สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

บทเรียนน้องใหม่ในทีม

จาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
พอใจ พุกกะคุปต์



ท่านผู้อ่านคงเคยเบื่อหน่ายส่ายหน้า และล้ากับการทำงานในทีมที่ประกอบด้วยคนหลากหลาย

ที่ควรจะมีเป้าหมายเดียวกัน…

แต่ทำไปทำมา หาจุดร่วมไม่เจอ เลยกลายเป็นเธอ เป็นฉัน เหมือนอยู่คนละทีมเดียวกัน

ที่ควรจะสื่อสารร่วมแก้ปัญหา…

แต่คราใดที่งานผิดพลาด ต่างพร้อมไม่นับญาติ ขาดมิตรกัน เพราะฉันไม่ผิด

ที่ควรจะสร้างงานที่มีผลยิ่งใหญ่กว่าตน...

แต่ต่างคนต่างมุ่งประโยชน์ส่วนตัว ทีมเลยเป็นกระเชอก้นรั่ว ใส่คน ใส่เวลา ใส่ทรัพยากรเท่าไหร่ ก็ไม่ได้งาน

ใครๆ (โดยเฉพาะคนไทยด้วยกัน) มักบอกว่าคนไทยทำงานเป็นทีมไม่เป็น เห็นไหม ตีกันได้ตีกันดี

เรื่องของเรื่องคือ คนไม่ได้เกิดเป็นมด ที่เขาจดจำย้ำใน DNA ว่าเรามดเกิดมาเพื่ออยู่ร่วมกันและต้องทำงานเป็นทีม

คนทั่วทั้งโลกจึงล้วนมีประเด็นปัญหาคล้ายกันว่า จะทำอย่างไรให้ทีมมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ยิ่งปัจจุบัน การทำงานเป็นทีมมีลักษณะแตกต่างห่างจากอดีต เพราะบริบทที่เปลี่ยนแปลงมากมาย ไม่ว่าจะเป็นน้องใหม่ในทีมที่ดูร้ายบริสุทธิ์ หรือกลยุทธ์การสื่อสาร ที่ต้องครอบคลุมทีมที่ทำงานคนละมุมเมือง หรือเรื่องการแข่งขันที่ผลักดันให้ทีมต้องว่องไว ลื่นไหลแบบไม่หยุดนิ่ง ฯลฯ

องค์กรทั้งหลายจึงต่างตระหนักว่า การทำงานเป็นทีมเป็นเรื่องทั้งสำคัญ ทั้งท้าทาย

ใครแก้โจทย์ได้ก่อน นอนมา

ใครชักช้า ถือเป็นขาลง

ในช่วงที่ผ่านมา มีการศึกษาวิจัยมากมาย เพื่อตีโจทย์ว่าคนยุคใหม่ต้องใช้ทักษะใดบ้าง จึงจะประสบความสำเร็จในการทำงานร่วมกันในโลกปัจจุบัน

กลุ่มหนึ่งที่โด่งดัง มีชื่อเรียกว่า Partnership for 21st Century Skills เครือข่ายองค์กรความร่วมมือเพื่อทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 หรือ เรียกย่อๆ ว่า เครือข่าย P21 ซึ่งประกอบด้วย องค์กรวิชาชีพ องค์ด้านการศึกษานานาชาติ และ บริษัทชั้นนำระดับโลก เช่น Google Microsoft และ Disney (ซึ่งต่างเรียกร้องวงการศึกษาว่า พี่ครับ กรุณาปรับวิธีสร้างคนป้อนเรา เพราะระบบที่พี่ใช้ สร้างเขาให้ไม่ “เวิร์ค”)

เครือข่าย P21 ฟันธงว่า ผู้ที่จะประสบความสำเร็จในโลกยุคใหม่ อย่างน้อยต้องใช้ทักษะ 4C ได้อย่างเชี่ยวชาญ

C ทั้ง 4 คือ Critical Thinking การคิดเชิงวิเคราะห์ Creativity ความคิดสร้างสรรค์ Communication การสื่อสาร และแน่นอน C ที่เราคุยกันวันนี้ Collaboration การร่วมมือและทำงานร่วมกัน

ล่าสุด มีผลการวิจัยว่าคนยุคใหม่ที่เชี่ยวชาญทักษะเหล่านี้ มีแนวโน้มที่จะประสบผลสำเร็จในการทำงาน สูงกว่าคนที่ไม่ชำนาญด้านดังกล่าว ถึง 2.2 เท่า

เอาเป็นว่า ไม่น่าแปลกใจ ที่สำคัญกว่า คือทำอย่างไรจึงจะได้ทักษะเหล่านี้

ข่าวดี คือ ทักษะทุกอย่างสร้างได้...เพราะเราไม่ใช่มด

คนทำงานหน้าใสยุคใหม่ หากอยากทั้งมีผลงาน ทั้งได้ใจจากคนในทีม รวมถึงหัวหน้า ลองมาพิจารณาเพิ่มทักษะการ Collaborate ให้เป็นคนร่วมทีมในฝันกันค่ะ

1.ทำตัวให้น่าไว้วางใจ

ก่อนอื่น เริ่มจากรู้กระจ่างถึงบทบาทหน้าที่ ว่าพี่ๆ อยากให้ผมทำอะไร

หากไม่รู้ หรือพี่ลืมบอก ไม่ต้องยอกย้อน แก้ง่ายๆ ได้ด้วยการถาม

เมื่อได้รับมอบหมายให้ทำสิ่งใด รับปากไว้ ต้องไม่เหลาะแหละ

วิธีการง่ายๆ ที่จะทำให้เรากลายเป็นน้องหัวเน่าในทีม คือ รับงานแล้วไม่ต้องทำเต็มกำลัง นั่งทำพอผ่านๆ งานไม่ต้องมีคุณภาพ หรือ งานดีไม่ว่า แต่ต้องไม่รักษาเวลา ทำให้ทุกคนช้าตามไปด้วย ย้วยทั้งทีมยิ่งดี

2.สื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ

คนยุคใหม่ได้เปรียบเมื่อเทียบกับคนในอดีต เพราะน้องใหม่หน้าใสพร้อมให้ความเห็น กล้าคิด กล้าพูด

ทักษะที่ต้องเพิ่ม คือ เมื่อกล้าพูด ก็ต้องกล้าฟัง สั่งตัวเองตลอดว่า ธรรมชาติเขาหาหูให้สองข้าง แต่สร้างปากให้แค่หนึ่ง จึงควรใช้ให้สมดุล 2 ต่อ 1

หูฟังอย่างตั้งใจ หูฟังให้เข้าใจ แล้ว จึงค่อยใช้ปากพูด

หากอยากให้ทีมระอา ต้องหาเรื่องพูด พูดแรง พูดแทรก พูดมาก ทำงานด้วยปาก ไม่ต้องลงแรง

ยามพี่ไม่คบ อย่าหาว่าแกล้งแล้วกัน

3.พร้อมยืดหยุ่น

งานของทีมไม่เคยนิ่ง ยิ่งสภาวะรอบข้างเปลี่ยนมาก จึงยิ่งยากที่ทุกอย่างจะเป็นไปตามแผน

หากอยากเป็นน้องที่ทีมรักใคร่ ต้องไม่ยึดติด ยามที่ต้องปรับ ก็รับมือได้ พร้อมให้ความร่วมมือ

อะไรช่วยได้ ไม่ต้องรอ เสนอตัวขอช่วยพี่ได้ เอาใจไปเต็มๆ

หากอยากทำให้ทุกคนเบื่อ กรุณาเชื่อว่าตนต้องหัวหมอ เมื่อใครขอให้ทำอะไรใหม่ ย้ำกลับไปให้เขารู้ว่า ไม่ได้ตกลงกันมาก่อนนี่ พี่ดูซิครับ ว่าอยู่ในหน้าที่ผมหรือไม่ พี่คิดผิดคิดใหม่ได้นะครับ

พี่คงรับว่าพี่คิดผิด พี่คิดบกพร่อง ที่ให้น้องมาร่วมทีม

4.เก่งการแก้ปัญหา

เพราะงานไม่เคยนิ่ง หลายสิ่งอาจไม่เป็นไปดังคาด อาจเกิดปัญหามาให้แก้

ปัญหาจึงเป็นเพื่อนที่เราต้องเจอ ถือเสมอว่าปัญหาเขาให้โอกาส ให้เวที ให้มีที่แสดงฝีมือ

วิธีเก่งแก้ปัญหา เริ่มทำได้ตั้งแต่เรียนรู้หลักการและขั้นตอนของการแก้ปัญหา ซึ่งมีดารดาษในเน็ตให้ค้นคว้ามากมาย จากนั้นนำมาทดลองใช้ให้เกิดความชำนาญ มีอาจารย์ คือทีมพี่ๆ และ เจ้าตัวปัญหาที่มีมาให้เราลับคมนั่นเอง

หากอยากทำตนเป็นตัวปัญหา กรุณาเลี่ยง เบี่ยง หลบ ให้ครบทุกครั้งที่มีปัญหา และทำให้ทุกคนรู้ว่าปัญหาเกิดจากเขา เราไม่เกี่ยว

ในที่สุดจะได้ไม่เกี่ยวกับใครเลย ได้อยู่เฉยๆ ที่บ้าน เพราะไร้งานทำ

5.ให้เกียรติเพื่อนๆ พี่ๆ ร่วมทีม

การทำงานเป็นทีม คือ การร่วมแรงแบ่งงานกันทำ เพราะต่างตระหนักว่าข้ามาคนเดียวไม่ได้ จำเป็นต้องใช้ความสามารถที่หลากหลาย เอามาสลายรวมกัน

คนที่จะประสบความสำเร็จในการทำงานเป็นทีมร่วมกับคนอื่น ต้องตระหนักว่า

องค์กรและทีมอยู่ได้โดยไม่มีเรา

แต่เราอยู่ในองค์กรไม่ได้ ถ้าไม่มีทีม

หากอยากทำให้อนาคตตนล่ม กรุณาข่มคนอื่นเข้าไว้ ยิ่งใครใช้ไอทีไม่คล่อง มองให้ได้ว่าเขาไม่มีค่า แม้แก่กว่า ก็รอแต่วันผุสลาย หรือแค่ง่ายๆ ไม่ต้องสนใจใคร ไปไม่ต้องลา มาไม่ต้องไหว้ สัมมาคารวะ สะกดยังงาย นู๋สะกดไม่เป็น

พี่ๆ บอกว่า ยังไม่เก่งทำงานเป็นทีม ไม่ว่า เพราะพอหาทางช่วยสอนกันได้

แต่อาการกร่าง สร้างแต่ศัตรู ดูไม่จืด ส่อเค้าอนาคตวืดชัดเจน

สรุปว่า ต้องทำตนให้มีคุณค่ากับทีม

ในภาพรวม ลองทดสอบมองตน จากสายตาคนอื่น

หากในสายตาคนอื่นเห็นว่า น้องคนนี้มีน้ำใจ ให้เกียรติเพื่อนๆ พี่ๆ มีความรับผิดชอบ รักษาสัญญา เมื่อพลาดก็ยอมรับผิด ทั้งคิดหาวิธีแก้ปัญหา เก่งทั้งฟังเพื่อเรียนรู้และเข้าใจพี่ๆ ทั้งยังพร้อมชี้ประเด็น ให้ความเห็นแตกต่างที่สร้างมูลค่าให้ทั้งตนและทีม

หากเห็นเป็นเช่นนี้ ขอแสดงความยินดี

น้องคือคนที่โลกยุคใหม่นี้รอคอย


สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน

Tags : บทเรียน น้องใหม่ในทีม

view