จาก โพสต์ทูเดย์

โดย...ทีมข่าวการเมือง

“การปฏิรูปประเทศไทย” วาทกรรมนี้กำลังเป็นที่พูดถึงกันอย่างมากในสังคมไทย เพราะหลายฝ่ายต่างเห็นตรงกันว่าถึงเวลาแล้วที่ประเทศไทยควรได้รับการปฏิรูปอีกครั้ง หลังจากก่อนหน้านี้ได้ผ่านการปฏิรูปมาแล้ว 2 ครั้ง จนมีรัฐธรรมนูญ 2540 และรัฐธรรมนูญ 2550

หนึ่งในปัญหาที่เห็นตรงกันว่าควรได้รับการ|ปฏิรูปอย่างเร่งด่วน คือ กลไกการแก้ไขปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่น เนื่องจากกฎหมายที่เกี่ยวข้องในปัจจุบันยังไม่สามารถจัดการกับปัญหาดังกล่าวได้อย่างมีประสิทธิภาพมากนัก ดังจะเห็นได้จากปรากฏการณ์การเกิดการทุจริตเชิงนโยบาย

วิชา มหาคุณ กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มองถึงปัญหาที่เกิดขึ้นว่า หัวใจหลักอยู่ที่เรื่องคุณธรรมและจริยธรรม ถ้าสามารถสร้างเกราะป้องกันนี้ได้ตั้งแต่ต้นปัญหาก็จะไม่ลุกลามบานปลาย เรียกได้ว่าเป็นการตัดไฟตั้งแต่ต้นลม

“เวลานี้ประชาชนได้เกิดการตื่นตัวทางการเมืองเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะการเล็งเห็นถึงปัญหาของการทุจริตคอร์รัปชั่น จึงคิดว่าหาก ป.ป.ช.ได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการปลูกฝังความคิดด้านคุณธรรม จริยธรรม จะช่วยสามารถแก้ไขปัญหานี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา”กรรมการ ป.ป.ช. กล่าว

ส่วนการแก้ไขปัญหาทุจริตโดยใช้กฎหมายนั้น วิชา อธิบายว่า เห็นด้วยกับการแก้ไขกฎหมายเพื่อเลิกการนับอายุความในคดีการทุจริตคอร์รัปชั่น เพราะจะช่วยให้คนทุจริตไม่กล้ากระทำความผิดมากขึ้นไม่มากก็น้อย

ขณะเดียวกัน เห็นว่าควรมีกฎหมายเพื่อให้การทำงานระหว่างองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญได้มีการสอดประสานกันมากขึ้น จากเดิมที่ยังไม่มีความเข้มแข็งเท่าที่ควร

กรรมการ ป.ป.ช.ท่านนี้ ขยายความว่า ปัจจุบันการทำงานร่วมกันระหว่างองค์กรยังเป็นรูปแบบการประสานงานภายในเสียเป็นส่วนใหญ่ ทำให้การพิจารณาบางกรณีล่าช้า ดังนั้น คิดว่าควรมีกฎหมายเพื่อแก้ไขปัญหาตรงนี้ เช่น ให้ ป.ป.ช.สามารถเข้าไปเป็นเจ้าพนักงานร่วมไต่สวนกับองค์กรอื่นๆ ได้ ซึ่งจะช่วยให้การปราบปรามการทุจริตเป็นไปได้อย่างรวดเร็ว

“ปัจจุบัน ป.ป.ช.ทำได้เพียงแค่รอให้หน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งที่ไม่มีอำนาจในการเอาผิดกับผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและข้าราชการระดับสูงส่งเรื่องเข้ามาเท่านั้น ซึ่งการทำงานในลักษณะนี้ ส่งผลให้บางคดีต้องใช้เวลานานพอสมควร เพราะต้องเริ่มนับหนึ่งไต่สวนใหม่ตามกฎหมายและระเบียบของ ป.ป.ช. ถ้าหน่วยงานไหนที่ ป.ป.ช.มีความสัมพันธ์ที่ดีก็พอที่จะช่วยให้บางเรื่องดำเนินการได้รวดเร็ว แต่คิดว่าถ้ามีกฎหมายอย่างที่เสนอก็น่าจะเป็นประโยชน์ต่อการรักษาผลประโยชน์ของประชาชน ซึ่งในต่างประเทศได้มีการนำระบบลักษณะนี้มาใช้บ้างแล้ว จึงคิดว่าประเทศไทยควรนำมาประยุกต์ใช้บ้าง” กรรมการ ป.ป.ช.เสนอ

เพิ่มโทษ-ถอดถอนนักการเมืองขี้โกง

ป.ป.ช.ทำวิจัยร่วมกับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในปี 2555  พบว่าการทุจริตมีลักษณะจำเพาะได้แก่ การใช้อำนาจของรัฐบาลหรือของรัฐมนตรี เพื่อดำเนินนโยบายที่มีลักษณะแสวงหา เอื้อประโยชน์แก่บุคคล หรือมีการขัดกันของผลประโยชน์ ทำให้ฝ่ายบริหาร ญาติพี่น้องหรือพรรคพวก ได้ประโยชน์จากการดำเนินการดังกล่าว

งานวิจัยมีข้อเสนอแนะแก้ไขปัญหาทุจริต 2 แนวทาง ประกอบด้วย

1.การแก้ไขกฎหมายเพื่อเพิ่มบทบัญญัติลงโทษให้มีความรุนแรงมากขึ้น ด้วยการกำหนดให้มีบทบัญญัติที่เป็นความผิดสำหรับผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเพิ่มเติมในกฎหมายป.ป.ช.ว่า รัฐมนตรีผู้ใดกระทำการแสวงหาประโยชน์ เอื้อประโยชน์ หรือมีลักษณะเป็นการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนตัวกับผลประโยชน์ส่วนรวม ในการเสนอโครงการ อันเป็นผลให้ตนเองหรือบุคคลอื่นได้ประโยชน์ หรือทำให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ ให้ถือว่าผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ

2.กำหนดบทลงโทษเกี่ยวกับความผิดทางจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เช่น การแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อเพิ่มถ้อยคำว่า หากคณะรัฐมนตรีดำเนินการขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย รัฐมนตรี ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำดังกล่าว ให้ถือว่าเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐาน ทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง และเป็นเหตุของการถอดถอนออกจากตำแหน่ง

สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน