กลุ่มบุคคลที่ได้รับความไว้วางใจน้อยที่สุด!!!

โดย : รศ.ดร.พสุ เดชะรินทร์

จาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

บทความสัปดาห์นี้อาจจะพาดหัวดูรุนแรงไป แต่ก่อนไปเฉลยนั้น ท่านผู้อ่านลองถามตนเองนะครับว่ากลุ่มบุคคลในวิชาชีพไหนที่ได้รับความไว้วางใจ

จากท่านผู้อ่านมากที่สุด และ กลุ่มบุคคลในวิชาชีพไหนที่ได้รับความไว้วางใจน้อยที่สุด?

ปัจจุบันเรื่องของ Trust หรือ ความไว้วางใจ ดูจะกลายเป็นประเด็นสำคัญที่ได้รับความสนใจจากทั้งนักวิชาการและผู้บริหารกันมากขึ้น เนื่องจากเราเริ่มเห็นว่าเมื่อมีความไว้วางใจเกิดขึ้น จะนำไปสู่ปัจจัยที่เป็นบวกหลายๆ ประการ แต่เมื่อใดก็ตามที่ความไว้วางใจหมดไป ความเสียหาย หรือ หายนะ ก็มักจะมาเยือนโดยเร็ว

ความไว้วางใจนั้น ครอบคลุมทั้งความไว้วางใจในระดับบุคคล ที่เรามีความไว้วางใจต่อบุคคลอื่น ความไว้วางใจต่อแหล่งข้อมูลต่างๆ ความไว้วางใจที่มีต่อองค์กร หรือแม้กระทั่งความไว้วางใจที่มีต่อรัฐบาลของเรา

ในปัจจุบันการสำรวจและจัดอันดับในเรื่องของความไว้วางใจที่ได้รับการอ้างอิงกันบ่อยๆ นั้นเป็นการจัดอันดับที่เรียกว่า Edelman Trust Barometer ซึ่งได้มีการจัดกันมาเป็นเวลา 14 ปีติดต่อกัน โดยทุกๆ ปี เขาจะมีการสำรวจประชากรมากกว่า 30,000 คน จากเกือบ 30 ประเทศทั่วโลก ในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับความไว้วางใจ ความน่าเชื่อถือต่างๆ ลองมาดูผลจากการสำรวจเรื่องของความไว้วางใจจากทั่วโลกนะครับว่าเป็นอย่างไรบ้าง โดยผมขอคัดเลือกมาเฉพาะในประเด็นที่น่าสนใจนะครับ

เริ่มจาก Global Trust ที่ระดับความไว้วางใจลดลงจากปีที่ผ่านมา โดยสาเหตุสำคัญมาจากความไว้วางใจที่มีต่อรัฐบาลในประเทศต่างๆ ลดลงอย่างมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวเลขของประชากรทั่วไปที่แสดงความไว้วางใจต่อรัฐบาลของประเทศตนนั้นลดลงอย่างเห็นได้ชัดเจน

ทีนี้เมื่อมาดูความไว้วางใจต่อกลุ่มบุคคลหรือวิชาชีพต่างๆ พบว่านักวิชาการ หรือ ผู้ที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน (Academic / Technical Expert) เป็นกลุ่มบุคคลที่ได้รับความไว้วางใจมากที่สุดสองวิชาชีพแรก ตามมาด้วย "a person like yourself" หรือคนที่มีลักษณะเหมือนเรา ตามด้วย Financial / Industry Analyst หรือนักวิเคราะห์ทางการเงินหรือวิเคราะห์อุตสาหกรรม ตามด้วยผู้แทนจาก NGO ตามด้วยพนักงานทั่วๆ ไป ตามด้วย CEO และ กลุ่มบุคคลที่ได้รับความไว้วางใจน้อยสุดคือเจ้าหน้าที่รัฐ (Government Official or Regulator)

ข้อมูลจากการสำรวจข้างต้นมีความน่าสนใจมากครับ และข้อมูลดังกล่าวไม่ใช่เฉพาะของประเทศไทยที่เดียวด้วยนะครับ เป็นมาจากประเทศต่างๆ เกือบ 30 ประเทศทั่วโลก ประเด็นความน่าสนใจคือตัว CEO หรือผู้บริหารสูงสุดกลับเป็นกลุ่มคนที่ประชาชนทั่วไปเห็นว่าไม่น่าไว้วางใจ ทั้งๆ ที่เป็นผู้บริหารสูงสุดขององค์กร และยิ่งถ้าเป็นข้าราชการหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐแล้ว ความไว้วางใจยิ่งต่ำลง กลายเป็นวิชาชีพที่น่าไว้วางใจต่ำที่สุด

อย่างไรก็ดี เมื่อเปรียบเทียบข้อมูลสองปีคือระหว่าง 2009 และ 2014 ก็จะพบว่าทั้ง CEO และเจ้าหน้าที่ของรัฐนั้นก็ต่างได้รับความไว้วางใจเพิ่มขึ้น แต่สองกลุ่มวิชาชีพที่ได้รับความไว้วางใจเพิ่มขึ้นสูงสุดกลับเป็น พนักงานทั่วๆ ไป และ กลุ่มที่เขาเรียกว่า "a person like yourself" แสดงว่าคนทั่วไปนั้นจะให้ความไว้วางใจกับคนธรรมดาๆ และคนที่ตนเองรู้สึกใกล้เคียงมากที่สุด

คราวนี้เราลองมาดูถึงความไว้ใจต่อแหล่งของข่าวและข้อมูลบ้างครับ ยิ่งในยุคปัจจุบันที่โอกาสของการสร้างข่าวลือที่ผิดๆ ง่ายเพียงแค่พิมพ์ข้อความไม่กี่บรรทัดเข้าไปในโทรศัพท์มือถือ สำหรับสื่อที่ได้รับความไว้วางใจสูงสุดนั้นยังคงเป็น Traditional Media หรือสื่อแบบดั้งเดิมทั้งโทรทัศน์ วิทยุ หนังสือพิมพ์ ตามมาติดๆ ด้วย Online Search Engines แล้วค่อยปิดท้ายด้วย Social Media แสดงให้เห็นความไว้วางใจต่อสื่อนั้น ยังคงมีต่อสื่อแบบ Traditional ที่มีคนกรอง คนดูแลข่าว ส่วน Social Media ที่สามารถสร้างข่าวลือได้อย่างง่ายดายนั้นกลับไม่ได้รับความไว้วางใจเท่าใด

สุดท้ายสิ่งที่เขาถามก็คือแล้วองค์กรจะสร้างความไว้วางใจให้กับบุคคลทั่วไปได้อย่างไร ซึ่งพบว่าการสร้างความไว้วางใจนั้นหนีไม่พ้นสองปัจจัยครับนั้นคือ Engagement หรือการให้บุคคลอื่นๆ เข้ามามีส่วนร่วม และ Integrity หรือที่มักจะแปลว่าความซื่อสัตย์ โดยปัจจัยย่อยๆ ภายใต้ Engagement นั้นก็มีทั้งเรื่องของ การรับฟังต่อลูกค้า การปฏิบัติต่อพนักงานด้วยดี การให้ความสำคัญต่อลูกค้าก่อนกำไร และการสื่อสารอย่างต่อเนื่อง ส่วนปัจจัยย่อยภายใต้ Integrity นั้นก็มีเรื่องของ จริยธรรม การปฏิบัติด้วยความรับผิดชอบในสถานการณ์ฉุกเฉิน การเปิดเผยและโปร่งใส

สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน