นายกสภา ม.รามฯ ยัน มีสไนเปอร์ซุ่มยิง นศ.รามคำแหง
จาก ASTVผู้จัดการออนไลน์
วิรัช ชินวินิจกุล” นายกสภา ม.รามคำแหง ระบุสไนเปอร์ซุ่มยิงนักศึกษารามคำแหง จากตึกสูง เป็นเหตุการณ์ร้ายแรง เผยอธิการบดีขอความช่วยเหลือแล้ว แต่ ตร.นิ่งเฉยไม่สนใจดูแลความปลอดภัยนักศึกษา ตั้งข้อสังเกตวางแผนเปิดโอกาสให้ฝ่ายตรงข้ามหรือไม่
วันนี้ (2 ธ.ค.) นายวิรัช ชินวินิจกุล รองประธานศาลฎีกา ในฐานะนายกสภามหาวิทยาลัยรามคำแหง เปิดเผยถึงกรณีเหตุการณ์ปะทะกันที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง จนทำให้มีผู้เสียชีวิตหลายราย ว่า นายวุฒิศักดิ์ ลาภเจริญทรัพย์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง (ม.รามฯ) ได้มาหารือกับตนเมื่อวันที่ 28-29 พ.ย.ที่ผ่านมา เนื่องจากเกรงว่าเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมืองน่าจะมีความรุนแรงเพิ่มขึ้น จึงได้สั่งปิดมหาวิทยาลัย ซึ่งตนก็เห็นด้วยและขอให้ดำเนินการทันที โดยในวันเกิดเหตุวันที่ 30 พ.ย.กลุ่มนศ.ม.รามฯ ก็ได้ตั้งเวทีปราศรัยที่บริเวณด้านหน้ามหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นการแสดงออกตามสิทธิเสรีภาพที่สามารถกระทำได้ กระทั่งในช่วงดึก ตนได้รับรายงานจากอธิการบดีว่า มีเหตุปะทะกันบริเวณ ม.รามฯ ซึ่งก่อนเกิดการปะทะก็มีเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่เต็มพื้นที่โดยรอบ แต่เวลาผ่านไประยะหนึ่งตำรวจกลับหายไปหมด ไม่มีอยู่ในพื้นที่แม้แต่คนเดียว ต่อมาฝ่ายตรงข้ามก็ได้เข้ามารุมทำร้ายกลุ่มนักศึกษาม.รามฯ ซึ่งเรื่องดังกล่าวคล้ายกับเป็นการวางแผนเพื่อเปิดโอกาสให้ฝ่ายตรงข้าม โดยตนได้ประสานไปยังหน่วยงานด้านความมั่นคง ทั้งตำรวจและทหาร แต่กลับไม่มีหน่วยงานใดเข้ามาช่วยเหลือเลย ซึ่งในคืนนั้นกลุ่ม นศ.รามฯ ต้องขึ้นไปหลบอยู่บนอาคารจำนวนกว่า 2,000 ราย
นายวิรัช กล่าวอีกว่า จากการสอบถามนักศึกษาทราบว่าสาเหตุที่ไม่ออกมาด้านนอกอาคาร เนื่องจากมีชายชุดดำดักซุ่มยิงปืนสไนเปอร์จากบนตึกสูงใส่กลุ่มนักศึกษา ขณะที่บางคนพยายามวิ่งฝ่าเมื่อหลุดออกไปได้ กลับพบกลุ่มชายฉกรรจ์จำนวนหลายคนดักรุมทำร้าย โดยปิดล้อมทั้งประตูด้านหน้าและด้านหลังของมหาวิทยาลัย ทำให้กลุ่มนักศึกษาไม่สามารถออกจากมหาวิทยาลัยได้เลย ในคืนนั้นจึงต้องลำเลียงส่งเสบียงน้ำและอาหารให้กับกลุ่มนักศึกษาที่ติดอยู่ บนอาคาร จนกระทั่งในช่วงเที่ยงของวันที่ 1 ธ.ค.มีสื่อมวลชนมาสัมภาษณ์ตนถึงเรื่องเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยตนก็ได้ชี้แจงไปว่ามีนักศึกษาติดอยู่บนตึกประมาณ 2,000 คน และไม่สามารถออกมาได้ เพราะถูกดักซุ่มยิงดังกล่าว ต่อมาหลังให้สัมภาษณ์ผ่านไปประมาณ 30 นาที ก็มีเจ้าหน้าที่ทหารจากกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ เข้ามาช่วยกลุ่มนักศึกษาออกจนมาได้ทั้งหมด
“เหตุการณ์ที่ผ่านมาถือว่าเลวร้ายมาก ที่มีชายชุดดำใช้สไนเปอร์ดักยิงนักศึกษา ม.รามฯ จากที่สูงจริง และหน่วยงานด้านความมั่นคงโดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สนใจดูแลความปลอดภัย ให้กับกลุ่มนักศึกษาแม้แต่น้อย ซึ่งตนเคลือบแคลงใจว่าตำรวจอยู่ฝ่ายใครกันแน่ โดยเหตุการณ์นี้ชาวรามคำแหงลูกพ่อขุนจะจดจำไปตลอดชีวิต” นายกสภา ม.รามคำแหง กล่าว
ตร.ปัดสไนเปอร์ส่อง นศ.รามฯดับ ชี้วิถีกระสุนยิงซึ่งหน้า
จาก ASTVผู้จัดการออนไลน์
โดย ทีมข่าวอาชญากรรม
รอง ผบ.ตร.ตรวจสอบหลักฐานที่เกิดเหตุรุนแรงบริเวณมหาวิทยาลัยรามฯ พบรถบัสที่ถูกเผาเป็นของนปช.นำโครงกระดูกไปตรวจดีเอ็นเอ พบกระสุนปืนเกลื่อนรอบศาลองค์พระ จากการตรวจสอบวิถีกระสุน ไม่ใช่สไนเปอร์ส่องเด็กรามฯ แต่ยิงจากแนวราบแบบเผชิญหน้า
วันนี้ (2 ธ.ค.) ที่สนามกีฬาราชมังคลากีฬาสถาน พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รอง ผบ.ตร.พร้อมด้วยพล.ต.อ.จรัมพร สุระมณี ที่ปรึกษา (สบ10) พร้อมทีมเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน ทีมพนักงานสอบสวนรับผิดชอบคดีมีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์กลุ่มนักศึกษา ม.รามคำแหง ปะทะกับกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช.
โดยจุดแรก เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบรถบัสโดยสาร 2 ชั้น หมายเลขทะเบียน 30-0170 กำแพงเพชร ซึ่งถูกเผาแล้วพบโครงกระดูกอยู่ภายในรถ บริเวณประตู 1 ทางเข้าสนามกีฬาราชมังคลาฯ เมื่อช่วงค่ำวันที่ 30 พ.ย.ที่ผ่านมา จากการตรวจสอบภายในรถ เจ้าหน้าที่พบโครงกระดูกตั้งแต่ช่วงบริเวณซี่โครงติดกับโคนต้นขวาในสภาพไหม้ เกรียม วางอยู่ช่วงบันไดทางขึ้นรถ นอกจากนั้นยังพบเศษชิ้นส่วนโทรศัพท์มือถือยี่ห้อไอโฟน เศษเสื้อผ้าสี และเศษหัวเข็มขัด สภาพถูกไฟไหม้เกรียม เจ้าหน้าที่จึงนำออกมาตรวจสอบก่อนส่งไปตรวจอย่างละเอียดยังกองพิสูจน์หลัก ฐานกลาง จากนั้นเข้าตรวจสอบรถตู้ 2 คันที่ถูกเผา แต่จากการตรวจสอบไม่พบอะไร และเมื่อเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบบริเวณพื้นหญ้ารอบศาลองค์พระ หน้าประตูทางเข้าสนามกีฬา พบปลอกกระสุนปืนขนาด 9 มม.ขนาด .38 และขนาด.380 จำนวน 12 ปลอกตกอยู่เกลื่อนพื้น ส่วนบริเวณหน้าบันไดสะพานลอยคนข้ามหน้าสนามกีฬา พบหัวกระสุนปืน 1 หัวตกอยู่
