สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

รัฐบาลชุดนี้...เครดิตติดลบ ?

จากประชาชาติธุรกิจ

คอลัมน์ ชั้น 5 ประชาชาติ

โดย วิไล อักขระสมชีพ


ย่าง เข้าเดือนที่ 2 ของปีนี้แล้ว เดือน "กุมภาพันธ์" จัดเป็นเดือนแห่งความรัก ซึ่งเป็นอีกเทศกาลหนึ่งที่ช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายของสังคมคนในเมืองทั้งหลาย และเป็นโอกาสทองของภาคธุรกิจที่จะกระตุ้นผู้บริโภค

ถือเป็นอีกความหวังหนึ่งของผู้ค้าขายที่จะได้ปั๊มยอดขาย หลังจากยอดขายพลาดเป้ามาต่อเนื่องตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว จากเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมืองที่ลากยาว

มา ถึงต้นปีนี้ เป็นเวลารวมกว่า 3 เดือน และแม้จะผ่านการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 ไปแล้วก็ตาม แต่ความขัดแย้งแบ่งฝ่ายทางการเมืองยังไม่จบ ทำให้ภาคธุรกิจเองก็กุมขมับ เพราะปีนี้ยังไม่เห็นอนาคตที่ดีของการเมืองประเทศไทย 

ทุกวันนี้ ใคร ๆ ก็คาดการณ์กันว่า กว่าจะเห็นรูปร่างหน้าตารัฐบาลใหม่ที่จะมาบริหารประเทศ แทนรัฐบาลรักษาการ 
"ยิ่ง ลักษณ์" ซึ่งประเมินว่าอาจจะต้องใช้เวลาอีกกว่า 6 เดือน ทุกคนทั้งภาคธุรกิจและประชาชนตาดำ ๆ ก็ต้องดิ้นรนประคองเศรษฐกิจปากท้องตัวเองไปก่อน พยายามรักษาสภาพคล่องเงินสด เพื่อหมุนธุรกิจได้ต่อเนื่อง 

สถานการณ์ที่เกิดขึ้นต้นปีนี้ ใครที่นึกว่าไตรมาสสุดท้ายปีที่แล้ว "ย่ำแย่" แล้ว ปีนี้ประเดิมไตรมาสแรก ดูจะแย่กว่าที่คุณเห็นซะอีก 

ข้อมูล ที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จัดทำออกมาเมื่อเร็ว ๆ นี้ ระบุชัดว่าไตรมาส 4/56 เศรษฐกิจไม่เติบโตเลย คือ อยู่ที่ระดับ 0% เมื่อเทียบกับไตรมาส 4/55 ที่เศรษฐกิจขยายตัวสูงผิดปกติจากนโยบายประชานิยมฟุ่มเฟือยด้วยรถคันแรก ลดภาษี 100,000 บาท/คัน และการรับจำนำข้าวที่ตอนนั้นยังมีเงินจ่ายชาวนา การเอาเงินยัดมือชาวนาให้ใช้จ่ายอู้ฟู่เพื่อโหมยอดบริโภคให้ฟุ่มเฟือย จึงเป็นวิบากกรรมของรัฐบาล "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" ที่กำลังเผชิญปัญหาใหญ่อยู่ในปี 2556 มาจนถึงปีนี้

โดย เริ่มต้นเดือนมกราคม 2557 อุณหภูมิการเมืองไทยที่ร้อนพุ่งปรี๊ด เมื่อมีการยกระดับชุมนุม "ชัตดาวน์กรุงเทพฯ" หยุดการทำงานของข้าราชการ เพื่อไม่ให้สนับสนุนการทำงานของรัฐบาลรักษาการชุดนี้ กิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยเฉพาะในกรุงเทพฯจึงดูซบเซาลงไปอีก โดยเฉพาะกลไกขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจของภาครัฐทั้งการบริโภคและลงทุน ตกอยู่ในอาการพิกลพิการ ขณะที่ภาคเอกชนปรับแผนลดการลงทุนกันเป็นแถว การใช้จ่ายรัดเข็มขัดเต็มที่ ยิ่งทำให้การใช้จ่ายบริโภคของประชาชนหดตัวลงตามไปอีก ขณะที่ความหวังพึ่งการส่งออกก็ไปไม่ถึงฝันเสียแล้วเฉพาะไตรมาสแรกนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรฯคาดจีดีพีไตรมาสแรกนี้มีสิทธิ์ติดลบ 0.6% เทียบกับไตรมาส 4/56 ปีนี้ถือเป็นปีแห่งรัฐบาล "ฝีแตก" นโยบายต่าง ๆ ที่ทำไว้จะปะทุอออกมาให้เห็นความล้มเหลว

ที่ เห็น ๆ เวลานี้ รัฐบาลชุดนี้ไม่สามารถจัดหาเงินมาจ่ายค่ารับจำนำข้าวให้แก่ชาวนาที่แห่แหน กันปลูกข้าวเพื่อหวังขายให้รัฐบาลในราคาที่สูงกว่าราคาตลาด รัฐบาลติดหนี้ชาวนาสูง 1.2 แสนล้านบาท สิ่งที่รัฐบาลมุ่งมั่นทำ คือ ตะแบงเสียงขอสถาบันการเงินหรือธนาคารของรัฐ ให้ปล่อยเงินกู้มาจ่ายชาวนา ! 

