จาก ASTVผู้จัดการออนไลน์
ยืน ยันความแกร่งธุรกิจครอบครัวเจ๋งกว่าธุรกิจอื่น แต่ยังเผชิญปัญหาการสืบทอดกิจการ พบรุ่นสองอยู่รอดเพียง 30% และไม่ถึง 1 %เหลือรอดไปถึงรุ่นสี่ เฮย์กรุ๊ปไขกลยุทธ์สร้างความยั่งยืน ชี้ต้องให้ความสำคัญกับ “Family Capital”และขับเคลื่อนด้วย 3 ปัจจัย “Heritage Capital-Kin Interaction Capital-Principled Capital” ปัจจุบันมีธุรกิจครอบครัวเป็นจำนวนมากเกิดขึ้นในประเทศไทย ธุรกิจครอบครัวมีสมาชิกในครอบครัวเป็นผู้สร้างและบริหารธุรกิจด้วยตนเอง บริษัท เฮย์กรุ๊ป ศึกษาข้อมูลหลากหลายแหล่งทำให้เห็นว่า องค์กรที่เป็นธุรกิจครอบครัวมีผลการดำเนินงานที่ดีกว่าองค์กรที่ไม่ใช่ ธุรกิจครอบครัว ทั้งในด้านของมูลค่าองค์กร ผลตอบแทนของการลงทุน และการเติบโตของรายได้ต่อปี อย่างไรก็ตาม ธุรกิจครอบครัวก็ยังคงมีปัญหาในด้านการสืบทอดธุรกิจจากรุ่นสู่รุ่น |
|||||
“เมื่อมีการสืบทอดธุรกิจครอบครัวจากรุ่นแรกไปสู่รุ่นที่สอง จะมีองค์กรเพียง 30 เปอร์เซนต์เท่านั้นที่สามารถดำรงธุรกิจให้อยู่รอดได้ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีผลการศึกษาชี้ให้เห็นว่า มีธุรกิจครอบครัวเพียงไม่ถึง 1 เปอร์เซนต์ ที่สามารถสืบทอดไปสู่รุ่นที่สี่ได้ องค์กรจึงพยายามสร้างระบบและนำผู้บริหารมืออาชีพเข้ามาช่วยดำเนินธุรกิจ เพื่อให้สามารถดำรงอยู่ได้อย่างยืนยาวและประสบความสำเร็จ” อย่างไรก็ตาม จากผลการศึกษาของเฮย์กรุ๊ปพบว่า การสร้างระบบและนำผู้บริหารมืออาชีพเข้ามาช่วยในการบริหารอาจไม่สามารถทำให้ ธุรกิจครอบครัวประสบความสำเร็จได้หากองค์กรไม่ให้ความสำคัญกับ “Family Capital” หรือ “ต้นทุนของครอบครัวที่ใช้ในการดำเนินธุรกิจ” ซึ่งหมายถึงความสัมพันธ์ ธรรมเนียม ค่านิยม สิทธิ์ และกฎเกณฑ์ของครอบครัว (Family relations, traditions, values, rights, and obligations) |
|||||
ส่วนธุรกิจรุ่นที่สาม องค์กรสามารถสร้างระบบที่ชัดเจนและมีผู้บริหารมืออาชีพเข้ามาช่วยดำเนิน ธุรกิจ แต่การสร้างระบบและการนำคนนอกมาบริหารก็อาจเป็นสิ่งที่ทำลาย Family Capital ได้ ดังนั้น องค์กรจึงต้องให้ความสำคัญในการบริหาร Family Capital เพื่อให้ธุรกิจสามารถคงอยู่และสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่นได้อย่างยั่งยืน |
|||||
สำหรับธุรกิจครอบครัวรุ่นแรก ควรให้ความสำคัญกับ “Heritage Capital” มากที่สุด นั่นคือความรู้ ความสัมพันธ์กับบุคคลภายนอก ชื่อเสียงครอบครัว และความเป็นเอกลักษณ์ของธุรกิจ เพราะทรัพยากรและข้อมูลที่มีความสำคัญต่างๆ ในรุ่นนี้จำเป็นต้องสืบต่อไปยังผู้สืบทอดรุ่นต่อไป ดังนั้น เพื่อบริหาร Heritage Capital เจ้าของธุรกิจรุ่นนี้ควรเก็บข้อมูลสำคัญต่างๆ ที่บางครั้งอาจมีความแตกต่างและไม่สามารถหาได้จากแหล่งข้อมูลทั่วไป รวมถึงสร้างความสัมพันธ์กับบุคคลภายนอกเพื่อต่อยอดทางธุรกิจ และเก็บข้อมูลประวัติขององค์กรเพื่อสร้างความเป็นเอกลักษณ์ของธุรกิจด้วย Heritage Capital ยังเป็นสิ่งที่จำเป็นในธุรกิจครอบครัวรุ่นที่สองอยู่ แต่อย่างไรก็ตาม“Kin Interaction Capital” หรือ ระดับความแน่นแฟ้นด้านความสัมพันธ์ของครอบครัวซึ่งเป็นสิ่งที่จะช่วยให้ องค์กรสามารถใช้ทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ควรให้ความสำคัญด้วย สำหรับการบริหาร Heritage Capital เจ้าของธุรกิจรุ่นแรกต้องถ่ายทอดให้กับผู้สืบทอดโดยใช้ความรู้เฉพาะซึ่งได้ จากการเก็บข้อมูลอย่างเป็นระบบในรุ่นแรก และควรแนะนำผู้สืบทอดให้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในเครือข่ายความสัมพันธ์ทาง ธุรกิจ อีกทั้งควรสร้างประวัติข้อมูลองค์กรเพื่อให้สามารถแบ่งปันกับลูกค้าได้เช่น กัน |
|||||
การที่สมาชิกในครอบครัวเพิ่มขึ้นและมีความสัมพันธ์ซับซ้อนมากขึ้น ธุรกิจครอบครัวรุ่นที่สาม จำเป็นต้องให้ความสำคัญใน “Kin Interaction Capital” และ “Principled Capital” โดยในการบริหาร Kin Interaction Capital นักธุรกิจรุ่นนี้ควรจัดประชุมครอบครัวแบบเป็นทางการอย่างสม่ำเสมอ โดยบังคับให้สมาชิกในครอบครัวทุกคนเข้าประชุม นอกจากนี้ ยังต้องกำหนดกฎเกณฑ์ที่มาจากความคาดหวังและการมีส่วนร่วมในธุรกิจของสมาชิก ในครอบครัว |
|||||
เพื่อสร้างความสำเร็จให้ธุรกิจครอบครัวสามารถสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น ได้ องค์กรควรปรับเปลี่ยนแนวคิดด้วยการจัดลำดับความสำคัญโดยคำนึงถึงผลในระยะยาว และหาวิธีสร้างความเป็นมืออาชีพโดยไม่สูญเสียจิตวิญญาณและคุณค่าของความเป็น ธุรกิจครอบครัว “สำคัญมากที่เจ้าของธุรกิจครอบครัวจะรู้จักใช้ปัจจัยขับ เคลื่อนทางธุรกิจที่เหมาะสมในการดำเนินธุรกิจแต่ละรุ่น เพื่อให้องค์กรมีความเป็นทั้งมืออาชีพและมีความได้เปรียบทางธุรกิจ หากยังต้องการให้ธุรกิจดำรงอยู่ได้ในสภาพแวดล้อมที่มีการแข่งขันสูงเช่นทุก วันนี้” วันเฉลิมกล่าวทิ้งท้าย MnHrManagerOnline@gmail.com |
สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน