สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

เศรษฐกิจขาลง โดยวีรพงษ์ รามางกูร

จากประชาชาติธุรกิจ

คอลัมน์ คนเดินตรอก

ภาคธุรกิจบริษัทห้างร้านต่าง ๆ ขณะนี้ต่างรู้สึกได้ว่าเศรษฐกิจของเรากำลังอ่อนกำลังลง หลาย ๆบริษัทกำลังทบทวนแผนการดำเนินงาน สำหรับปีหน้าที่กำลังจะมาถึง เนื่องจากยอดขายทั้งที่ส่งออกไปขายในต่างประเทศ และที่ขายภายในประเทศลดลงอย่างรวดเร็ว งบประมาณสำหรับการตลาด เช่น งบโฆษณากำลังคน และอื่น ๆ รวมทั้งแผนลดการผลิตต้องนำมาพิจารณา

ความรู้สึกเช่นนี้ของภาคธุรกิจ สอดคล้องกับตัวเลขความเจริญเติบโตที่ธนาคารโลกก็ดี หน่วยงานของทางราชการ เช่น สำนักงานเศรษฐกิจและการคลัง สำนักงานพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติก็ดี ธนาคารแห่งประเทศไทยก็ดี ทุกสำนักต่างก็ทบทวนตัวเลขการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไตรมาสที่ 4 และตัวเลขการขยายตัวทางเศรษฐกิจสำหรับปีหน้าลง

ธนาคารโลกลดตัวเลขการขยายตัวทางเศรษฐกิจสำหรับปี 2556 จาก 4.5 เปอร์เซ็นต์ มาเป็น 4 เปอร์เซ็นต์ สำนักงานเศรษฐกิจการคลังทบทวนอัตราการขยายตัวของปีนี้ลงจาก 3.7 เปอร์เซ็นต์ เหลือเพียง 3 เปอร์เซ็นต์ เช่นเดียวกับสำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่คิดว่าอัตราการขยายตัวของปีนี้คงได้ประมาณ 3 เปอร์เซ็นต์ ลดลงจากที่เคยประมาณการไว้ 3.8 เปอร์เซ็นต์

สาเหตุที่เป็นเช่นนี้เพราะความต้องการสินค้าและบริการทั้งภายในประเทศและจากต่างประเทศลดลงอย่างรวดเร็วในครึ่งหลังของปีนี้

อัตราการขยายตัวของมูลค่าของการส่งออกปีนี้เกือบจะไม่มีคือคาดการณ์ว่าจะขยายตัวเพียง 1 เปอร์เซ็นต์ หรือไม่ขยายตัวเลย ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน เท่าที่จำได้ การส่งออกของเราขยายตัวอย่างสม่ำเสมอในอัตรา 15-16 เปอร์เซ็นต์เรื่อยมา เหลือเพียงรายได้จากการท่องเที่ยวของชาวต่างประเทศ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวจีนเท่านั้นที่ยังคงเป็นรายได้หลักของประเทศมองไปถึงปีหน้า ตลาดหลักของเราคืออเมริกา ยุโรป ญี่ปุ่น และจีน อนาคต
ก็ยังไม่ค่อยสดใส ข่าวที่ว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะฟื้นตัวอย่างยั่งยืนก็ไม่น่าจะเป็นความจริง

ข่าวว่าอเมริกาจะผลิตพลังงานใช้เองเพราะสามารถเจาะทะลุชั้นหินดาน เอาก๊าซธรรมชาติและน้ำมันขึ้นมาใช้ได้ ก็แผ่วลง มาตรการคิวอี ใช้มาถึง 3 คิวอีแล้วก็ยังเลิกไม่ได้ แค่มีข่าวว่าจะผ่อนลงก็เกิดเรื่องทันที ยุโรปก็ยังอยู่ในอาการหนักถึงขนาดคนอดอยาก จี้ ปล้น อาชญากรรมเพิ่มขึ้น ยังไม่เห็นแสงที่ปลายอุโมงค์ญี่ปุ่นนำเอามาตรการคิวอีมาใช้เพื่อให้ค่าเงินเยนอ่อนตัว ทำให้เศรษฐกิจญี่ปุ่นดีขึ้น เนื่องจากญี่ปุ่นส่งออกได้มากขึ้น การผลิตในประเทศดีขึ้นการนำเข้าน้อยลง แต่ไม่เป็นประโยชน์กับประเทศคู่ค้านัก เพราะญี่ปุ่นส่งออกมากขึ้น ไม่ใช่นำเข้ามากขึ้นเศรษฐกิจของจีนมีอัตราการขยายตัวลดลงอย่างรวดเร็ว จนพรรคคอมมิวนิสต์จีนต้องทบทวนแผน 5 ปี ประกาศลดเป้าหมาย

