สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

ชำแหละ-ระเบิดสังหาร-ป่วนกรุง-ถล่มม็อบ

จาก โพสต์ทูเดย์

โดย....อินทรชัย พานิชกุล

ทุกครั้งที่เสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว นั่นหมายถึงเลือดและชีวิตของผู้บริสุทธิ์ได้ถูกสังเวยอีกครั้งจากเหตุการณ์ความรุนแรงทางการเมือง ที่ถูกก่อขึ้นโดยคนร้ายที่หลบอยู่ในเงามืด

ตั้งแต่ถนนบรรทัดทอง หลักสี่ ผ่านฟ้า ตราด มาจนถึงราชประสงค์ ไม่มีใครรู้ได้ว่าขบวนรถไฟสายมรณะสายนี้จะไปหยุดที่สถานีใดเป็นแห่งต่อไป

พ.ต.อ.กำธร อุ่ยเจริญ ผู้กำกับการกลุ่มงานเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ กองบัญชาการตำรวจนครบาล (อีโอดี) วิเคราะห์ว่า หากสถานการณ์ความรุนแรงยังคงดำเนินต่อไปเช่นนี้ ระเบิดสังหารจะถูกนำมาใช้งานอยู่เรื่อยๆไม่มีที่สิ้นสุด

"ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการเก็บกู้วัตถุระเบิดมาสามสิบปี คนธรรมดาทั่วไปจู่ๆจะมาดึงสลัก ขว้าง หรือยิงระเบิด ถ้าไม่รู้กลไกการทำงานเขาไม่กล้าหรอก เพราะเสี่ยงมาก คนใช้ไม่เป็นตายไปก็มีเยอะ ไปดูที่เกิดเหตุนี่จะรู้เลย ผมมองว่าผู้ก่อเหตุขว้างระเบิด หรือใช้เครื่องยิงระเบิด ไม่จำเป็นต้องเป็นทหาร หรือตำรวจเท่านั้น คนที่เคยฝึก ทดลอง หรือมีประสบการณ์ใช้งานมาก่อนอย่างน้อย 1-2 ครั้งก็ทำได้แล้ว แต่เป็นไปได้ว่าอาจมีคนมีสีคอยสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง"

ระเบิดสังหาร4ชนิดถูกใช้ป่วนเมือง

ที่ผ่านมา มีการใช้ระเบิดสังหารในการก่อเหตุทั้งหมดหลายชนิด ทั้งลูกระเบิดขว้างสังหารอย่าง RGD-5 จำนวน 4 ครั้ง ที่ถนนบรรทัดทอง ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาซาฟารีเวิลด์ อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ และเวทีกปปส.ระยอง ระเบิดขว้างสังหารชนิด M26 ที่ตลาดยิ่งเจริญ อ.เขาสมิง จ.ตราด ระเบิดขว้างสังหารชนิด M67 ที่แยกผ่านฟ้า วังสวนผักกาด และเครื่องยิงระเบิดชนิด M79 อีก 8 ครั้ง ที่ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ ห้าแยกลาดพร้าว ศาลอาญา ศาลแพ่ง สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส บิ๊กซี สาขาราชดำริ และใกล้พรรคประชาธิปัตย์

มือเก็บกู้วัตถุระเบิดจากหน่วยอีโอดี แจกแจงรายละเอียดแต่ละชนิดให้ฟังดังนี้

RGD-5 ลูกระเบิดขว้างสังหาร นิยมใช้กันในกลุ่มประเทศสหภาพโซเวียต มีรัศมีการทำลาย 5 เมตร

M26 และ M67 เป็นระเบิดมือที่ผลิตในสหรัฐอเมริกา ระเบิดสองชนิดนี้มีรูปทรงแตกต่างกันไป บ้างก็กลมเลี้ยงคล้ายผลส้ม บ้างก็เหมือนผลน้อยหน่า เวลาจะขว้างต้องจับให้แน่น ดึงสลักออก แล้วโยน เมื่อกระเดื่องถูกดีดออก จะมีระยะหน่วงเวลาประมาณ 4-5 วินาที ก็จะระเบิดขึ้น รัศมีการทำลาย 20 เมตร ถือว่าร้ายแรงที่สุดในบรรดาระเบิดมือสังหารที่ถูกใช้ในช่วงเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมืองในรอบ 3 เดือนที่ผ่านมา

M79 เป็นชื่อเรียกของเครื่องยิงลูกระเบิดขนาด 40 มม. ลูกระเบิดชนิดนี้มีทั้งแบบหัวระเบิดและแบบเจาะเกราะสามารถทะลุเหล็กหนา 2 นิ้วได้ วิธีการยิงมีสองแบบคือยิงจากเครื่องยิงชนิดM79 และยิงจากลำกล้องM203 ที่ติดกับปืนM16 ลูกระเบิดจะทำงานเมื่อพ้นจากปากลำกล้องไป 18-35 เมตร ระยะหวังผล 400 เมตร แต่ไม่ค่อยแม่นยำ นิยมใช้กันเพราะไม่ต้องขว้าง ไปได้ไกล เมื่อกระทบเป้าจะระเบิดทันที รัศมีทำลาย 5 เมตร

นอกจากนี้ยังมีระเบิดมือที่ถูกใช้อีกหลายชนิดที่ยังไม่ปรากฏอยู่บนหน้าหนังสือพิมพ์ในการชุมนุมทางการเมืองครั้งนี้ อาทิ ระเบิดขว้างสังหาร MK2 ระเบิดขว้างสังหาร B40 ระเบิดขว้างสังหาร K75 จนถึงเครื่องยิงระเบิดที่มีอานุภาพทำลายล้างสูงสุดอย่าง RPG และระเบิดแสวงเครื่อง ซึ่งเป็นระเบิดประกอบเองที่นิยมก่อเหตุในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้

"เมื่อเกิดเหตุระเบิดขึ้นหนึ่งครั้ง จะมีทั้งคลื่นการระเบิด แรงอัดจากการระเบิด ความร้อน และสะเก็ดระเบิด แรงระเบิดจะพุ่งไปทุกทิศทุกทาง 360 องศา แต่บางครั้งการที่จะพุ่งขึ้นเป็นมุม 45 องศาก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่นของที่เกิดเหตุ เช่น พื้นคอนกรีต พื้นแอสฟัลต์ พื้นยางมะตอย ผนัง กำแพง เหล่านี้ทำให้แรงอัดและสะเก็ดระเบิดสามารถเปลี่ยนทิศทางได้"

หลบอย่างไรให้รอด?

วิธีหลบลูกระเบิดขว้าง ต้องตั้งสติ แล้วหาที่กำบัง ถ้าไม่ทัน สิ่งที่ดีที่สุดคือการหมอบให้ต่ำที่สุด หมอบให้ห่างจากระเบิดอย่างน้อย 3 เมตร เพราะในทางวิชาการรัศมี 3 เมตรจากจุดระเบิดถือเป็นจุดตาย ออกมาให้ไกลที่สุดแล้วเอาส่วนที่หนาที่สุดของร่างกายอย่างบั้นท้ายบัง อาจจะได้รับบาดเจ็บแต่ไม่ถึงตาย ไม่ควรวิ่ง เพราะอาจโดนสะเก็ดระเบิดเข้าจุดสำคัญได้

ขณะที่ M79 ซึ่งเป็นเครื่องยิง จึงป้องกันได้ยาก เพราะไม่รู้ว่าจะตกตรงไหน เมื่อตกลงพื้นที่จะระเบิดทันที ถ้าให้ดีควรอยู่ในอาคาร อยู่ในที่กำบัง ถ้าอยู่ในที่โล่งแจ้งอาจโดนสะเก็ดระเบิด

พ.ต.อ.กำธร กล่าวอีกว่า กรณีตำรวจเตะระเบิด เขาเตะไม่โดน เพราะในที่เกิดเหตุพบหลุมระเบิดห่างจากจุดตั้งแนวโล่ป้องกัน 1 เมตร ถ้าเตะโดนจริงๆขาจะขาด

"ประเด็นที่ถกเถียงกันเรื่องระเบิดมาจากฝั่งตำรวจโยนไปกระทบเต็นท์ ผมว่าเป็นไปได้ยาก เพราะระเบิดเป็นลูกเหล็ก ไม่มีแรงกระเด้งเหมือนลูกปิงปอง เมื่อโดนเต็นท์โอกาสที่จะหนืดมีสูง ไม่น่าจะกระเด้งกลับมาได้"พ.ต.อ.กำธร กล่าว

ผ่าเส้นทางระเบิดจากคลังแสงเล็ดรอดสู่ตลาดมืด

สำหรับที่มาเส้นทางของระเบิด พ.ต.อ.กำธร เปิดเผยว่า ระเบิดชนิด M26 M67 และ M79 มีใช้ในราชการทหาร-ตำรวจ ส่วนชนิด RGD-5 เป็นระเบิดที่สามารถหาได้ตามแนวชายแดนไทยกัมพูชา

"ระเบิดชนิด M79 M26 M67 ที่มีใช้ในราชการส่วนใหญ่ก็เล็ดรอดออกมาจากคลังแสง เช่นในการฝึก แม้จะมีการควบคุม ทว่าบางครั้งแทงยอดว่าฝึก 200 ลูก ฝึกจริง 150 ลูก ส่วนที่เหลือก็อาจนำไปขายหรือใช้ก่อเหตุ ส่วน RGD-5 นิยมค้าขายในตลาดมืดตามแนวชายแดนกัมพูชา ลูกละ 400-500 บาท ระเบิดทั้งหมดยากที่จะตรวจสอบที่มาที่ไป เพราะมักจะถูกขูด Serial number ออก เพื่อลบร่องรอยป้องกันการติดตาม" เจ้าหน้าที่หน่วยอีโอดีตั้งข้อสังเกต

ในส่วนของขั้นตอนการทำงานลงพื้นที่ของหน่วยเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด จะเริ่มต้นจากเมื่อเกิดเหตุระเบิดขึ้น ขั้นแรกพนักงานสอบสวนจะไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ โทรแจ้งหน่วยอีโอดีและกองพิสูจน์หลักฐาน จากนั้นก็จะเตรียมอุปกรณ์ตรวจสอบ และอุปกรณ์กู้ระเบิด เช่น ชุดนิรภัย เครื่องตัดสัญญาณ ปืนแรงดันน้ำยิงตัดวงจรระเบิด ก่อนจะเดินทางลงพื้นที่โดยเร็วที่สุด

"เราต้องสอบถามรายละเอียดให้มากที่สุด เวลาเกิดเหตุ สภาพพื้นที่ ร่องรอยความเสียหาย ลักษณะของวัตถุต้องสงสัย ชุดปฏิบัติการมีทีมละ 5 คน ไม่นับสุนัขตำรวจ บางทีการเข้าไปพื้นที่ นอกจากไปตรวจที่เกิดเหตุ ไปเก็บกู้ซาก เราต้องไปเคลียร์พื้นที่รอบๆด้วยว่ามีลูกที่สอง สามหรือไม่ สอบถามพยานในที่เกิดเหตุ ดูวิถีการขว้าง ปิดพื้นที่โดยรอบกันประชาชนออกไป ตรวจเสร็จแล้วต้องเอ็กซเรย์ว่าของจริงของปลอม ต้องทำลาย หรือกู้เก็บ แล้วรายงานผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้น"

สังเกต-ป้องกันตัวเพื่อความปลอดภัย

พ.ต.อ.กำธร กล่าวว่าระเบิดก็คือระเบิด เรารู้จักระเบิดทุกชนิด แต่ระเบิดไม่รู้จักเรา และไม่รู้จักใครทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นมันพร้อมจะระเบิดได้กับทุกคน ทุกเมื่อ

คำแนะนำสำหรับการปกป้องตัวเองให้พ้นจากระเบิด ไม่ว่าจะเป็นผู้ชุมนุม หรือผู้ที่สัญจรผ่านไปยังพื้นที่การชุมนุม หมั่นเป็นคนช่างสังเกต ตื่นตัวอยู่เสมอ คอยมองรอบตัวเราว่าสิ่งแปลกปลอมไหม มีอะไรผิดปกติไหม มีกล้องถ่ายรูปก็ถ่ายไว้ ติดตามข้อมูลข่าวสารด้วย เพราะช่วงนี้เหตุรุนแรงเยอะ ที่ไหนควรหลีกเลี่ยง

"เวลาเกิดเหตุอะไรขึ้น ถอยให้ห่างจากจุดคับขัน เช่นในหมู่คนเอะอะโวยวาย หรือมีการปะทะกัน หากเจอวัตถุต้องสงสัย อย่าทำตัวอยากรู้อยากเห็น จงแจ้งเจ้าหน้าที่หรือการ์ดให้ทราบโดยด่วน สำหรับจุดเสี่ยงที่จะเกิดการขว้างระเบิด หรือยิงระเบิด ผมมองว่าคนขว้างมักจะไปอยู่จุดซ่อน มุมอับ มุมตึก จุดที่เหมาะสำหรับการก่อเหตุ ฉะนั้นควรออกมาให้ห่างรัศมี 20 เมตรของจุดเหล่านี้"

ที่ผ่านมา มีเหตุระเบิดเกิดขึ้นทั้งกลางวันและกลางคืน แต่หลัง 16.00-17.00 ไปจนถึง 22.00 ซึ่งเป็นช่วงที่คนเยอะถือเป็นช่วงที่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ

ทั้งหมดนี่คือคำแนะนำจากมืออาชีพผู้เชี่ยวชาญด้านการเก็บกู้วัตถุระเบิด พ.ต.อ.กำธร อุ่ยเจริญ มือหนึ่งของหน่วยอีโอดี


สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน

Tags : ชำแหละ ระเบิดสังหาร ป่วนกรุง ถล่มม็อบ

view