สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

ข้ามขีดจำกัด

ข้ามขีดจำกัด

จาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์




ย้อนไปสัก 150 ปีที่แล้วที่เริ่มนำเครื่องพิมพ์ดีดมาใช้งานและแพร่หลายมากขึ้น การทำธุรกิจยุคนั้นก็ดูจะง่ายขึ้น

จนกระทั่งประมาณ 30 ปีที่ผ่านมาบทบาทของเครื่องพิมพ์ดีดก็ลดลงเพราะมีคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลเข้ามาทำหน้าที่แทน

ในยุครอยต่อดังกล่าวก่อให้เกิดการเติบโตทางธุรกิจและอุตสาหกรรมมากมายอย่างน่าประหลาดใจ เพราะอย่าลืมว่ายุคนั้นยังไม่มีทั้งคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คที่พกพาไปทำงานนอกสถานที่ได้ ไม่มีสมาร์mโฟน เครื่องพิมพ์เลเซอร์ความเร็วสูง ไม่มีเสิร์ชเอ็นจิ้นที่ใช้หาข้อมูลได้ง่ายๆ

เทียบกับคนทำงานในทุกวันนี้ที่มีอุปกรณ์ไฮเทครอบตัว ชนิดที่ติดต่อใครก็ได้ทั่วทุกมุมโลก จนน่าจะสร้างความสำเร็จได้ง่ายกว่าคนรุ่นเก่า แต่เอาเข้าจริงๆ แล้วคนที่จะก้าวขึ้นมาอยู่ในจุดที่ต้องการได้กลับไม่ได้มีจำนวนมากอย่างที่เราคิด

แม้เราจะเห็นเศรษฐีหน้าใหม่ที่ประสบความสำเร็จได้ตั้งแต่อายุน้อยด้วยพลวัตของโลกดิจิทัล เช่น บิลล์ เกตส์ หรือสตีฟ จ็อบส์ แต่ก็มีคนอีกเป็นจำนวนมากที่ต้องการก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเองโดยไม่จำเป็นต้องรวยล้นฟ้าเหมือนมหาเศรษฐีไอทีทั้ง 2 คนนั้น

เพราะบทบาทของไอทีได้เข้ามาเปลี่ยนวิถีชีวิตของเราจนทำให้มีไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไป แต่การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นนั้นส่วนใหญ่แล้วกลับไม่ได้ส่งผลบวกใดๆ กับหน้าที่การงาน หรือการเติบโตของเจ้าของธุรกิจขนาดกลาง หรือเล็กอย่างที่ควรจะเป็น

เนื่องจากการมีเครื่องไม้เครื่องมือทันสมัยอยู่รอบกายน่าจะทำให้เรามีหน้าที่รับผิดชอบที่ดีกว่านี้ได้ แต่จะมีแนวทางอย่างไรนั้น ลองมาฟังคำแนะนำของคนรุ่นเก่าอย่างผม ที่เติบโตมากับข้อจำกัดมากมายไม่เหมือนสมัยนี้ที่เทคโนโลยีต่างๆ เข้ามาช่วยยกระดับในการใช้ชีวิต โดยได้รวบรวมไว้ให้ 3 ข้อด้วยกัน ดังนี้

ข้อแรกคือความกระตือรือร้นและความขยันหมั่นเพียร ซึ่งอาจฟังดูเป็นเรื่องน่าเบื่อสำหรับเด็กยุคใหม่ที่เกิดมาพร้อมความเฉลียวฉลาดและรอบรู้ด้วยเทคโนโลยีที่เปิดโลกกว้างให้แก่เขา เพราะมีแนวโน้มว่าเด็กยุคใหม่นี้จะหลงกับความฉลาดของตัวเองและคิดว่าตัวเองนั้นเก่งแล้วและรู้ดีแล้ว

ท้ายที่สุดความเก่งและความฉลาดที่มีก็กลายเป็นกับดักที่ทำให้เขาไม่สนใจที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ที่ท้าทายและผลักดันให้เขาขวนขวายหาความรู้ใหม่ๆ อยู่เสมอ ตรงกันข้ามกับคนที่ประสบความสำเร็จได้ที่มักจะอาศัยความขยันหมั่นเพียรนี้ต่อยอดให้กับความเก่งของตัวเอง จนกลายเป็นคนที่เก่งและกล้าที่จะเสนอตัวรับงานใหม่ๆ ที่ท้าทายโดยไม่กลัวงานหนัก

คนที่กระตือรือร้นและขยันหมั่นเพียรอยู่เสมอ จึงมีแนวโน้มที่จะเติบโตขึ้นมาเป็นคนสำคัญขององค์กรได้ง่ายกว่า เพราะมีโอกาสในการเสนอตัวที่มากกว่านั่นเอง ซึ่งความกล้าที่จะรับผิดชอบนั้นไม่สำคัญว่าจะทำได้หรือไม่ได้ หรือว่าจะทำถูกหรือทำผิด แต่สำคัญที่ได้กล้าคิดและได้ลงมือทำ จนได้เป็นจุดเริ่มต้นที่จะไขว่คว้าหาความสำเร็จได้เร็วกว่าคนอื่น

ข้อสองต้องรู้จักคิดนอกกรอบ คิดนอกระบบ อย่าใช้เพียงสิ่งที่ตัวเองเห็นมาตัดสินใจทุกๆ เรื่อง เพราะบางครั้ง สิ่งที่อยู่ตรงหน้าอาจมีแต่อุปสรรคจนเราไม่อาจก้าวข้ามมันไปได้ เช่นเดียวกับภาษิตไทยที่ว่า “เส้นผมบังภูเขา”

มีตัวอย่างมากมายถึงการแก้ปัญหาโดยอาศัยการคิดนอกกรอบ ซึ่งเป็นความท้าทายคนทำงานในยุคใหม่นี้เพราะส่วนใหญ่แล้วคนเรามักจะหลงอยู่กับปัญหาและทางแก้ปัญหาที่มองเห็นอยู่เฉพาะหน้านี้เท่านั้นจนหลงลืมทางเลือกอื่นๆ ที่แฝงอยู่ภายใน ติดตามตัวอย่างดังกล่าวในฉบับหน้าครับ


สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน

Tags : ข้ามขีดจำกัด

view