พล.ต.อ.เอก เปิดเผยว่า วันนี้ตนพร้อมทีมพนักงานสอบสวน และผู้รับผิดชอบคดี และเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน ได้เดินทางเข้าตรวจสอบในที่เกิดเหตุ เพื่อติดตามภาพรวมที่มีคดีคนตาย 4 คดี โดยเจ้าหน้าที่แบ่งเป็น คดีแรกบริเวณด้านหน้าประตูทางเข้าหมายเลข 1 ของสนามกีฬา คดีที่ 2 และ 3 ภายในสนามราชมังคลาฯ ส่วนคดีที่ 4 เป็นคดีที่ นักศึกษา ม.รามคำแหง ถูกยิงบริเวณประตูทางเข้าหลัง ม.รามคำแหง และภายในซอยรามคำแหง 24 ส่วนคดีรถบัสที่ถูกไฟไหม้นั้น และมีการพบโครงกระดูกอยู่ภายใน จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า รถบัสคันนี้กำลังเดินทางเข้ารับกลุ่ม นปช.ก่อนจะมีเหตุปะทะกันเกิดขึ้น ทำให้คนขับรถบัสทิ้งรถหลบหนีไป ก่อนที่รถจะถูกไฟไหม้ โดยเจ้าหน้าที่จะส่งชิ้นส่วนโครงกระดูกที่พบไปตรวจดีเอ็นเอ เพื่อเปรียบเทียบกับญาติ สำหรับคดีที่เจ้าหน้าที่จับกุมผู้ต้องหาพกอาวุธปืนได้จำนวน 2 รายนั้น ตรวจสอบแล้วพบว่า ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ตำรวจ เพราะในวันเกิดเหตุตำรวจไม่ได้พกอาวุธ และมีการตั้งด่านความปลอดภัยรอบๆ บริเวณสนามกีฬา ส่วนการรักษาความปลอดภัยในขณะนี้ ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่สายตรวจของ บก.น.4 หมุนเวียนผลัดเปลี่ยนออกตรวจตรา เพื่อรักษาความปลอดภัย ในส่วนเรื่องการจราจร ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้เปิดการจราจรบนถนนรามคำแหง ทั้งขาเข้าและขาออก รวมทั้งซอยรามคำแหง 24 ตามปกติแล้ว
ด้าน พล.ต.อ.จรัมพร กล่าวว่า จากการที่พบชิ้นส่วนโครงกระดูกที่ถูกไฟไหม้นั้น เจ้าหน้าที่สามารถนำโครงกระดูกไปตรวจเนื้อเยื่อจากไขกระดูกสันหลัง และเศษเนื้อเยื่อ เพื่อเปรียบเทียบดีเอ็นเอ โดยโครงกระดูกดังกล่าวจากการตรวจสอบพบว่า ได้ถูกเคลื่อนย้ายจากจุดเกิดเหตุในตอนแรกมาก่อนแล้ว โดยจากการตรวจสอบภายในรถบัส พบพยานหลักฐาน เป็นเศษโทรศัพท์ไอโฟน 4 เศษหัวเข็มขัด และกระดุมกางเกง เบื้องต้นเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่าผู้ตาย เมื่อรู้ว่ารถเกิดเพลิงไหม้ ได้พยายามจะลงจากรถ ก่อนจะมาหมดสตินอนคว่ำหน้าอยู่กับพื้นรถ ส่วนการเกิดเพลิงไหม้ พบว่าเพลิงลุกไหม้จากด้านหน้ารถ แล้วลุกลามไปยังส่วนด้านท้ายรถ สำหรับประเด็นที่บอกว่ามีสไนเปอร์มาก่อเหตุยิงนักศึกษารามนั้น ตรวจสอบวิถีการยิงแล้วพบว่าเป็นการยิงในแนวระนาบ เป็นการเผชิญหน้ากันในระยะประมาณไม่เกิน 3 เมตร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้เดินทางไปตรวจบริเวณประตู 8 ด้านหลัง ม.รามคำแหง ซึ่งเป็นจุดที่ นายทวีศักดิ์ โพธิ์แก้ว ถูกยิงเสียชีวิต โดยมี นายฉัตรชัย ดำประสงค์ อายุ 23 ปี นักศึกษาคณะรัฐศาสตร์ ชั้นปีที่ 2 ซึ่งถูกยิงได้รับบาดเจ็บที่ขาด้านขวา เดินทางมาร่วมชี้จุดเกิดเหตุด้วย ก่อนเปิดเผยว่า วันเกิดเหตุตนพร้อมเพื่อน 4 คน เดินออกมาช่วยเพื่อนนักศึกษา โดยผู้ตายเดินออกมาก่อน ส่วนตนกับเพื่อนเดินตามออกมาทีหลัง เมื่อออกมาได้ไม่นาน ก็เห็นผู้ตายถูกยิงล้มฟุบอยู่บริเวณตู้โทรศัพท์ ห่างจากประตูรั้วประมาณ 20 เมตร ส่วนตนกับเพื่อนอีกคน ซึ่งเป็น นศ.อาชีวะ ถูกยิงล้มอยู่หน้าประตูรั้ว
เมื่อเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบบริเวณตู้โทรศัพท์ ก็พบปลอกกระสุนปืนขนาด 11 มม.ตกอยู่จำนวน 1 ปลอก เมื่อเข้าไปตรวจสอบภาย ม.รามคำแหง พบกระสุนปืนขนาด .22 จำนวน 1 นัด ตกอยู่ประตูทางเข้า ซึ่งเป็นจุดที่พลทหารสนิท เวียงคำ อายุ 21 ปี ถูกยิงก่อนจะเสียชีวิตในช่วงเช้าวันนี้ นอกจากนั้นยังพบรูกระสุนถูกยิงเข้าบริเวณกระจกชั้น 3 และ 4 ของอาคารศรีจุฬาลักษณ์
และจุดสุดท้าย ภายในสนามกีฬาราชมังคลาฯ หน้าศูนย์ซ่อมและบำรุงรักษา กองซ่อมบำรุงรักษาฝ่ายกีฬาสถาน ซึ่งเป็นจุดที่นายวิโรจน์ถูกยิงเสียชีวิต โดยมี นางนิตะยา สว่างอารมณ์ เพื่อนที่อยู่ด้วยกันในคืนวันเกิดเหตุมา ชี้ยืนยันว่า ก่อนเกิดเหตุเวลาประมาณ 04.00 น.ตนกับผู้ตายและเพื่อนคนเสื้อแดง ยืนคุยกันอยู่หน้ากองซ่อม ก่อนที่ผู้ตายจะล้มลงนอนฟุบกับพื้น ตอนแรกพวกตนคิดว่าเขาเป็นลม แต่เมื่อจับตัวดูก็พบว่าถูกยิงเสียชีวิตไปแล้ว โดย นายวิโรจน์ ถูกยิงโดยที่พวกตนไม่ได้ยินเสียงปืนสักนัด แต่มีเพื่อนในกลุ่มบอกว่าเห็นแสงไฟออกมาจากช่องกระจกของตัวอาคารภายใน ม.รามคำแหง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้มีนักศึกษา ม.รามฯ คนหนึ่ง มาร้องขอความเป็นธรรมกับผู้สื่อข่าว ว่าวันเกิดเหตุที่ นศ.รามฯ ปะทะกับกลุ่มคนเสื้อแดง กลุ่มเด็กนักศึกษาที่ออกไปปะทะนั้น ไม่ใช่นักศึกษา ม.รามฯ แต่อย่างใด เพราะพวกตนไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน ต่อมามารู้จากเพื่อนๆ ว่า กลุ่มที่อ้างตัวเป็นนักศึกษา แล้วออกไปปะทะกับกลุ่มคนเสื้อแดงนั้น เป็นกลุ่มวัยรุ่นที่เดินทางมาจากจังหวัดชุมพร โดยมี ส.ส.คนหนึ่งเป็นผู้พามา นอกจากนั้นยังพบว่า บางคนเป็นกลุ่มคนที่อยู่ในกลุ่มม็อบสวนยางที่ปิดถนนประท้วงที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ และชุมพร มาก่อนแล้ว หลังก่อเหตุปะทะกับกลุ่มคนเสื้อแดงแล้ว ก็มีรถมารับกลับไปที่สนามม้านางเลิ้ง ส่วนคนที่หนีไม่ทัน เพราะไม่รู้เส้นทาง ก็หนีหลบอยู่ภายใน ม.รามฯ จนกระทั่งมีทหารเข้ามาช่วยพาออกไปพร้อมกับนักศึกษา ม.รามฯ ส่วนนักศึกษา ม.รามฯ ได้หลบออกไปก่อนที่จะมีการปะทะกันแล้ว
สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน