สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

ประเมินผลดี-ร้ายปิดเมือง

จาก โพสต์ทูเดย์

ทีมข่าวการเมือง

ท่าที กปปส.ที่ประกาศเตรียมทุบหม้อข้าวชัตดาวน์ปิดกรุง กำลังสร้างแรงหวั่นวิตกกับคน กทม.จนหลายฝ่ายคาดการณ์ว่า สุเทพ เทือกสุบรรณ อาจหันหางเสือผิดทาง จากที่หวังเปิดศึกโดยตรงกับรัฐบาลอาจส่งผลตีกลับเรียกเสียงต้านจากคนเมืองหลวงแทน

พล.อ.เอกชัย ศรีวิลาศ ผู้อำนวยการสำนักสันติวิธีและธรรมาภิบาล สถาบันพระปกเกล้า ประเมินว่าแผนปิดกรุงของ กปปส.สำเร็จยาก เพราะเป็นวิธีการที่สร้างความเดือดร้อนส่งผลเสียต่อธุรกิจ การค้า และการส่งออกอย่างมหาศาลให้แก่คน กทม. ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่สนับสนุนกลุ่ม กปปส.เอง ในขณะที่ฝ่ายสนับสนุนพรรคเพื่อไทยส่วนใหญ่เป็นคนต่างจังหวัดและคนเมืองรอบนอกไม่ได้ประสบความเดือดร้อนจากแนวทางการชุมนุมของกลุ่ม กปปส.แต่อย่างใด

"กรณีนี้เหมือนกับที่เนลสัน แมนเดลา (อดีตประธานาธิบดีแอฟฟริกาใต้) เคยบอกว่า 'การกินยาพิษเพื่อให้คนอื่นตายมันเป็นไปไม่ได้' คือ ตัวเองเป็นคนกินยาพิษ แต่จะให้คนอื่นตายมันจะสำเร็จหรือ เปรียบเสมือนการปิด กทม. แต่อยากให้คนต่างจังหวัดตาย มันไม่ใช่ เพราะมันจะทำให้คน กทม.ตายเสียเอง

...ครั้งที่แล้วแค่ปิดถนนวิภาวดีรังสิตก็ทำให้คนเดือดร้อนและวุ่นวายพอสมควร แต่นี่มาปิดทั้ง กทม.คน กทม.เองจะเป็นผู้เดือดร้อนมากที่สุด หากใช้วิธีการนี้ผลเสียที่ตามมาจะเกิดขึ้นกับกลุ่ม กปปส.เอง"

อย่างไรก็ตามรัฐบาลเองก็ไม่ควรเตรียมมาตรการที่จะสร้างความตระหนกให้แก่คน กทม.มากเกินเหตุเพราะแนวทางปิดกรุงก็ใช่ว่าทำได้ง่ายๆ ดังนั้นมองว่ารัฐบาลไม่จำเป็นถึงขั้นต้องประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินเพราะจะยิ่งเพิ่มไม่ได้ยิ่งแก้ปัญหา มิหนำซ้ำจะทำให้อีกขั้วเกิดความชอบธรรมในการเคลื่อนไหวมากขึ้น

พล.อ.เอกชัย เสนอว่า เวลานี้ต่อให้ไม่มีการเคลื่อนไหวปิดกรุง กปปส.ก็ถือว่าสำเร็จในการเรียกเสียงมวลชนแล้ว ดังนั้นหากไร้วาระซ่อนเร้นจริง ตอนนี้กปปส.ควรเปิดพิมพ์เขียวปฏิรูปประเทศอย่างจริงจังและชัดเจน ก่อนจะมีการเลือกตั้งวันที่ 2 ก.พ.นี้

"หากไม่ใช้โอกาสนี้ให้เป็นประโยชน์เรียกร้องให้เกิดการปฏิรูป เรื่องปฏิรูปที่คาดหวังก่อนหน้านี้มันจะไม่ได้ทำเลย เท่ากับว่าที่ทำมาทั้งหมดร่วม 2 เดือนเสียของหมด ดังนั้นที่เรียกร้องว่าอยากได้นั่นได้นี่ คุณต้องมีพิมพ์เขียวที่ชัดเจนว่าต้องการอะไรบ้าง เสนอตอนนี้เลย เพื่อเสนอให้ใครก็ตามที่ได้อำนาจรัฐเข้ามาตอบสนองต่อข้อเรียกร้องของฝ่ายมวลชน"

ปณิธาน วัฒนายากร นักวิชาการรัฐศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ระบุว่า กลุ่ม กปปส.คงมีการชั่งน้ำหนักแล้วว่าคน กทม.ส่วนใหญ่สนับสนุนแนวทางนี้ และยินดีที่จะยอมรับความลำบาก อย่างไรก็ตามแน่นอนว่ามีอีกส่วนที่ไม่เห็นด้วย แต่คนกลุ่มนี้จะออกมากดดันต่อรัฐบาลมากกว่ากดดันไปที่ตัว กปปส.เหมือนกับการชุมนุมปิดราชประสงค์เมื่อปี2553 ที่เกิดความไม่พอใจมาก คน กทม.ก็ไม่ได้กดดันคนเสื้อแดงแต่กดดันมายังรัฐบาลในขณะนั้น

"เรื่องมือที่สามมาก่อกวนสร้างชนวน ยั่วยุปลุกปั่นให้นำไปสู่การปะทะ จนทำให้เกิดการจลาจลเป็นเรื่องที่น่ากังวลที่สุดที่รัฐบาลต้องควบคุมสถานการณ์ให้ได้ หากจัดการไม่ได้จนเกิดการปะทะและเกิดความสูญเสีย มันจะยิ่งตอกย้ำว่ารัฐบาลไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะสามารถบริหารจัดการอะไรได้"

ในขณะที่การประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินนั้นปณิธานยังมองว่าเป็นไปได้ยาก เพราะทหารไม่เห็นพ้องต้องกัน หรือหากจะใช้กำลังตำรวจเท่าที่มีอยู่ก็ทำได้ลำบาก เนื่องจากตำรวจไม่มีวินัยและไม่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีเท่ากับทหาร

ทั้งนี้ เชื่อว่าการต่อสู้ครั้งนี้คงยืดเยื้อจนกว่าข้อเรียกร้องจะบรรลุผล  ขณะนี้มี 2 โจทย์สำหรับรัฐบาลโจทย์แรก คือ มวลชนต้องการคนกลางมาดูแลการเปลี่ยนผ่านอำนาจที่เกิดขึ้น และต้องการสภาปฏิรูปที่มีความหลากหลายมากกว่าที่รัฐบาลเสนอ ดังนั้นเป็นโจทย์ที่รัฐบาลต้องคิดว่าจะปรับปรุงสูตรเหล่านี้อย่างไร

ขณะเดียวกันอีกโจทย์ที่รัฐบาลสามารถทำได้ คือการเลื่อนเลือกตั้งออกไปก่อนเพื่อเลี่ยงวิกฤตที่อาจเกิดขึ้นในวันเลือกตั้ง และคลี่คลายสถานการณ์เพื่อนำไปสู่การพูดคุยการเจรจาได้อีก ทั้งนี้ หากผลักดันต่อไปให้มีการเลือกตั้งก็จะเสี่ยงเกิดวิกฤตการณ์แบบใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการตั้งสภาไม่ได้ เพราะสมาชิกไม่ครบ หรือกรณี สส.อาจโดนชี้มูลความผิดจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)


สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน

Tags : ประเมินผลดี ร้ายปิดเมือง

view