จาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

วิถีเอ็ม79กับการชุมนุมทางการเมือง จากนปช.ถึงกปปส.189วัน ยิงกัน136ลูก

การประกาศคืนเส้นทางจราจรและยุบเวทีปราศรัยมาอยู่ที่สวนลุมเพียงแห่งเดียวของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) เมื่อค่ำวันที่ 28 ก.พ.ที่ผ่านมานั้น ก่อให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงสาเหตุของคำประกาศที่สร้างเสียงฮือฮาไปทั่วประเทศ ในครั้งนี้ไปต่างๆนานา

แม้ว่าเหตุผลที่ประกาศอย่างเป็นทางการคือเรื่องการคืนพื้นที่จราจรแต่ก็เชื่อว่าลึกๆแล้วสาเหตุสำคัญประการหนึ่งที่ กปปส.นำมาประกอบการตัดสินใจปรับเปลี่ยนการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ หลังจากปฏิบัติการ "ปิดกรุงเทพฯ" มาเป็นเวลา 47 วันในครั้งนี้ น่าจะมาจากกระแสการใช้ "ความรุนแรง" ทั้งจากกลุ่มบุคคลไม่ทราบฝ่ายซึ่งในระยะหลังๆมีความถี่ในการก่อเหตุบ่อยครั้งขึ้น อีกทั้งยังมีความเคลื่อนไหวของมวลชนฝ่ายตรงข้ามที่ออกมาเคลื่อนไหวมากขึ้่นด้วย

หลักฐานที่ยืนยันกระแสดังกล่าวได้เป็นอย่างดีคือคำปราศรัยช่วงหนึ่งของนายสุเทพเมื่อไม่นานมานี้ที่ว่า "ถ้าพวกคุณยกทัพมากรุงเทพฯ ผมก็จะพาพี่น้องกลับบ้าน"

สำทับด้วยท่าทีของ พล.อ.ประยุทธ จันทรโอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ที่สั่งกำลังพลลงพื้นที่กรุงเทพฯ เพิ่มเติมอีก 56 กองร้อย พร้อมวางบังเกอร์ เพิ่มจุดตรวจ จุดลาดตระเวนจาก 29 จุดเป็น 176 จุด หลังกลุ่มคนร้ายใช้อาวุธสงครามร้ายแรงก่อเหตุในบริเวณที่ชุมนุม กปปส.แยกราชประสงค์ และกปปส.จ.ตราดจนทำให้เด็กผู้บริสุทธิ์ต้องสังเวยชีวิตไปถึง 4 คน

ทว่าในห้วงสัปดาห์ที่ผ่านมา สถานการณ์การก่อเหตุก็ยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องทั้งการยิงเอ็ม79 ใส่พื้นที่การชุมนุม กปปส.ถนนแจ้งวัฒนะ และที่เป็นการส่งสัญญาณอันน่าสพรึงกลัวคือการวางระเบิดแสวงเครื่องโดยใช้ซีโฟร์กับถังดับเพลิงบริเวณแยกสนามบินน้ำ จ.นนทบุรี ใกล้กับพื้นที่การชุมนุมของกลุ่มสื่อวิทยุประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (กวป.) ของกลุ่มคนเสื้อแดงที่ชุมนุมอยู่หน้าสำนักงานคณะป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)

หากย้อนรอยการก่อเหตุรุนแรงในช่วงการชุมนุมของกลุ่ม กปปส. ตั้งแต่วันที่ 30 ต.ค.2556 จนถึงปัจจุบันนั้นจะพบว่า ตลอดระยะเวลา 122 วันของการชุมนุมนั้นมีการก่อเหตุรุนแรงด้วยระเบิดหลายชนิด ได้แก่ เอ็ม79 จำนวน 12 ลูก ในจำนวนนี้ยิงใส่ที่ชุมนุม 4 ครั้ง ระเบิดขว้างสังหารชนิด อาร์จีดี-5 จำนวน 5 ลูก ในจำนวนนี้ถูกขว้างใส่ที่ชุมนุม 3 ครั้ง

