จาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
นครินทร์ ศรีเลิศ Bank_tennis@hotmail.com

เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือสภาพัฒน์ ได้รายงาน

ประมาณการภาวะเศรษฐกิจไทยปี 2557 ให้ที่ประชุมครม. โดยประมาณการจีดีพี ปีนี้จะขยายตัวได้ 4 - 5% บนสมมติฐานมีเม็ดเงินจากการเบิกจ่ายงบประมาณลงทุนโครงการขนาดใหญ่ของรัฐบาลไม่ต่ำกว่า 158,500 ล้านบาท เป็นการลงทุนในโครงการบริหารจัดการน้ำ 46,500 ล้านบาท และการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมและขนส่งไม่ต่ำกว่า 112,000 ล้านบาท

หากการลงทุนของรัฐบาลไม่เป็นไปตามแผน จะส่งผลให้การลงทุนภาครัฐขยายตัวได้เพียง 3% จากเป้าหมาย 12% และการขยายตัวของจีดีพีทั้งปีนี้จะลดลง 0.4%

ครม.รักษาการมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ให้มีการปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2557 ครั้งที่1ปรับปรุงแผนบริหารหนี้สาธารณะลง 5,168.92ล้านบาท ปรับแผนการลงทุนภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ ออกจากแผนบริหารหนี้สาธารณะ 2 ส่วนหลัก ได้แก่ 1.แผนการกู้เงินในโครงการคมนาคมขนส่ง 2 ล้านล้านบาท ที่เดิมมีแผนจะกู้เงินในปี 2557ประมาณ 1.2 แสนล้านบาท และ 2.แผนการก่อหนี้ใหม่ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ที่ให้ปรับลดวงเงินกู้ประมาณ 1.3 หมื่นล้านบาท

เพื่อเปิดช่องให้รัฐบาลสามารถกู้เงิน 1.3 แสนล้านบาท นำมาจ่ายหนี้ให้กับชาวนาโครงการรับจำนำข้าวปีการผลิต 2556/2557

การปรับแผนบริหารหนี้สาธารณะโดยการปรับเอาโครงการลงทุนของรัฐบาลและรัฐวิสาหกิจบางรายออก เป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า อย่างฉุกละหุก ให้กับโครงการจำนำข้าวที่เดินมาถึงทางตัน หาเงินจ่ายให้กับชาวนาไม่ได้ตามกำหนด

กล่าวได้ว่าการโยกงบฯลงทุนมาใช้เป็นงบประมาณรายจ่ายประจำ เช่นนี้รัฐบาลไม่ได้มองถึงเสถียรภาพโดยรวมของเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว

ครม.เองทราบรายงานแล้วว่าหากการลงทุนไม่ได้ตามเป้า จะกระทบกับเศรษฐกิจของประเทศ กระทบต่อการวางแผนการลงทุนของเอกชน และกระทบต่อความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจไทยโดยรวม

มติ ครม.รอบนี้ยังระบุว่าขณะนี้ พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาท อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ หากมีความจำเป็นต้องกู้เงินจำนวนนี้ในปีงบประมาณ 2557 จะบรรจุในแผนใหม่อีกครั้ง

นั่นหมายความว่าหากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าการกู้เงินในโครงการ 2 ล้านล้านบาท สามารถทำได้ รัฐบาลหน้าจะต้องมีภาระในการปรับแผนบริหารหนี้สาธารณะใหม่อีกครั้ง โดยยังไม่แน่ชัดว่าจะมีหน่วยงานของภาครัฐหรือรัฐวิสาหกิจแห่งไหน ถูกปรับลดงบประมาณในการลงทุนลงอีกหรือไม่

ปฏิเสธไม่ได้ว่าการหาเงินมาจ่ายให้กับชาวนา ในโครงการรับจำนำข้าวเป็นเรื่องที่สำคัญ รัฐบาลในฐานะผู้รับผิดชอบโครงการควรจะมีการเตรียมความพร้อมเรื่องการกู้เงินไว้ได้ดีกว่านี้ เพราะในทางปฏิบัติรัฐบาลย่อมรู้ดีอยู่แล้วว่าการตั้งราคารับซื้อข้าวสูงกว่าราคาตลาดโลก จะมีปัญหาในการระบายข้าว และจะนำไปสู่การขาดสภาพคล่องในโครงการ การเตรียมการเรื่องการกู้เงินมาจ่ายให้ชาวนา จึงควรดำเนินการให้เสร็จสิ้นก่อนประกาศยุบสภาฯ

..จะเห็นได้ว่าโครงการรับจำนำข้าว สะท้อนให้เห็นปัญหาในเชิงบริหารจัดการของรัฐบาลได้ชัดเจน และปัญหานี้ไม่สามารถอ้างได้เพียงว่า เป็นเพราะมีอุบัติเหตุทางการเมืองเท่านั้น

สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน