สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

ด่วน! ปปช.มติ7-0ชี้มูล ยิ่งลักษณ์ ผิดจำนำข้าว

ด่วน! ปปช.มติ7-0ชี้มูล'ยิ่งลักษณ์'ผิดจำนำข้าว

จาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

ด่วน! ปปช.มติ7-0ชี้มูล'ยิ่งลักษณ์'ผิดจำนำข้าว เตรียมส่งเรื่องให้วุฒิสภาถอดถอนต่อไป

คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ได้แถลงกรณีคณะอนุกรรมการไต่สวนกรณีถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในคดีละเลย เพิกเฉยให้มีการทุจริตโครงการรับจำนำข้าว เมื่อเวลา 15.50 น.

ระบุว่า มติ7-0 ชี้มูล 'ยิ่งลักษณ์' ผิดโครงการจำนำข้าว เตรียมส่งเรื่องให้วุฒิสภาถอดถอนต่อไป โดยนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มีพฤติการณ์ส่อว่าจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย และมีเหตุควรสงสัยว่าปล่อยให้มีการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าวและการระบายข้าว โดยเพิกเฉยไม่ระงับยับยั้งความเสียหายที่เกิดขึ้น

สำหรับ 7 ป.ป.ช. ลงมติคดี จำนำข้าววันนี้

1. นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธานกรรมการ

2. นายประสาท พงษ์ศิวาภัย กรรมการ

3. นายภักดี โพธิศิริ กรรมการ

4. นายวิชา มหาคุณ กรรมการ

5. นายวิชัย วิวิตเสวี กรรมการ

6. นายปรีชา เลิศกมลมาศ กรรมการ

7. นายณรงค์ รัฐอมฤต กรรมการ

0 0 0

เส้นทางดคีชี้มูลความผิด "ยิ่งลักษณ์" คดีละเลยทุจริตโครงการรับจำนำข้าว

5 มิ.ย. 56 "หมอวรงค์" ยื่นหนังสือต่อ ป.ป.ช.ให้ตรวจสอบการทุจริตโครงการรับจำนำข้าว ของคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ หรือ กขช. ที่มี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน

28 ม.ค. 57 ป.ป.ช. ตั้งกรรมการไต่สวนถอดถอน "ยิ่งลักษณ์" กรณีโครงการรับจำนำข้าว ฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ

13 ก.พ. 57 "อภิสิทธิ์" เข้าให้ถ้อยคำต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในกรณีร้องขอให้ถอดถอนน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กรณีกล่าวหาว่าทุจริตโครงการรับจำนำข้าว ในฐานะผู้ร้อง

18 ก.พ.57 ป.ป.ช. มีมติเรียก “ยิ่งลักษณ์” รับทราบข้อกล่าวหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ

31 มี.ค. 57 "ยิ่งลักษณ์" เข้าชี้แจง ป.ป.ช. ปมจำนำข้าว ต่อข้อกล่าวหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ โดยไม่ระงับยับยั้งการรับจำนำข้าว ปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริตจากโครงการรับจำนำข้าว

10 เม.ย. 57 "นิวัฒน์ธำรง" เข้าชี้แจง ปปช. ยืนยันนายกฯ ไม่ได้ละเลยปล่อยให้เกิดการทุจริตรับจำนำข้าว

18 เม.ย. 57 "กิตติรัตน์" แจงปปช.กว่า 4 ชม. ปฏิเสธข้อหาทุจริต ยันควบคุมเข้มงวดแล้ว ป้องนายกไม่ได้ละเว้นปฏิบัติหน้าที่

15 พ.ค. 57 "วิชา มหาคุณ" ยัน ป.ป.ช. สรุปสำนวนจำนำข้าวยึดข้อเท็จจริง โต้ไม่เร่งปิดคดี ไม่มีเอี่ยวการเมือง

26 เม.ย. 57 "นิวัฒน์ธำรง" เข้าชี้แจง ป.ป.ช. ยืนยันข้าวไม่หาย ระบุการระบายใช้หลักการเดียวกันกับรัฐบาลก่อน

7 พ.ค. 57 ป.ป.ช. พิจารณาสำนวนคดีที่ได้รับจากคำชี้แจงข้อกล่าวหาโครงการรับจำนำข้าว

8 พ.ค. 57 คณะ ป.ป.ช. ชุดใหญ่ ชี้มูลความผิด กรณีทุจริตโครงการรับจำนำข้าว


ปปช.แถลงชี้มูล'ยิ่งลักษณ์'กรณีจํานําข้าว

ป.ป.ช.แถลงมติ7:0 ชี้มูลถอดถอนอดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ กรณีจํานําข้าว ส่อจงใจใช้อํานาจหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ มาตรา178

เมื่อเวลา 15.30 น. นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธานกรรมการ ป.ป.ช. ศาสตราจารย์พิเศษวิชา มหาคุณ กรรมการ ป.ป.ช. และนายประสาท พงษ์ศิวาภัย กรรมการ ป.ป.ช. ได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนว่า ตามที่ประธานวุฒิสภาได้ส่งคําร้องขอให้วุฒิสภาถอดถอน นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ออกจากตําแหน่งนายกรัฐมนตรี เนื่องจากมีพฤติการณ์ส่อว่าจงใจใช้อํานาจหน้าที่ขัดต่อ บทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายปล่อยให้มีการทุจริตในโครงการรับจํานําข้าวและการระบายข้าวและเหตุมี เหตุควรสงสัยว่า นายกรัฐมนตรีเพิกเฉยไม่ระงับยับยั้งความเสียหายที่เกิดขึ้นตามอํานาจหน้าที่โดยคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติให้ไต่สวนข้อเท็จจริงโดยให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.

ทั้งคณะเป็นองค์คณะในการไต่สวน นั้น บัดนี้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ทั้งคณะได้ดําเนินการไต่สวนข้อเท็จจริงและมีมติด้วยคะแนนเสียง 7 ต่อ 0 เสียง เห็นว่าพฤติการณ์ของผู้ถูกกล่าวหามีมูลเป็นการส่อว่าจงใจใช้อํานาจหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ มาตรา 178 และเป็นการส่อว่าจงใจใช้อํานาจหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งกฎหมายอันเป็นเหตุแห่งการถอดถอนออกจาก ตําแหน่ง จึงนําเสนอสํานวนดังกล่าวต่อคณะกรรมากร ป.ป.ช. เพื่อพิจารณาในวันนี้

คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วเห็นว่า การที่ผู้ถูกกล่าวหาดํารงตําแหน่งนายกรัฐมนตรีและอยู่ในฐานะ หัวหน้ารัฐบาลซึ่งได้กําหนดนโยบายจํานําข้าวมาตั้งแต่ต้น และในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ ที่มีอํานาจหน้าที่ในการกําหนดนโยบายและการมีส่วนร่วมในการบริหารโครงการ ซึ่ง ป.ป.ช.ได้มีหนังสือแจ้งไปยัง ผู้ถูกกล่าวหาถึงสองครั้งแล้วว่าโครงการดังกล่าวจะก่อให้เกิดปัญหาและความเสียหายอย่างยิ่ง ทั้งจะก่อให้เกิดการ ทุจริตในทุกขั้นตอนของกระบวนการรับจํานํา นอกจากนี้ผู้ถูกกล่าวหายังรับทราบปัญหาในการดําเนินโครงการจาก การอภิปรายในสภาผู้แทนราษฎร รวมทั้งรายงานผลการดําเนินโครงการที่ผ่านมา ว่ามีผลขาดทุนสะสมสูงถึง สาม แสนกว่าล้านบาท

อีกทั้งหนังสือของสํานักงานการตรวจเงินแผ่นดินแจ้งผลการตรวจสอบโครงการสรุปได้ว่าโครงการ มีจุดอ่อนหรือความเสี่ยงในทุกขั้นตอนตั้งแต่การขึ้นทะเบียนเกษตรกรจนถึงการระบายข้าว ซึ่งเป็นช่องทางนําไปสู่ การสวมสิทธิ์การจํานําและการทุจริตในโครงการ เกิดผลกระทบสร้างความเสียหายต่อเงินงบประมาณแผ่นดินทั้ง เกษตรกรและเสี่ยงต่อระบบการคลังของประเทศ ไม่เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืน แม้ในชั้นนี้พยานหลักฐานยังไม่ปรากฎ ชัดเจนว่าผู้ถูกกล่าวหามีส่วนร่วมในการทุจริต หรือสมยอมให้เกิดการทุจริตหรือไม่ก็ตาม แต่การที่ผู้ถูกกล่าวหาไม่ บริหารราชการแผ่นดินให้เป็นไปตามนโยบายที่แถลงไว้ต่อสภาผู้แทนราษฎรว่าจะป้องกันและปราบปรามการทุจริต และประพฤติมิชอบในภาครัฐอย่างจริงจัง โดยยึดหลักความโปร่งใสและมีธรรมาภิบาลของการบริหารกิจการ บ้านเมืองที่ดี ทั้งไม่พิจารณาระงับยับยั้งโครงการตั้งแต่เริ่มรับทราบความเสียหายอันร้ายแรงที่สุดของประเทศจากการ ดําเนินโครงการ

คณะกรรมการป.ป.ช. จึงมีมติ 7 ต่อ 0 เสียง เห็นว่าพฤติการณ์ของผู้ถูกกล่าวหาเป็นการส่อว่าจงใจใช้อํานาจหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติ แห่งรัฐธรรมนูญฯ มาตรา 178 และส่อว่าจงใจใช้อํานาจหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งกฎหมายตาม พ.ร.บ. ระเบียบ บริหารราชการแผ่นดินฯ มาตรา 11 (1) อันเป็นเหตุแห่งการถอดถอนผู้ถูกกล่าวหาออกจากตําแหน่งตาม รัฐธรรมนูญฯ มาตรา 270 จึงให้แยกสํานวนการถอดถอนส่งไปยังวุฒิสภา เพื่อดําเนินการตามอํานาจหน้าที่ต่อไป ส่วนคดีอาญานั้น ที่ประชุมมีมติให้ดําเนินการไต่สวนข้อเท็จจริงต่อไปจนกว่าจะสิ้นกระแสความ ทั้งนี้โดยไม่ตัดพยาน ที่ผู้ถูกกล่าวหาอ้างมาในคําร้องขอนําสืบแก้ข้อกล่าวหาหลังสุด โดยให้นําไปพิจารณาในสํานวนคดีอาญาต่อไป จึงแถลงมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน


ปปช.มีมติ7:0ชี้มูลถอดถอน'ยิ่งลักษณ์'จำนำข้าว

(ฉบับเต็ม)ป.ป.ช. มีมติ 7 ต่อ 0 ชี้มูลถอดถอน"ยิ่งลักษณ์"สังเวยปมจำนำข้าว ส่งไม้ต่อวุฒิสภาถอนถอนตัดสิทธิ์ทางการเมือง 5 ปี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีการประชุมคณะกรรมการป.ป.ช. ชุดใหญ่ โดยมีวาระที่องค์คณะไต่สวนกรณีถอดถอนน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ละเลยไม่ดำเนินการระงับยับยั้งโครงการรับจำนำข้าว จะรายงานสรุปสำนวนข้อเท็จจริงให้ที่ประชุมคณะกรรมการป.ป.ช.พิจารณาลงมติชี้มูล โดยใช้เวลาพิจารณานานกว่า 6 ชั่วโมง

นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธานคณะกรรมการป.ป.ช. พร้อมด้วยนายวิชา มหาคุณ และนายประสาท พงษ์ศิวาภัย กรรมการป.ป.ช. ร่วมกันแถลงผลการประชุมคณะกรรมการป.ป.ช. โดยนายปานเทพ แถลงว่า สำหรับคดีนี้คณะกรรมการป.ป.ช.ได้รับคำร้องถอดถอนน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เรื่องปฏิบัติหน้าที่มิชอบในโครงการรับจำนำข้าวมาจากประธานวุฒิสภา ขณะเดียวกัน ยังมีเรื่องร้องเรียนในคดีอาญาเข้ามาอีกด้วย จึงได้มีการแต่งตั้งกรรมการป.ป.ช.ทั้งชุดเป็นองค์คณะไต่สวน โดยองค์คณะไต่สวนเห็นว่า มีข้อมูลเพียงพอที่จะดำเนินการในเรื่องเกี่ยวกับการถอดถอนได้แล้วจึงรวบรวมผลส่งให้คณะกรรมการป.ป.ช.ชุดใหญ่พิจารณาวันนี้ ซึ่งที่ประชุมคณะกรรมการป.ป.ช. พิจารณาแล้วเห็นว่ามีมูลเพียงพอ จึงมีมติเป็นเอกฉันท์ 7 ต่อ 0 ให้ส่งเรื่องให้วุฒิสภาพิจารณาถอดถอนน.ส.ยิ่งลักษณ์ต่อไป ส่วนการไต่สวนคดีอาญาโครงการจำนำข้าวของน.ส.ยิ่งลักษณ์ยังคงดำเนินการต่อไป

นายวิชา กล่าวว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วเห็นว่า การที่ผู้ถูกกล่าวหาดํารงตําแหน่งนายกฯและอยู่ในฐานะหัวหน้ารัฐบาลซึ่งได้กําหนดนโยบายจํานําข้าวมาตั้งแต่ต้น และในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ที่มีอํานาจหน้าที่ในการกําหนดนโยบายและการมีส่วนร่วมในการบริหารโครงการ ซึ่ง ป.ป.ช.ได้มีหนังสือแจ้งไปยังผู้ถูกกล่าวหาถึง 2 ครั้งแล้วว่าโครงการดังกล่าวจะก่อให้เกิดปัญหาและความเสียหายอย่างยิ่ง ทั้งจะก่อให้เกิดการทุจริตในทุกขั้นตอนของกระบวนการรับจํานํา นอกจากนี้ ผู้ถูกกล่าวหายังรับทราบปัญหาในการดําเนินโครงการจากการอภิปรายในสภาผู้แทนราษฎร รวมทั้งรายงานผลการดําเนินโครงการที่ผ่านมาว่ามีผลขาดทุนสะสมสูงถึง 3 แสนกว่าล้านบาท อีกทั้งหนังสือของสํานักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) แจ้งผลการตรวจสอบโครงการสรุปได้ว่าโครงการมีจุดอ่อนหรือความเสี่ยงในทุกขั้นตอนตั้งแต่การขึ้นทะเบียนเกษตรกรจนถึงการระบายข้าว ซึ่งเป็นช่องทางนําไปสู่การสวมสิทธิ์การจํานําและการทุจริตในโครงการ เกิดผลกระทบสร้างความเสียหายต่อเงินงบประมาณแผ่นดินทั้งเกษตรกรและเสี่ยงต่อระบบการคลังของประเทศ ไม่เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืน แม้ในชั้นนี้พยานหลักฐานยังไม่ปรากฏชัดเจนว่าผู้ถูกกล่าวหามีส่วนร่วมในการทุจริตหรือสมยอมให้เกิดการทุจริตหรือไม่ก็ตาม แต่การที่ผู้ถูกกล่าวหาไม่บริหารราชการแผ่นดินให้เป็นไปตามนโยบายที่แถลงไว้ต่อสภาผู้แทนราษฎรว่าจะป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในภาครัฐอย่างจริงจัง โดยยึดหลักความโปร่งใสและมีธรรมาภิบาลของการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี ทั้งไม่พิจารณาระงับยับยั้งโครงการตั้งแต่เริ่มรับทราบความเสียหายอันร้ายแรงที่สุดของประเทศจากการดําเนินโครงการ

"จึงมีมติ 7 ต่อ 0 เสียงว่าพฤติการณ์ของผู้ถูกกล่าวหาเป็นการส่อว่าจงใจใช้อํานาจหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติ แห่งรัฐธรรมนูญฯ มาตรา 178 และส่อว่าจงใจใช้อํานาจหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งกฎหมายตาม พ.ร.บ. ระเบียบบริหารราชการแผ่นดินฯ มาตรา 11 (1) อันเป็นเหตุแห่งการถอดถอนผู้ถูกกล่าวหาออกจากตําแหน่งตามรัฐธรรมนูญฯ มาตรา 270 จึงให้แยกสํานวนการถอดถอนส่งไปยังวุฒิสภา เพื่อดําเนินการตามอํานาจหน้าที่ต่อไป ส่วนคดีอาญานั้น ที่ประชุมมีมติให้ดําเนินการไต่สวนข้อเท็จจริงต่อไปจนกว่าจะสิ้นกระแสความ ทั้งนี้โดยไม่ตัดพยานที่ผู้ถูกกล่าวหาอ้างมาในคําร้องขอนําสืบแก้ข้อกล่าวหาหลังสุดจำนวน 6 ปาก โดยให้นําไปพิจารณาในสํานวนคดีอาญาต่อไป แต่ยังไม่สามารถระบุกรอบเวลาได้ว่า จะพิจารณาเสร็จเมื่อใด"นายวิชา กล่าว

นายวิชา กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีที่มีข่าวแพร่สะพัดว่าป.ป.ช.รับลูกมาเพื่อลงมติดำเนินการกับครม.ทั้งชุดนั้น ขอปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ ในฐานะปฏิบัติหน้าที่นายกฯ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับกรณีที่คณะกรรมการป.ป.ช.ไต่สวนเลย แต่เป็นเพียงพยานบุคคลที่คณะกรรมการป.ป.ช.ให้เข้ามาให้ถ้อยคำในสำนวนเท่านั้น

ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่ผ่านมานายกรัฐมนตรีร้องขอให้ป.ป.ช.ลงพื้นที่ตรวจสอบสต๊อกข้าวว่า ไม่มีข้าวหายจากโกดัง เพื่อยืนยันว่า โครงการไม่ได้ขาดทุน นายวิชา กล่าวว่า ป.ป.ช.ไม่ได้พิจารณาว่า ข้าวหายไปจากสต๊อกหรือไม่ แต่พิจารณาถึงการขาดทุนสะสมในโครงการดังกล่าว ที่ไม่ได้มีการจำหน่ายข้าวออกไป ส่วนการพิจารณาให้รัฐบาลชดใช้ค่าเสียหายจากการขาดทุนในโครงการกว่า 3 แสนล้านบาทนั้น ป.ป.ช.จะนำไปพิจารณาในสำนวนคดีอาญาต่อไป ทั้งนี้ยืนยันว่า ป.ป.ช.ตัดสินไปตามข้อเท็จจริง ไม่มีธง และไม่ได้รับลูกต่อจากการที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้นายกฯพ้นสภาพการเป็นรัฐมนตรี

นายประสาท กล่าวว่า สำหรับคดีนี้คณะกรรมการป.ป.ช. ได้เปิดโอกาสอย่างเต็มที่ให้กับผู้ถูกกล่าวหาตามระเบียบคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการไต่สวนข้อเท็จจริงของพนักงานไต่สวน พ.ศ.2550 โดยได้เปิดโอกาสให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้อ้างพยาน ชี้แจงเอกสาร และวาจาอย่างเต็มที่ ซึ่งสำหรับการอ้างพยานของน.ส.ยิ่งลักษณ์ในครั้งแรกมีจำนวน 11 ปาก แต่คณะกรรมการป.ป.ช.พิจารณาแล้วว่ามีพยานที่เกี่ยวข้องกับประเด็นที่ถูกกล่าวหาจำนวน 4 ปากเท่านั้น หลังจากสอบพยานจำนวน 4 ปาก ต่อมาน.ส.ยิ่งลักษณ์ ขอให้มีการสอบพยานบุคคลเพิ่มอีก 7 ปากเดิม แต่คณะกรรมการป.ป.ช.พิจารณาแล้วเป็นเอกฉันท์ว่าไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่ผู้ถูกกล่าวหาถูกกล่าวหา อีกทั้งมีข้อเท็จจริงเพียงพอแล้ว กระทั่งล่าสุดก่อนคณะกรรมการป.ป.ช.จะลงมติชี้มูล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้ขอให้ สอบพยานบุคคลเพิ่มเติมจำนวน 6 ปาก ซึ่งไม่เกี่ยวกับพยานเดิมที่เคยถูกปฏิเสธไป โดยคณะกรรมการป.ป.ช.เห็นว่า ยังมีสำนวนในคดีอาญาอยู่ เพื่อประโยชน์จึงไม่ตัดพยานจำนวนดังกล่าวออกไป แต่จะนำไปรวมเอาไว้ในการพิจารณาในสำนวนคดีอาญาของผู้ถูกกล่าวหาในโอกาสต่อไป เพื่อความเป็นธรรม ทั้งนี้ ขอบคุณนายกฯที่เข้าสู่กระบวนการไต่สวนข้อเท็จจริง

ด้านนายพิชิต ชื่นบาน ทีมกฎหมายพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ก่อนที่ป.ป.ช.จะชี้มูลความผิดโครงการจำนำข้าว ทีมทนายนายกรัฐมนตรี ได้ไปยื่นหนังสือขอให้ป.ป.ช.ไต่สวนพยานเพิ่มอีก 6 ปาก เป็นพยานใหม่ทั้งหมด ไม่เกี่ยวกับพยานที่เคยขอให้สอบไปก่อนหน้านี้ แบ่งเป็นข้าราชการประจำ 5 ปาก อาทิ อธิบดีและรองอธิบดีกรมการค้าภายใน และอีก 1 ปาก เป็นพ่อค้าข้าว เพื่อนำมาหักล้างข้อกล่าวหาของคณะอนุกรรมการปิดบัญชีโครงการจำนำข้าวที่ว่าโครงการขาดทุน รวมถึงชี้ให้เห็นว่า การกำหนดราคาข้าว 15,000 บาทต่อตันไม่ใช่เรื่องเสียหาย และไม่เป็นภาระด้านงบประมาณของประเทศ ที่ผ่านมาป.ป.ช.ไม่ยอมฟังพยานในส่วนที่เป็นนักการเมือง ดังนั้นจึงเปลี่ยนเป็นพยานที่เป็นข้าราชการและพ่อค้า เผื่อป.ป.ช.จะให้ฟังคำชี้แจงบ้าง อย่างไรก็ตามเมื่อป.ป.ช.ไม่รับฟัง และลงมติชี้มูลความผิดนายกฯในคดีถอดถอนแล้ว ทางนายกรัฐมนตรี คงต้องเตรียมหลักฐานไปชี้แจงในชั้นวุฒิสภาต่อไป


สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน

Tags : ด่วน ปปช. มติ7-0 ชี้มูล ยิ่งลักษณ์ ผิดจำนำข้าว

view