ระเบิดขว้างสังหารชนิด เอ็ม26 จำนวน 5 ลูก ในจำนวนนี้ถูกขว้างใส่ที่ชุมนุม 1 ครั้ง ระเบิดขว้างสังหารชนิด เอ็ม67 จำนวน 2 ลูก ระเบิดไปป์บอมบ์ จำนวน 1 ลูก และล่าสุดระเบิดแสวงเครื่องทำจากซีโฟร์ใส่ถังดับเพลิง จำนวน 1 ลูก

จากสถิติการก่อเหตุด้วยระเบิดดังกล่าวจะเห็นว่า ระเบิดที่คนร้ายนำมาใช้มากที่สุด คือ "เอ็ม79"

ผลกระทบจากความร้ายแรงของระเบิดชนิดนี้ซึ่งเมื่อไม่นานมานี้ทำให้เด็กสองพี่น้องเสียชีวิตที่หน้าห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี สาขาราชดำริ บริเวณที่ชุมนุม กปปส.แยกราชประสงค์ทำให้ทั้งทหารและตำรวจไม่อาจอยู่เฉยได้อีกต่อไป ฝั่งทหารระดมกำลัง เพิ่มจุดตรวจ ขณะที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติสั่งตั้งชุดเฉพาะกิจพิเศษขึ้นมาดูแลคดีคนร้ายใช้อาวุธชนิดเป็นการเฉพาะ

แต่เพราะเหตุใดกลุ่มคนร้ายจึงเลือกใช้อาวุธชนิดนี้ในการก่อเหตุนั้น อดีตนายทหารผู้คร่ำหวอดเรื่องอาวุธยุทโธปกรณ์ และนายตำรวจยศพันตำรวจเอก ระดับผู้กำกับการซึ่งเคยรับผิดชอบคุมกำลังหน่วยปฏิบัติการพิเศษหน่วยหนึ่งของสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้วิเคราะห์การใช้อาวุธชนิดนี้ รวมทั้งตั้งข้อสังเกตถึงที่มาของอาวุธทั้งที่เป็นเครื่องยิงและลูกระเบิดไว้อย่างน่าสนใจ

อดีตนายทหารยศพันตรีจากกองทัพบกซึ่งคลุกคลีอยู่กับอาวุธสงคราม และอุปกรณ์ทางการทหาร กล่าวว่า จริงๆแล้วที่นิยมเรียกกันว่าเอ็ม79 นั้นไม่ใช่ชื่อเรียกระเบิดแต่เป็นชื่อเรียกเครื่องยิงลูกระเบิดเอ็ม79 ส่วนลูกระเบิดที่ใช้กับเครื่องยิงชนิดนี้คือ ลูกระเบิดขนาด 40 มิลลิเมตรซึ่งลูกระเบิดชนิดนี้ก็ยังแยกย่อยได้อีกหลายประเภท ทั้งลูกระเบิดแบบธรรมดา แบบเจาะเกราะ ลูกปราย ควัน และส่องสว่าง

ในทางยุทธวิธีทหารนั้นเรียกปืนชนิดนี้ว่า เครื่องยิงลูกระเบิดเอ็ม79 หรือรหัสทางทหารคือ ค.เอ็ม79

สถิติระเบิดช่วงการชุมนุมเปรียบเทียบปี 2553 กับปัจจุบัน โดย นปช. 67 วัน กรุงเทพฯ และเชียงใหม่ 12 มี.ค.-19 พ.ค.53 ลูกระเบิดขนาด 40 มม. จำนวน 124 ลูก ทั้งนี้เฉพาะวันที่ 13-17 พ.ค.2553 รวม 5 วันมีการยิงลูกระเบิดชนิดนี้ถึง 56 ลูก ยิงระเบิดอาร์พีจี จำนวน 2 ลูก ไม่ทราบชนิด/ประทัดยักษ์ จำนวน 25 ลูก ระเบิดแสวงเครื่องหรือไปป์บอมบ์ 9 ลูก ยิงปืนใส่สถานที่ 4 แห่ง เอ็ม67 จำนวน 14 ลูก เค75 จำนวน 2 ลูก เอ็ม26 จำนวน 3 ลูก ระเบิดเพลิง จำนวน 2 ขวด ระเบิด82-2จีน จำนวน 1 ลูก

สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน