สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

ถนนยุทธศาสตร์ AEC (2)

จากประชาชาติธุรกิจ

คอลัมน์ พร้อมรับเออีซีหรือยัง โดย ณกฤช เศวตนันท์

บทความฉบับที่แล้วผู้เขียนได้กล่าวถึงความสำคัญของเส้นทางสายเศรษฐกิจ R 9 (East-West Economic Corridor : EWEC) หรือแนวเส้นทางระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตกไปแล้ว ฉบับนี้จะขอพูดถึงเส้นทางระเบียงเศรษฐกิจแนวเหนือ-ใต้ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเส้นทางภายใต้โครงการพัฒนาความร่วมมือทางเศรษฐกิจของ 6 ประเทศในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงเช่นกัน (Greater Mekong Subregion : GMS) อันได้แก่ ไทย พม่า ลาว กัมพูชา เวียดนาม และจีน



เส้นทางระเบียงเศรษฐกิจแนวเหนือ-ใต้ หรือเส้นทาง R3A (North South Economic Corridor : NSEC) เป็นเส้นทางคมนาคมเชื่อมการขนส่งทางบกระหว่างนครคุนหมิง มณฑลยูนนานของจีน กับกรุงเทพมหานครของไทย มีระยะทางยาว 1,800 กิโลเมตร มีวัตถุประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกด้านการค้า ลดต้นทุนในการขนส่ง สร้างรายได้ให้กับกลุ่มคนรายได้ต่ำ กับทั้งสนับสนุนให้เกิดการพัฒนาในพื้นที่ชนบทและชายแดน รวมถึงส่งเสริมการท่องเที่ยวในพื้นที่ด้วย

เส้นทาง R3A จะช่วยลดระยะเวลาเดินทางระหว่างนครคุนหมิงของจีน กับกรุงเทพมหานคร จากเดิม 48 ชั่วโมงเหลือเพียง 20 ชั่วโมงเท่านั้น

เส้นทางเศรษฐกิจ R3A นี้ตัดผ่าน 3 ประเทศ คือ จีนตอนใต้ สปป.ลาว และประเทศไทย มีต้นทางเริ่มจากอำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงรายของไทย ต่อด้วยเมืองบ่อแก้ว หลวงน้ำทา บ่อเต็นของประเทศลาว บ่อหาน เชียงรุ่ง หรือจิ่งหง ในนครคุนหมิง มณฑลยูนนานของประเทศจีน ทั้ง 3 ประเทศได้กำหนดนโยบายการพัฒนาเพื่อรองรับการเติบโตทางเศรษฐกิจจากเส้นทางดังกล่าว

ประเทศไทยได้กำหนดการจัดตั้ง เขตนิคมอุตสาหกรรม ในจังหวัดเชียงรายและการพัฒนาท่าเรือเชียงแสน ส่วน สปป.ลาว อยู่ระหว่างการพัฒนาพื้นที่จุดแวะพัก (Rest Areas) บนเส้นทางที่แขวงบ่อแก้วและหลวงน้ำทา และก่อสร้างสะพานแม่น้ำโขงแห่งที่ 4 ในฝั่ง สปป.ลาว ที่ปัจจุบันคืบหน้าไปแล้วกว่าร้อยละ 90 เหลือเพียงการทำถนนเชื่อมตัวอาคารด่านตรวจพรมแดน ไปยังสะพานและสะพานย่อยอีก 2 จุดเท่านั้น

ส่วนประเทศจีนกำหนดนโยบายมุ่งใช้ประโยชน์จากเส้นทาง R3A เพื่อกระจายสินค้าทางการเกษตรจากจีนตอนใต้และส่งเสริมตลาดท่องเที่ยวสินค้าหลักที่มีการทำการค้าของแต่ละประเทศบนเส้นทาง R3A มีอยู่จำนวนมาก

สำหรับสินค้าที่ประเทศไทยส่งออกไปยังตลาดลาวและจีน ได้แก่ น้ำมันดีเซล น้ำมันเบนซิน สินค้าอุปโภคบริโภค ผลไม้สดและวัสดุก่อสร้าง สปป.ลาวจะส่งออกถ่านหินลิกไนต์ ผลิตภัณฑ์เกษตร อะไหล่รถยนต์ และยาปฏิชีวนะมายังประเทศไทย และส่งออกไม้แปรรูปไปยังประเทศจีน

สำหรับประเทศจีนส่งออกพืชผัก เช่น บร็อกโคลี ผักกาดแก้ว ดอกไม้อย่างกุหลาบ กล้วยไม้ และผลไม้อย่างแอปเปิล ลูกพีช ส้ม และลูกพลับมายังประเทศไทย โดย นายหลี่ ซือ หัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจ เขตปกครองพิเศษโมฮาน มณฑลยูนนาน ได้กล่าวว่าในช่วง 10 ปีที่ผ่านมามีปริมาณสินค้าผ่านถนน R3A ถึงด่านเมืองโมฮาน มณฑลยูนนาน ประมาณ 70,000 ตันต่อปี

แต่ปรากฏว่าในปี 2555 ที่ผ่านมามีปริมาณเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 1.27 ล้านตันแล้ว มูลค่าทั้งหมดประมาณ 1,200 ล้านเหรียญสหรัฐ มีรถเข้าออกกว่า 270,000 คัน ซึ่งหากสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 4 เปิดใช้ก็จะทำให้มูลค่าการค้ายิ่งเพิ่มขึ้นอีกมาก

หากดูกันในด้านสถิติการค้าชายแดน ผ่านอำเภอเชียงของไปยัง สปป.ลาว ผ่านเส้นทางสาย R3A ที่ผ่านมาในปี 2554 มีการนำเข้า 2,000 กว่าล้านบาท ส่งออกเกือบ 6,000 ล้านบาท ปี 2555 นำเข้า 3,000 กว่าล้านบาท ส่งออก 9,000 กว่าล้านบาท และตั้งแต่ต้นปี 2556 จนถึงเดือนมิถุนายน 2556 มีการค้าเกิดขึ้นมากกว่า 12,000 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 30

การเปิดเส้นทางเศรษฐกิจ R3A นี้จะเห็นได้ว่าทำให้เกิดการขยายตัวทางเศรษฐกิจภายในภูมิภาคอาเซียนและมีความเจริญมากขึ้น ถือเป็นการกระตุ้นทางด้านเศรษฐกิจทั้งภายในประเทศ ระหว่างประเทศ และระหว่างภูมิภาคได้เป็นอย่างดี

นอกจากนี้ ยังเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศไทย สปป.ลาว และจีน ให้มีความแน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น และทำให้เกิดความร่วมมือกันระหว่างประเทศในด้านต่าง ๆ

นอกจากนี้ ยังทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมกับการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ทางด้านวิชาการ ด้านการแพทย์ ด้านเทคโนโลยีที่ทันสมัย และสามารถนำมาประยุกต์ใช้เพื่อให้เกิดประโยชน์บนพื้นฐานของความร่วมมือได้


สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน

Tags : ถนนยุทธศาสตร์ AEC (2)

view