรุนแรง เลิกใช้อาวุธจริงไม่ว่าจะเป็นฝ่ายใด ที่สำคัญการใช้ห้องผ่าตัดก็ต้องนำมาใช้เพื่อรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ ทำให้คิวการผ่าตัดหัวใจ และมะเร็งต้องลดลงไป ผู้ป่วยอื่นก็ต้องรอเป็นผลกระทบ


ม็อบสะพานชมัยฯเจอกระสุนจริงเจ็บ

จาก โพสต์ทูเดย์

เฟซบุ๊กกองทัพประชาชนฯเผยภาพผู้ชุมนุมถูกกระสุนจริงยิงบาดเจ็บที่สะพานชมัยฯ ขณะที่ตร.ยังใช้แก๊สน้ำตาสกัดม็อบต่อเนื่อง

เมื่อวันที่ 2 ธ.ค. เวลา 12.30น. เฟซบุ๊กกองทัพประชาชน โค่นระบอบทักษิณ (กปท.) ได้โพสต์ภาพผู้ชุมนุมบริเวณสะพานชมัยมรุเชฐได้รับบาดเจ็บ พร้อมระบุว่า มีการใช้กระสุนจริงยิงใส่ผู้ชุมนุมได้รับบาดเจ็บ โดยขณะนี้ผู้บาดเจ็บได้ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลรามาแล้ว

ขณะที่บรรยากาศการชุมนุมบริเวณดังกล่าว ผู้ชุมนุมกลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) บางส่วนบริเวณแยกพาณิชยการ-นางเลิ้ง ได้เดินแจกสำลีให้แก่ผู้ร่วมชุมนุมคนอื่นเพื่อใช้ชุบน้ำอุดหู หลังจากทราบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ใช้เครื่องขยายเสียงความถี่สูงกับกลุ่มผู้ชุมนุม

สำหรับสถานการณ์บริเวณดังกล่าวตั้งแต่เวลา 11.00 น. เจ้าหน้าที่มีการยิงแก๊สน้ำตามาต่อเนื่องเป็นระยะ และมีรัศมีกว้างขึ้น เนื่องจากทิศทางลมพัดจากทางตำรวจมาทางเวทีของผู้ชุมนุม

ด้าน แกนนำประกาศให้ผู้ที่อยู่บริเวณแนวกั้นของตำรวจถอยออกมาให้หมด เพราะแนวทางของเวทีตอนนี้คือให้อยู่ที่มั่น และรอคำสั่งจากเวทีใหญ่และผู้ชุมนุมมารวมตัวกันเพิ่มเติม ขณะเดียวกันมีการระดมอุปกรณ์ที่จะใช้พัดแก๊สน้ำตากลับไปยังฝั่งตำรวจ เช่น พัดลมขนาดใหญ่ ลูกโป่งอัดแก๊ส

ขณะที่ ฝั่งตำรวจได้ประกาศผ่านเครื่องขยายเสียงให้เจ้าหน้าที่ตำรวจยิงแก๊สน้ำตาเท่าที่จำเป็น


ที่พึ่งประชาชน

จาก โพสต์ทูเดย์

เชื่อว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ เพราะหากไม่สามารถควบคุมได้ต่อจากนี้สังคมไทยก็คงไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใครแล้ว


เผยภาพตร-คุมฝูงชนยิงหนังสติ๊กใส่ม็อบ

ช่างภาพสื่อมวลชนบันทึกภาพตำรวจควบคุมฝูงชนใช้หนังสติ๊กยิงใส่ผู้ชุมนุมบริเวณสะพานชมัยมรุเชฐและสะพานอรทัย

เผยภาพชุดที่ช่างภาพสื่อมวลชนสามารถบันทึกไว้ได้ ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชนที่รักษาการณ์บริเวณทำเนียบรัฐบาลใช้หนังสติ๊กยิงหัวน็อตและลูกแก้วสลับกับการใช้ปืนลูกซองยิงกระสุนยางใส่กลุ่มผู้ชุมนุมที่สะพานชมัยมรุเชฐ และสะพานอรทัย ถ.พระราม 5

สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน

Tags : ศอ-รส ยืนยัน ไม่มีการใช้กระสุนจริง

view