ทั้ง ๆ ที่รู้ว่า "ทำไปรังแต่จะยิ่งเกิดความเสียหายหนักขึ้นไปอีก" เพราะเมื่อใดที่ธนาคารหรือแบงก์นั้นมีการปล่อยกู้ที่เสี่ยงต่อฐานะการเงิน ของแบงก์นั้น จะยิ่งทำให้ความน่าเชื่อถือลดวูบทันที ผลที่จะเกิดตามมา ประชาชนผู้ฝากเงินจะแห่ถอนเงินฝากกับแบงก์นั้น ๆ ทันทีเช่นกัน หากเกิดเช่นนั้นจริง เวลานี้เครดิตของรัฐบาลชุดนี้จะยิ่งไม่เหลืออะไรเลย

รัฐบาลชุดนี้ได้สร้างผลงานชิ้นโบดำไว้ไม่น้อย ตราบาปใหญ่ ๆ ที่ฉาวโฉ่ อย่าง "โครงการรับจำนำข้าว" ที่รัฐบาลชุดนี้ล้มเหลวและทำผิดครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์ไทย และ "ลากประเทศไทยตกหลุมดำของความหายนะ" เพราะทำให้เห็นภาพชัดเจนว่าประเทศไทยเสียแชมป์ในการส่งออกข้าวสู่ต่างประเทศ และถูกประเทศเพื่อนบ้านอย่างเวียดนามแซงหน้าไปแล้ว 

อีกตราบาปที่ฉาวกระฉ่อนไปทั่วโลก เพราะมีกลิ่นคละคลุ้งคาวเลือดเกิดขึ้นจากการปะทะกลุ่มผู้ชุมนุม กปปส. กับฝ่ายแดง
ก่อน "วันเลือกตั้ง" 1 วัน เป็นการยิงด้วยอาวุธร้ายแรงด้วยรูปลักษณ์ "ปืนถุงปุ๋ย" อย่างอุกอาจอย่างไม่แคร์ตำรวจที่ใส่เครื่องแบบอยู่บริเวณนั้น 

นี่ คือ ผลที่เกิดขึ้นจากการตัดสินใจของรัฐบาลที่ยืนยันจะต้องจัดให้มีการเลือกตั้ง วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 ให้ได้ ซึ่งมีการใช้งบประมาณกว่า 3.8 พันล้านบาททีเดียว หากเทียบเม็ดเงินส่วนนี้ เอามาจ่ายหนี้ชาวนา ก็ช่วยชาวนาได้ไม่น้อยทีเดียว 

แต่ รัฐบาลรักษาการ "ยิ่งลักษณ์" ชุดนี้"กลับสายตาสั้น" มองไม่เห็นภาพตรงหน้าว่าม็อบชาวนาที่เดือดร้อนรวมตัวมายืนประท้วงขอเงินคืน อยู่จำนวนมหาศาล 

ภาพลักษณ์การบริหารของรัฐบาลชุดนี้ล้วนนำมาซึ่งกระแสข่าวสารที่ปรากฏแต่ ปัญหามะเร็งการเมือง ลากเศรษฐกิจตกต่ำ ความขัดแย้งแบ่งฝ่ายที่เกิดความเกลียดชังรุนแรงขึ้นในหมู่คนไทยด้วยกัน โดยเฉพาะในโลกโซเชียลเน็ตเวิร์ก 

ก็ เป็นคำถามหนึ่งของผู้เขียนเกิดขึ้นในความคิด ว่าชีวิตของคนคนหนึ่งมุ่งมั่นกำอำนาจไว้ในมือ แล้วที่สุดของใจ มีความสุขเพียงใดหรือ ? หรือเห็นว่าการอยู่ใต้ลมปีก

"อำนาจการเมือง" จะทำให้ชีวิต "นายกฯ" สงบสุขได้จริงหรือ ? 

หากวัด KPI ของคนบริหารประเทศ "เครดิตรัฐบาลติดลบ" แล้วเครดิตคนในรัฐบาลจะเหลืออะไรอีก


สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน

Tags : รัฐบาล เครดิตติดลบ

view