การขยายตัวทางเศรษฐกิจเหลือเพียงเฉลี่ยปีละ 5 เปอร์เซ็นต์ในระยะ 5 ปีข้างหน้า แทนที่จะเป็นตัวเลข 2 หลักอย่างที่เราเคยได้ยินกัน

ตลาดสำคัญ ๆ ของสินค้าไทยมองดูในปีหน้ายังไม่เห็นมีใครคิดว่าจะขยายตัวในอัตราที่สูงขึ้น อัตราการขยายตัวของการส่งออกของเราจึงอยู่ใกล้ศูนย์ หรืออาจจะติดลบก็เป็นไปได้

หลังจากเกิดภาวะน้ำท่วม อุตสาหกรรมหลายอย่างที่เราเคยผลิตเพื่อส่งออกก็หมดสมัยพอดี เพราะมีของใหม่ เทคโนโลยีใหม่ เช่น Hard Disk และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์หลายอย่างเขาเลิกใช้ หรือที่ยังใช้อยู่ก็ย้ายไปผลิตประเทศอื่น

สินค้าการเกษตร เช่น ข้าว ข้าวโพด มันสำปะหลัง นโยบายจำนำพืชผลการเกษตร ทำให้ราคาแพงเกินไป ขายไม่ออก
รัฐบาลต้องเก็บไว้เอง ขณะเดียวกัน คุณภาพก็เสื่อมลงเรื่อย ๆ ราคายางพาราก็ลดลง เพราะขยายการปลูกยางพาราทั้งในประเทศ และประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ลาว กัมพูชา เวียดนาม รวมทั้งจีนมากขึ้น ขณะเดียวกัน ความต้องการจากประเทศจีนก็อิ่มตัว ราคายางคงไม่กลับไปที่เดิมแล้ว ปีหน้าก็คงจะลดลงกว่านี้อีก เพราะต้นยางใหม่ที่กรีดได้จะมากขึ้น
เมื่อการส่งออกสินค้าลดลง รายได้โดยส่วนรวมจากการส่งออกไม่เพิ่ม จึงทำให้กำลังซื้อในประเทศอ่อนตัวลงประกอบกับนโยบาย "รถยนต์คันแรก" ทำให้ชาวบ้านนำเงินออมมาดาวน์รถยนต์ นำรายได้มาผ่อนรถยนต์กันหมด ทำให้เหลือเงินที่จะบริโภคในปีต่อไปน้อยลง ขณะเดียวกัน ครัวเรือนก็มีหนี้เพิ่มขึ้นจากการซื้อรถยนต์ใหม่ การบริโภคในครัวเรือนจึงลดลง อันเป็นสาเหตุอันที่ 2 ที่ทำให้อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจขยายตัวในอัตราต่ำ

ขณะเดียวกัน การลงทุนขยายกิจการของภาคเอกชนก็ชะลอตัวลง อันเป็นผลมาจากการส่งออกและการบริโภคของครัวเรือนอ่อนตัวลง แต่หนี้สินของครัวเรือนขยายตัวสูงขึ้น เหตุการณ์เช่นนี้คงจะต่อเนื่องไปถึงปีหน้า

เมื่อรัฐบาลประกาศโครงการบริหารจัดการน้ำ โดยการตราพระราชกำหนดให้งบประมาณ 3.5 แสนล้านบาท ผู้คนในระบบเศรษฐกิจก็คาดหวังว่าเม็ดเงินคงจะออกมาในเร็ววัน ภายในปีนี้และปีหน้าก็ปรากฏว่าไม่ได้ทำประชาพิจารณ์ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด อาจจะเป็นเพราะลืมหรืออ่านกฎหมายผิดก็ไม่ทราบ ต้องมาเริ่มทำประชาพิจารณ์กันใหม่ ปีหน้าจะเสร็จทันประมูลได้ผู้รับเหมาหรือไม่ก็ไม่ทราบ การลงทุนต้องเลื่อนไปอีก

โครงการ 2 ล้านล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการลงทุนสำหรับโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ เช่น ท่าเรือน้ำลึก สนามบิน ทางหลวง ทางด่วน ขนส่งมวลชน ระบบรางคู่และระบบรางรถไฟความเร็วสูง ก็ติดปัญหาการเมือง เพราะพรรคประชาธิปัตย์ได้ทำการยื่นคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าขัดรัฐธรรมนูญ เป็นที่คาดการณ์ได้ว่าศาลรัฐธรรมนูญคงจะวินิจฉัยว่า
ขัดรัฐธรรมนูญแน่ หรือไม่ก็เก็บไว้ ถ้ามีการยุบสภา พ.ร.บ.ฉบับนี้ก็ตกไป โครงการก็คงจะไม่ได้เกิด ดังนั้น การลงทุนของภาครัฐบาลที่จะมาชดเชยการอ่อนตัวของภาคเอกชนก็คงจะไม่เกิด ในระยะยาวก็คงไม่มี เพราะติดปัญหาการเมืองอย่างที่กล่าวมาแล้ว

ถ้าจะใช้วิธีตั้งงบ ประมาณประจำปีก็คงไม่ได้ผล เพราะโครงการรถไฟรางคู่มีการอนุมัติโครงการมากว่า 10 ปีแล้ว ได้งบประมาณบ้าง ไม่ได้บ้าง เพราะสภาท่านแปรญัตติไปใช้ทางอื่นเสียก็คงเหลือแต่เพียงรายได้จากการท่อง เที่ยวเท่านั้นที่ยังขยายตัวอย่างคงเส้นคงวาอยู่จำนวนนักท่องเที่ยวก็เพิ่ม ขึ้นในอัตราที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากคนจีนรวยขึ้นจึงเดินทางออกนอกประเทศมากขึ้น และก็ชอบมาเที่ยวเมืองไทย เพราะไทยกับจีนมีวัฒนธรรมความเป็นอยู่ อาหารการกินคล้ายคลึงกันมาก
ก็คงต้องรักษาตลาดจีนไว้ให้ดี การยกเลิกวีซ่าเข้าเมืองไทย เขาขอมาหลายปีแล้วก็เพิ่งจะอนุมัติเมื่อไม่นานมานี้เอง

สิ่งที่ต้องช่วยกันประคับประคองไม่ให้นักท่องเที่ยวเกิดความวิตกว่าการเดินทางมาประเทศไทยนั้นไม่ปลอดภัย สถานที่ท่องเที่ยวที่โรงแรมที่พักหลายแห่ง หรือแม้แต่สนามบินไม่ปลอดภัย ขณะนี้ประเทศจีนก็ดีประเทศต่าง ๆ ในยุโรปก็ดี ญี่ปุ่น และสหรัฐ ต่างก็ออกประกาศเตือนประชาชนของตนให้ระมัดระวัง หากจะเดินทางเข้ามาในประเทศไทย ซึ่งไม่น่าจะเป็นผลดีต่อการท่องเที่ยว ซึ่งขณะนี้เป็นแหล่งรายได้อันเดียวที่จะนำมาชดเชยการชะงักงันของรายรับจากการส่งออกสินค้าต่าง ๆ ซึ่งเป็นผลมาจากตัวเราเอง เป็นผลมาจากภาวะซบเซาของตลาดโลก และการเปลี่ยนแปลงทางด้านเทคโนโลยีซึ่งเป็นไปอย่างรวดเร็ว

ที่สำคัญคือผู้ที่เป็นลูกค้าประจำของเราเขามีทางเลือกที่จะซื้อสินค้าอย่างเดียวกันจากประเทศอื่น ๆ ที่เป็นคู่แข่งของเราได้ด้วย หากเขาเห็นว่าการผลิตและการส่งมอบสินค้าของเราอาจจะมีปัญหา จากภาวะไม่แน่นอนทางการเมือง จากการปิดถนน จากการปิดสถานที่ราชการ และถ้ายิ่งระบบราชการทำงานไม่ได้ คำสั่งซื้อสินค้าของเราก็คงจะชะงักงันยิ่งขึ้นไปอีก

ยิ่งมองไปข้างหน้า ปัญหาความขัดแย้งจะคงดำรงอยู่ไปอีกนาน เพราะเป็นปัญหาเชิงโครงสร้างของสังคม การลงทุนโครงการพัฒนาขนาดใหญ่จะทำไม่ได้เลย ไม่ว่าฝ่ายใดรวมทั้งรัฐบาลจากการรัฐประหาร การคาดการณ์ของฝ่ายธุรกิจมองไปในแง่ร้าย การลงทุนทั้งจากทุนของเราเองและจากต่างประเทศก็คงจะชะงักงันไปด้วย ตามภาวะชะงักงันทางการเมืองภาพข้างหน้าทางเศรษฐกิจจึงน่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง


สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน

Tags : เศรษฐกิจขาลง วีรพงษ์ รามางกูร

view