สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

เคล็ดลับบริหารเงิน หากไม่มีรายได้ประจำ!

จาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

วิธีการจัดการบริหารการเงิน กับผู้ที่มีรายได้ไม่เท่ากันในแต่ละเดือน

การเปิดธุรกิจเล็กๆ หรือการประกอบอาชีพอิสระอื่นๆ มักมีข้อดีคือ ความเป็นอิสระ ไม่ต้องเป็นลูกจ้างใคร มีชั่วโมงการทำงานที่ยืดหยุ่นได้ แต่ก็มีผลเสียตามมาก็คือ รายได้ต่อเดือนที่มักจะไม่คงที่ มากบ้าง น้อยบ้าง ปะปนกันไป ซึ่งตัวอย่างอาชีพเหล่านี้ได้แก่ นายหน้าซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ นักเขียนอิสระ นักแต่งเพลง เจ้าของธุรกิจ SME ต่างๆ เป็นต้น ซึ่งวันนี้ทาง MoenyGuru ขอเสนอบทความวิธีการจัดการบริหารการเงินกับผู้ที่มีรายได้ไม่เท่ากันในแต่ละเดือน

สิ่งแรกๆ เลยสำหรับการบริหารการเงินของตนเอง คือการจัดทำบันทึกรายรับรายจ่าย เพื่อคำนวนงบในแต่ละเดือน แต่คำถามก็เกิดขึ้นว่า จะควบคุมงบค่าใช้จ่ายได้อย่างไร เมื่อเราไม่มีทางรู้เลยว่า รายได้เดือนนี้จะเป็นเท่าไหร่ สิ่งที่ยากที่สุดคือเมื่อถึงเวลาที่ต้องจ่ายภาษี คุณจะสามารถคำนวนได้ยาก และจัดสรรเงินเพื่อเตรียมตัวจ่ายภาษียากเช่นกัน

สำหรับคำแนะนำนั้น ขั้นแรก คุณต้องแยกรายได้ทั้งหมดออกเป็นสามส่วนทันที ส่วนแรกคือ บัญชีสำหรับทำธุรกิจ ส่วนที่สองคือ บัญชีสำหรับจ่ายภาษี และส่วนสุดท้ายคือ บัญชีเงินใช้ส่วนตัว ซึ่งแต่ละบัญชีควรเปิดแยกออกจากกันให้ชัดเจน สำหรับบัญชีธุรกิจนั้น เมื่อมีรายได้เข้ามา จะเข้ามาในบัญชีนี้ทั้งหมดก่อน หลังจากนั้น ให้แบ่งใส่บัญชีสำหรับเสียภาษีทันที และอีกจำนวนหนึ่งเข้าบัญชีส่วนตัวเป็นจำนวนเท่าๆ กันทุกเดือน สำหรับสัดส่วนในการเเบ่งทั้งหมดนั้น ควรอ้างอิงจากรายได้และรายจ่ายที่คำนวนเฉลี่ยๆ ทั้งปีมาเป็นตัวช่วย

สำหรับสาเหตุที่บัญชีส่วนตัว ควรที่จะแบ่งเงินเข้ามาฝากเป็นจำนวนที่เท่ากันทุกเดือนนั้น จะช่วยให้คุณสามารถควบคุมงบประมาณในการใช้จ่ายในแต่ละเดือนได้ ไม่มากเกินจำเป็น เพราะอาจจะกระทบกับส่วนของรายได้ที่จำเป็นต้องไปใช้เป็นเงินทุนในส่วนของธุรกิจ หรือการทำงานต่อไป อย่างไรก็ตามหากเดือนไหน หรือปีไหนมีรายได้เข้าบัญชีธุรกิจของคุณมาก ก็สามารถโอนเข้ามาเพิ่มในบัญชีส่วนตัวได้ แต่ไม่ควรเพิ่มขึ้นทุกเดือน หากแต่ทำเป็นลักษณะ โอนมาเป็นก้อนๆ พิเศษต่างหาก เป็นรายครั้งจะดีที่สุด

การบริหารเงินสำหรับผู้ที่มีรายได้ไม่แน่นอน ถือเป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เจ้าของธุรกิจ SME ที่รายได้ยังมีไม่มากนัก และเงินทุนตั้งต้นไม่สูง ดังนั้น การจัดการเงินทุนจึงเป็นสิ่งต้นๆ ที่ต้องคิด เพราะถือเป็นสิ่งที่กำหนดสภาพคล่องของเงิน หรือ Liquidity โดยตรง ทั้งนี้ เราจะถือโอกาสให้ความรู้เกี่ยวกับประเด็นนี้ซักเล็กน้อย โดยสภาพคล่องของเงิน คือ ความสามารถในการหาเงินสดมาจับจ่ายมากเพียงใด ซึ่งสินทรัพย์ของธุรกิจ แบ่งเป็นทั้งสินทรัพย์หมุนเวียนและสินทรัพย์ถาวร สินทรัพย์หมุนเวียนจะมีสภาพคล่องสูงกว่าสินทรัพย์ถาวร และมีความสามารถในการแปลงเป็นเงินสดสูงกว่า ตัวอย่างของสินทรัพย์หมุนเวียนคือ เงินสด สินค้า พันธบัตร หรือบิลที่ทางลูกค้ายังไม่จ่าย ซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูง สามารถเปลี่ยนเป็นเงินได้ง่าย

ขณะที่สินทรัพย์ถาวร คือ สินทรัพย์ที่มีตัวตนและมีอายุการใช้งานเกิน 1 ปี อาทิ ที่ดิน อาคาร รถยนต์ เครื่องจักร ทั้งนี้ การบริหารสภาพคล่องของสินทรัพย์นั้นเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะธุรกิจของคุณจำเป็นต้องมีเงินทุนพอจ่ายหนี้สินหรือต้นทุนค่าใช้จ่ายการผลิตทั้งหมดอันได้แก่ ค่าเช่า ค่าอุปกรณ์วัสดุ และค่าตอบแทนพนักงาน โดยคุณไม่ควรมีสินทรัพย์หมุนเวียนน้อยกว่าหนี้สินหมุนเวียนเพราะนั่นหมายความว่าคุณมีเงินสดไม่พอมารองรับค่าใช้จ่าย นั่นเอง


สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน

Tags : เคล็ดลับบริหารเงิน ไม่มี รายได้ประจำ

view