จาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
สุพรรณี พุฒิพิสุทธิ์

กระทรวงการคลัง โดยสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะหรือ สบน. ออกมาส่งสัญญาณให้ความหวังแก่ชาวนาว่า ภายในเดือนเมษายนนี้

สบน.จะเริ่มกู้เงินเพื่อนำมาจ่ายหนี้แก่ชาวนา ที่ถือใบประทวนในโครงการจำนำข้าวฤดูกาลผลิต 2556/57 ที่ยังมียอดหนี้ค้างชำระแก่ชาวนาอยู่ประมาณ 9 หมื่นล้านบาท

แต่ชาวนายังไม่สามารถคาดหวังได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ เหตุเพราะความกังวลของสถาบันการเงินที่จะปล่อยเงินกู้แก่รัฐบาลเพื่อใช้ในโครงการจำนำข้าวของรัฐบาลนั้น ยังมีอยู่มาก แม้กระทรวงการคลังจะพยายามสร้างความมั่นใจเพียงใด เพราะความไม่ชัดเจนว่า การปล่อยเงินกู้นี้ จะขัดต่อกฎหมายรัฐธรรมนูญหรือไม่ ทั้งยังต้องฝ่ากระแสการต่อต้านจากมวลชนที่คัดค้าน รวมถึง ลูกค้าผู้ฝากเงิน ซึ่งมีตัวอย่างเกิดขึ้นแล้วกับกระแสถอนเงินฝากของธนาคารออมสิน

ขณะที่ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรหรือธ.ก.ส.เอง ก็ได้ออกมาส่งสัญญาณว่า การกู้เงินของกระทรวงการคลังนี้ แทบจะเป็นความหวังสุดท้ายของชาวนา เพราะเม็ดเงินอีก 2 ช่องทาง ทั้งจาก เงินระบายข้าวของกระทรวงพาณิชย์ ที่ต้องอาศัยความสามารถในการขายข้าวของกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งอาจทำได้ไม่ดีเท่าระยะ 2-3 เดือนที่ผ่านมา แต่หากทำได้ ก็ต้องใช้เวลาถึงสิ้นปีกว่าจะคืนหนี้ก้อนนี้หมด ส่วนเงินจากกองทุนช่วยเหลือชาวนา ก็ถือเป็นจำนวนเงินที่ไม่มากนัก หรือ เต็มที่ก็อยู่ในหลักหมื่นล้านบาทเท่านั้น

ทั้งนี้ ธ.ก.ส.ระบุ เมื่อวันอังคารที่ผ่านมาว่า ขณะนี้ มียอดเงินเหลือจ่ายหนี้ชาวนาแค่ 2-3 พันล้านบาท ถือเป็นเงินก้อนสุดท้ายกว่าที่เงินกู้จากกระทรวงการคลังจะเข้ามา หรือ จนกว่าที่เงินระบายข้าวจะสามารถกันไว้เต็มจำนวน 2 หมื่นล้านบาท เพื่อนำไปใช้หนี้งบกลางที่ขอยืมมาจากงบแผ่นดินภายในเดือนพฤษภาคมนี้ ขณะนี้ ยอดเงินที่กันไว้มีอยู่จำนวนประมาณ 1 หมื่นล้านบาท นั่นหมายความว่า กระทรวงพาณิชย์จะต้องเร่งส่งเงินคืนแก่ ธ.ก.ส.ให้ได้ตามกำหนด และยังหมายความว่า ในช่วงเวลาดังกล่าว ชาวนาจะยังไม่ได้รับเงินชำระหนี้

อีกทางเลือกที่เป็นข้อเรียกร้องของชาวนา คือ ขอให้นำงบกลางมาจ่ายเพิ่ม เพราะไม่ต้องการรอเงินจากแหล่งข้างต้นดังกล่าว ซึ่งมีขั้นตอนที่มีปัญหาและใช้เวลา แต่ความเป็นไปได้ก็น้อยเต็มที เพราะการจะนำงบกลางมาใช้ในจำนวนมากๆ เพื่อโครงการใดโครงการหนึ่งนั้นเป็นเรื่องไม่เหมาะสม และ ในอดีตก็ไม่เคยมีแนวปฏิบัติเช่นนั้น เพราะเกี่ยวข้องกับการบริหารงบแผ่นดินที่ต้องมีสำรองไว้กรณีปัญหาฉุกเฉินที่อาจจะเกิดขึ้น ทั้งยังเกี่ยวเนื่องกับประเด็นการเอื้อประโยชน์กับพรรคการเมืองในช่วงที่กำลังเลือกตั้ง ซึ่งต้องอยู่ในดุลพินิจของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

เมื่อรัฐบาลล้มเหลวในการบริหารจัดการโครงการ เพราะไม่สามารถหาเงินมาจ่ายหนี้แก่ชาวนาได้ทันตามกำหนด ไม่ว่า จะเป็นการขายข้าวเพื่อนำเงินมาคืนได้ทันเวลา หรือ แม้แต่จะหน้าแตกเพราะไม่สามารถกู้เงินจากแหล่งที่เคยกู้ยืมได้ตามปกติ กรณีนี้ยังไม่นับผลขาดทุนมหาศาลของโครงการ ต้องทำให้รัฐบาลรู้สึกเสียหน้าอย่างแรง เพราะแทนที่จะเป็นนโยบายที่เรียกคะแนนเสียงกลับกลายเป็นนโยบายที่ทำให้รัฐบาลเสียคะแนน

แต่สิ่งที่รัฐบาลทำได้ในขณะนี้ คือ การซื้อเวลา เพื่อรอให้รัฐบาลใหม่เข้ามาเคลียร์หนี้ ขณะที่ สถานการณ์ที่อึดอัดของรัฐบาล ก็ไม่ต่างจากสถานการณ์ของชาวนาที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก กับการหลงกลเข้าร่วมโครงการกับรัฐบาลชุดนี้เช่นกัน

สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน