สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

คูปองทีวีดิจิตอลส่งกลิ่น ส่อเอื้อกล่องดาวเทียม

จาก ASTVผู้จัดการออนไลน์

ASTVผู้จัดการรายวัน – แฉกระบวนการแจกคูปองทีวีดิจิตอล ส่งกลิ่นทั้งมูลค่าที่สูงเกินจำเป็น และเงื่อนไขนำไปแลกซื้อ ส่อผิดเจตนารมณ์ เพราะเป็นช่องทางเอื้อประโยชน์กล่องทีวีดาวเทียมแทน ชี้มูลค่าคูปอง 1,200 บาททำเงินสะพัดหลายพันล้านบาททั้งส่วนต่างจากกล่องทีวีดิจิตอลที่รวม ทุกอย่างไม่น่าเกิน 1 พันบาทและกลุ่มทุนทีวีดาวเทียมที่หวังกระจายกล่องเข้าบ้านประชาชนจำนวนมาก หวังใช้เงินรัฐต่อยอดไปเปย์ทีวี
       
       แหล่งข่าวในวงการทีวีดิจิตอลกล่าวว่าคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและ กิจการโทรทัศน์ (กสท.) ที่มีพ.อ.นที ศุกลรัตน์ เป็นประธาน กำลังจะทำลายอุตสาหกรรมทีวีดิจิตอลด้วยมือตัวเอง เพื่อเอื้อประโยชน์เอกชนบางกลุ่ม ผ่านกระบวนการแจกคูปองมูลค่า 1,200 บาทให้ 22 ล้านครัวเรือนเพื่อนำไปแลกซื้ออุปกรณ์ที่ไม่จำกัดเฉพาะกล่องรับสัญญาณทีวี ดิจิตอลเท่านั้น แต่สามารถนำไปแลกกล่องรับสัญญาณทีวีดาวเทียมหรือนำไปเป็นส่วนลดในการซื้อ เครื่องทีวีที่สามารถรับสัญญาณทีวีดิจิตอลได้ โดย พ.อ.นทีกล่าวก่อนหน้านี้ว่าการแจกคูปองก็เหมือนการแจกเงินสดให้ประชาชน สามารถนำไปซื้ออะไรก็ได้ ไม่ว่ากล่องทีวีดิจิตอล กล่องทีวีดาวเทียม หรือ นำไปเป็นส่วนลดเครื่องทีวี พร้อมย้ำว่าเป็นกระบวนการโปร่งใสที่ตรวจสอบได้
       
       แต่คำว่าโปร่งใสในความหมาย พ.อ.นที คือ การกำหนดกระบวนการวิธีการที่หมกเม็ด แยบยล ส่อในทางเอื้อประโยชน์เอกชนบางกลุ่ม และบิดเบือนเจตนารมณ์แท้จริงที่จะสนับสนุนการรับชมทีวีดิจิตอล แล้วนำเข้าสู่การพิจารณาอนุมัติของคณะกรรมการ ซึ่งเมื่อปฎิบัติตามวิธีการที่ฉ้อฉลที่ผ่านการอนุมัติก็จะถือว่าโปร่งใส
       
       ดีแต่ว่าคณะกรรมการที่พิจารณาเรื่องนี้ไม่หลงกล และ ตีตกข้อเสนอของกสท. โดยคณะกรรมการกองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม เพื่อประโยชน์สาธารณะ (กทปส.) ภายใต้กสทช.ได้ประชุมเมื่อวันที่ 8 เม.ย.ที่ผ่านมาในการพิจารณาเรื่องมูลค่า และหลักเกณฑ์การแจกคูปองเงินเพื่อนำไปซื้ออุปกรณ์การรับชมทีวีดิจิตอล ได้มีมติตีกลับเรื่องที่กสท.เสนอมา เนื่องจากเห็นว่ามูลค่าคูปองจำนวนครัวเรือนละ 1,200 บาท ทำให้ต้องใช้งบประมาณโดยรวมราว 30,000 ล้านบาท ซึ่งยังไม่สอดคล้องกับรายรับจากค่าประมูลทีวีดิจิตอลที่นำไปอุดหนุนเป็นค่า คูปอง ซึ่งในงวดแรก กทปส.ได้รับมาราว 12,000 ล้านบาทเท่านั้น
       
       กทปส.ยังท้วงติงในประเด็นอื่นๆ อีก อาทิ วิธีการส่งมอบคูปองให้ถึงมือประชาชน ซึ่ง กสท.ได้เสนอมาเป็นวิธีการให้ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) เป็นผู้จัดส่งถึงบ้านเรือนประชาชนคนไทยทั้ง 22 ล้านครัวเรือน และให้ผู้จำหน่ายอุปกรณ์รับชมทีวีดิจิตอลสามารถนำคูปองดังกล่าวไปขึ้นเงิน ผ่านธนาคารกรุงไทย ซึ่งในหลักเกณฑ์การจัดส่ง และจัดทำคูปองเพื่อขึ้นเงินกับธนาคารไม่ได้พูดถึงแหล่งที่มาของค่าใช้จ่าย ทั้ง 2 ส่วน
       
        เอื้อประโยชน์ทีวีดาวเทียม
       
       แหล่งข่าวระบุว่ามูลค่าคูปองที่ กสท.เสนอให้แจก 1,200 บาทนั้น สูงเกินจริง และเป็นราคาเข้าใกล้กล่องรับสัญญาณทีวีดาวเทียมที่ปัจจุบันมีขายในท้องตลาด ที่ราคาประมาณ 1,400 -1,600 บาทเกินไป เพราะหากพิจารณาจากมูลค่าคูปองที่จะแจกตอนแรกเพียง 690 บาท โดยเป็นราคาเฉพาะกล่องรับสัญญาณทีวีดิจิตอลเท่านั้น แต่หากรวมเสาอากาศซึ่งปัจจุบันราคาแค่ 100 กว่าบาทหรือไม่เกิน 200 บาท ทำให้เห็นได้ชัดว่ามูลค่าคูปองอยู่ในระดับไม่เกิน 800-900 บาทเท่านั้น และเมื่อรวมกับค่าใช้จ่ายในส่วนของช่องทางจำหน่ายที่นำกล่องไปวางไม่ว่าจะ เป็นร้านสะดวกซื้อเซเว่นอีเลฟเว่น หรือ โมเดิร์นเทรดอย่างบิ๊กซี หรือโลตัส อาจทำให้มูลค่าคูปองเพิ่มขึ้นอีกส่วนหนึ่ง แต่มั่นใจได้ว่าไม่เกิน 1,000 บาทแน่นอน
       
       'จากคูปองที่ไม่ควรเกิน 1 พันบาท แต่กสท.กลับเสนอถึง 1,200 บาทแจก 22 ล้านครัวเรือน ส่วนต่างที่เกินมาอย่างน้อย 4 พันล้านบาท เข้ากระเป๋าใคร พร้อมเงื่อนไขที่เปิดให้ซื้ออะไรก็ได้ ลองคิดดูว่าใครจะได้ประโยชน์จากเงื่อนไขนี้'
       
       หากแจกคูปอง 1,200 บาทให้เลือกซื้ออะไรก็ได้ เท่ากับคนกำกับดูแลเรื่องนี้ได้ประโยชน์ 2 ทาง ด้านแรกได้ประโยชน์จากกล่องทีวีดิจิตอล ที่ต้นทุนกล่องพร้อมเสาสัญญาณต่ำกว่า 1,200 บาทมาก หากคิดต้นทุนที่ 1,000 บาท เท่ากับมีเงินเหลือหมุนเวียนแบ่งจ่ายกันกล่องละอย่างน้อย 200 บาททันที ด้านที่สองผลประโยชน์ที่จะเกิดกับกลุ่มทุนด้านทีวีดาวเทียม ที่ต้องพยายามเร่งให้กล่องดาวเทียมกระจายเข้าบ้านเรือนประชาชนจำนวนมาก ราคาที่ใกล้เคียงกับมูลค่าคูปองย่อมจูงใจผู้บริโภคส่วนหนึ่งให้แลกเป็นกล่อง ดาวเทียมแทน จากแรงจูงใจเรื่องคอนเทนต์ สาระ และรายการต่างๆ รวมทั้งเนื้อหาในลักษณะการเป็นเปย์ทีวี ซึ่งมีผู้ประกอบการหลายรายดำเนินการอยู่อย่างแกรมมี่ ซีทีเอช หรือ พีเอสไอ ซึ่งสามารถรับชมทีวีดิจิตอลยกเว้น 7 ช่องเอชดีได้ด้วย ตามกฎมัสต์แคร์รี่ของกสทช.เอง ซึ่งความพยามของทุนกลุ่มนี้ อาจเป็นที่มาของมูลค่าคูปองที่เพิ่มจาก 690 บาทเป็น 1,200 บาท และการเปิดเงื่อนไขอิสระในการใช้คูปองเลือกซื้ออะไรก็ได้
       
       แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือกสท.กำลังทำลายอีโคซิสเตมส์ในวงการทีวีดิจิตอล เพราะ 1.การแจกคูปองเพื่อแบ่งเบาภาระให้ผู้บริโภคในช่วงการเปลี่ยนผ่านระบบทีวี จากอนาล็อกเป็นดิจิตอล นั้น งบประมาณที่ใช้นำมาจากเงินที่ได้จากการประมูลทีวีดิจิตอล แต่การกำหนดมูลค่าคูปองที่สูงและสามารถนำไปแลกซื้อกล่องทีวีดาวเทียมได้ จึงไม่ตรงกับวัตถุประสงค์ในการส่งเสริมโครงข่ายทีวีภาคพื้นดิน และไม่เป็นธรรมกับผู้ประกอบการในธุรกิจทีวีดิจิตอลที่ต้องแบกรับต้นทุนจำนวน มหาศาล
       
       2.ทีวีดิจิตอลคือทีวีภาคพื้นดินที่ต้องใช้เงินลงทุนสูงในการติดตั้ง โครงข่าย ดังนั้น หากไม่สนับสนุนให้เกิดการกระจายเครื่องรับให้เข้าถึงผู้บริโภคอย่างกว้าง ขวางและจริงจัง การลงทุนในโครงข่ายดังกล่าวก็จะไม่เกิดความคุ้มค่าและไม่เป็นไปตามเจตนารมย์ ของรัฐในการสร้างประโยชน์ต่อสาธารณะ
       
       3.กสทช.ได้กำหนดมาตรฐานอย่างเข้มข้นในการรับรองกล่องทีวีดิจิตอลทั้ง คุณภาพการผลิต คุณลักษณะพิเศษเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้ โดยเฉพาะผู้พิการ ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีการกำหนดมาตรฐานบริการหลังการขายและรับประกันสินค้าถึง 3 ปี ในขณะที่กล่องดาวเทียมไม่ได้ถุกกำหนดให้ต้องอยู่ในกรอบมาตรฐานดังกล่าว ดังนั้นหากจะอนุญาตให้นำคูปปองไปใช้แลกกล่องทีวีดาวเทียม กล่องดังกล่าวควรจะต้องอยู่ในกรอบมาตรฐานเดียวกัน จึงจะเป็นธรรมและเป็นประโยชน์กับผู้บริโภคอย่างแม้จริงและ 4.กล่องทีวีดาวเทียมไม่สามารถรับชมสัญญาณช่องรายการทีวีชุมชขหรือทีวี สาธารณะได้
       
       แหล่งข่าวกล่าวว่า เงื่อนไขและมูลค่าคูปองตามแผนที่กสท.เสนอมา เป็นตัวบ่อนทำลายทีวีดิจิตอลอย่างเต็มรูปแบบ เพราะเมื่อกล่องดาวเทียมมีจำนวนมากขึ้น ก็ไม่มีความจำเป็นที่เจ้าของกล่องดาวเทียมที่มีใบอนุญาตทีวีดิจิตอลด้วย จะต้องเสียค่าเช่าโครงข่าย (MUX) รวมทั้งเป็นการต่อยอด เปิดช่องให้ให้เกิดเปย์ทีวี และเมื่อมีกล่องดาวเทียมจำนวนมากแล้ว ผู้ประกอบการนั้นๆ อาจทิ้งใบอนุญาตทีวีดิจิตอลภาคพื้นดินของกสท.ไปเพื่อไม่ต้องเสียค่า ธรรมเนียม 4% ของรายได้ในแต่ละปีไปก็ได้
       
       'เรียกได้ว่ากำลังยืมมือกสท. ใช้เงินรัฐมาต่อยอดทีวีดาวเทียมไปสู่เปย์ทีวีเต็มรูปแบบ ทั้งๆที่ทีวีดิจิตอลเป็นทีวีภาคพื้นดิน ใช้เสาอากาศก้างปลา หนวดกุ้งเท่านั้น และผู้ประกอบการด้านกล่องทีวีดิจิตอลมีจำนวนมาก ย่อมแข่งขันกันรุนแรง ไม่จำเป็นต้องตั้งมูลค่าคูปองสูง แต่กลับเปิดช่องเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มผู้ค้ากล่องดาวเทียมที่มีรายใหญ่แค่ 2-3 รายเท่านั้น'
       
       สำหรับขั้นตอนต่อไป บอร์ด กสท.ของ พ.อ.นที ศุกลรัตน์จะพิจารณาในเรื่องมูลค่าคูปอง และหลักเกณฑ์การแจกคูปองเงินอีกครั้งในวันที่ 17 เม.ย.ที่จะถึงนี้ ซึ่งต้องดูว่าท้ายสุดแล้ว พ.อ.นทีจะเข้าใจซึ้งถึงเจตนารมย์การสนับสนุนทีวีดิจิตอลสำหรับภาคประชาชน อย่างแท้จริงหรือไม่


สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน

Tags : คูปองทีวีดิจิตอล ส่งกลิ่น ส่อเอื้อ กล่องดาวเทียม

view