สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

หัวหน้าแบบไหน ถูกใจคนแต่ละรุ่น

จากประชาชาติธุรกิจ

คอลัมน์ ถามมา-ตอบไป สไตล์คอนซัลต์ โดย อภิวุฒิ พิมลแสงสุริยา

เมื่อหลายวันก่อนได้รับอีเมล์ฉบับหนึ่งจากแฟนคอลัมน์ เขียนมาปรึกษาเรื่องความแตกต่างระหว่างวัยในองค์กร (Generation Gap) อันที่จริงเรื่องนี้จะว่าเก่าก็เก่า จะว่าใหม่ก็ใหม่

หลายองค์กรพูดเรื่องนี้ไปนานแล้ว แต่บางองค์กรเพิ่งจะประสบปัญหาหนัก ๆ เรื่องช่องว่างระหว่างวัยในระยะปีสองปีที่ผ่านมานี่เอง เผอิญเมื่อวันก่อนมีโอกาสอ่านงานวิจัยฉบับหนึ่งของ Center for Creative Leadership (CCL) สถาบันพัฒนาภาวะผู้นำที่มีชื่อเสียงระดับโลก เนื้อหาน่าสนใจ ที่สำคัญเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้พอดี เลยหยิบมาเล่าให้ฟัง

งานวิจัยชิ้นนี้ทำโดย เจนนิเฟอร์ ดีล (Jennifer J. Deal) ซึ่งสำรวจความคิดเห็นของคนทำงานเกือบ 6,000 คนจาก 3 รุ่น (Generation) ในสหรัฐอเมริกา โดยให้ผู้ตอบแบบสอบถามระบุว่า ลักษณะภาวะผู้นำต่อไปนี้ แบบใดมีประสิทธิภาพมากที่สุดในความเห็นของพวกเขา

ภาวะผู้นำแบบให้ความสำคัญกับลำดับชั้นการบังคับบัญชา และเน้นการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์หรือแนวปฏิบัติที่เคยทำมา (Hierarchical Leadership)

ภาวะผู้นำแบบพึ่งพาตนเอง เน้นการทำงานตามหน้าที่ของตน โดยมีความอิสระในการคิดและตัดสินใจ (Autonomous Leadership)

ภาวะผู้นำแบบให้ความช่วยเหลือผู้อื่นอย่างเอื้ออาทรและมีเมตตา (Humane Leadership)

ภาวะผู้นำแบบเน้นการทำงานด้วยความร่วมไม้ร่วมมือและการมีส่วนร่วม (Participative Leadership)

ภาวะผู้นำที่เน้นความสามัคคีในการทำงาน ช่วยเหลือทีมงานให้พยายามแก้ไขปัญหาความขัดแย้งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น (Team-oriented Leadership)

ภาวะผู้นำที่เน้นการสร้างแรงจูงใจในการทำงาน มีความสามารถในการโน้มน้าว และสร้างพลังให้เกิดความฮึกเหิม มีความกระตือรือร้นและมุ่งมั่น (Charismatic Leadership)

อยากลองเดาดูไหมครับว่าภาวะผู้นำแบบไหนจะถูกใจคนแต่ละรุ่น ?

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อครับ !

ผลการวิจัยพบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามทั้ง 3 รุ่น (Baby Boom-พ.ศ. 2489-2507, Generation X-พ.ศ. 2508-2522, Generation Y-พ.ศ. 2523-2543) มองเหมือนกันหมด โดยไม่มีความแตกต่างเลยว่าภาวะผู้นำแบบ Participative, Humane และ Team-oriented เป็นภาวะผู้นำที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด

ในขณะที่ภาวะผู้นำแบบ Hierarchical และ Autonomous เป็นแบบที่มีประสิทธิภาพด้อยกว่า

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่าสนใจคือความเห็นที่แตกต่างกันของคนต่างวัยสำหรับภาวะผู้นำแบบ Charismatic โดยคนอายุมากมีแนวโน้มให้ความสำคัญกับผู้นำแบบนี้มากกว่าคนรุ่นใหม่ ๆ

"เจนนิเฟอร์ ดีล" ผู้ทำการวิจัยอธิบายว่า มีความเป็นไปได้สูงที่ความแตกต่างนี้เกิดจากอิทธิพลของความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยี เพราะคนรุ่นเก่ามี "คน" เป็นที่ปรึกษาและให้กำลังใจ ขณะที่ "คนรุ่นใหม่" ใช้ "อินเทอร์เน็ต" เป็นที่พึ่งเมื่อมีปัญหา

นอกจากนั้น งานวิจัยยังพบว่าความเชื่อเดิม ๆ ที่มองว่าคนรุ่นใหม่มีความมั่นใจในตัวเองสูง และมีแนวโน้มจะท้าทายคนรุ่นเก่าในเรื่องต่าง ๆ ไม่เป็นความจริงอีกต่อไป เพราะผลการสำรวจพบว่าคนรุ่นใหม่มีแนวโน้มคล้อยตามหัวหน้า

โดยเฉพาะเมื่อพวกเขาคิดว่าหัวหน้า "เก่ง" ในขณะที่คนรุ่นเก่าต้องการให้หัวหน้าออกคำสั่ง หรือชี้แนะแนวทางในการทำงานน้อยลง และมีแนวโน้มต่อต้านหัวหน้ามากกว่าเด็กรุ่นใหม่ เพียงแต่ลักษณะการต่อต้านอาจใช้วิธีดื้อเงียบ (Passive Aggressive) แทนการเผชิญหน้า

งานวิจัยนี้มีข้อแนะนำเพิ่มเติมด้วยว่า หากต้องการพัฒนาผู้นำให้มีประสิทธิภาพเหมาะสำหรับบุคลากรทุกรุ่น จงทำ 4 อย่างนี้คือ หนึ่ง เปิดใจกว้างรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะ รวมทั้งสอบถามความคิดเห็นก่อนการตัดสินใจในเรื่องสำคัญ ๆ แม้การรับฟังอาจไม่ได้หมายถึงการต้องทำตามเสมอไป

แต่หากเป็นไปได้ การนำความเห็นหรือข้อเสนอแนะของทีมมาปฏิบัติบ้าง

ในบางเรื่อง จะช่วยเสริมสร้างความสำเร็จให้เกิดง่ายขึ้น

สอง เผื่อเวลาสำหรับการสื่อสาร อย่าทำให้เห็นว่าทุกอย่างเร่งรีบจนเกินไป จริงอยู่ในการทำงาน ความกระชับและตรงประเด็นเป็นสิ่งจำเป็น แต่การเปิดโอกาสให้ทีมงานพูดคุยกันถึงสิ่งที่เกิดขึ้นและกำลังจะเกิดขึ้น รวมทั้งได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์และความคิดเห็นซึ่งกันและกัน รวมทั้งหาโอกาสที่จะเฉลิมฉลองความสำเร็จเล็ก ๆ ร่วมกันบ้างเป็นครั้งคราว จะเป็นเชื้อเพลิงอย่างดีในการผลักดันให้ทีมเดินหน้าต่อไปได้เต็มประสิทธิภาพ

สาม ให้ความช่วยเหลือเกินกว่าแค่เรื่องงาน มองหาโอกาสที่จะช่วยส่งเสริมหรือสนับสนุนให้ลูกทีมสามารถบรรลุเป้าหมายในชีวิตของเขาได้ แสดงความเห็นอกเห็นใจ และเข้าใจในความยากลำบากบางอย่างที่พวกเขาประสบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงานหรือเรื่องส่วนตัว ไม่มองทุกอย่างเป็นเรื่อง "ง่าย ๆ" หรือ "เล็กน้อย" เพราะคนเรามีมุมมองต่อปัญหาต่างกัน

สี่ ทำงานด้วยความกระตือรือร้น มุ่งมั่น ทุ่มเทอย่างเต็มที่ เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นคล้ายโรคติดต่อ หากหัวหน้าดูเฉื่อย ๆ เนือย ๆ รับรองว่าลูกน้องก็จะมีลักษณะไม่ต่างกัน ในทางตรงกันข้าม หากหัวหน้าเป็นคนแอ็กทีฟ ลูกน้องก็จะมีพลัง

นอกจากนั้น การมองโลกในแง่ดี มองสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นโอกาสมากกว่าปัญหา ไม่พูดคำว่า "ไม่" บ่อยเกินไป จะช่วยเพิ่มพลังให้กับทีมได้อย่างไม่น่าเชื่อ

จริงอยู่ครับ แม้ผลงานวิจัยชิ้นนี้จะทำกับคนในสหรัฐอเมริกา แต่หลายเรื่องก็พอประยุกต์ใช้ได้กับคนไทย โดยเฉพาะข้อแนะนำ 4 อย่างข้างต้น หากทดลองทำตามดู รับรองไม่ผิดหวัง

แม้คนต่างเชื้อชาติ ต่างภาษา ต่างผิวพรรณ แต่ในเชิงพฤติกรรมไม่ต่างกัน...เชื่อผม


สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน

Tags : หัวหน้า แบบไหน ถูกใจ คนแต่ละรุ่น

view