ความสำเร็จไม่ใช่แค่เป้าหมาย

โดย : แจ็ค มินทร์ อิงค์ธเนศ

จาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

ไม่ว่าจะอยู่ในวัยไหน มนุษย์ปุถุชนทั่วไปล้วนแสวงหา ความสำเร็จ ให้ชีวิตเสมอ

นับตั้งแต่วัยเรียนก็ต้องการความสำเร็จในการเรียนรู้เพื่อเป็นใบเบิกทางสู่หน้าที่การงานที่ดีในอนาคต ส่วนวัยทำงานต้องการความสำเร็จในตำแหน่งหน้าที่ให้เติบโตขึ้นในองค์กร

ปัจจัยสร้างความสำเร็จให้ชีวิตนับดูจริงๆ มีไม่กี่ข้อ แต่การสร้างความสำเร็จให้ชีวิตกลับไม่ง่าย เพราะชีวิตแต่ละคนมีมิติและมุมมองต่างกัน การสร้างความสำเร็จเป็นของตัวเองจึงไม่มีสูตรสำเร็จตายตัว

แต่แนวทางการสร้างความสำเร็จนั้นถือเป็นสิ่งที่พอจะพัฒนากันได้ โดยเฉพาะเรื่องของทัศนคติเชิงบวก ที่มีงานวิจัยหลายชิ้นยืนยันว่าเป็นองค์ประกอบหลักที่ช่วยผลักดันให้คนทั่วไปประสบความสำเร็จในชีวิตได้ เพราะการสร้างทัศนคติเชิงบวกจะเป็นพื้นฐานสำคัญควบคู่ไปกับทักษะการทำงานและเป็นสิ่งที่คนทั่วไปสามารถฝึกฝนและปรับตัวเพื่อสร้างทัศนคติที่ดีให้กับตัวเองได้

แต่ก่อนจะพัฒนาทัศนคติเชิงบวก เราจำเป็นต้องรู้จักขั้วตรงข้ามของมัน คือ ทัศนคติเชิงลบและหาทางกำจัดมันไปจากความรู้สึกนึกคิดของเราเสียก่อน ทัศนคติเชิงลบเหล่านี้อาจมีบางข้อที่ฝังลึกอยู่ข้างในโดยที่เราไม่รู้ตัวและกลายเป็นตัวบั่นทอนโอกาสในการสร้างความสำเร็จของตัวเอง

ประการที่ 1 คือการคิดสงสารตัวเองด้วยเหตุผลต่างๆ นานา เช่นบ่นว่าสภาพแวดล้อมไม่ดี ไม่เอื้ออำนวยให้ตนเอง โทษว่าครูไม่ยุติธรรม โทษว่าพ่อแม่ลำเอียง หรือโทษว่าหัวหน้าไม่ชอบ ไม่ยุติธรรม โดยมากก็ดูเหมือนจะเป็นการบ่นไปเรื่อย

แต่การบ่นถึงทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัว สุดท้ายจะกลายเป็นการบ่นเฉยๆ ไม่มีอะไรพัฒนางอกเงยขึ้นมา สุดท้ายตัวเราเองจะจมปลักอยู่กับความคิดดังกล่าวและไม่สามารถก้าวข้ามข้อจำกัดของตัวเองได้

ประการที่ 2 เสียเวลาไปกับสิ่งที่ตัวเองไม่สามารถควบคุมได้ ไม่ว่าจะเป็นปัจจัยธรรมชาติ เช่นฝนตก แดดออก พายุเข้า ซึ่งเราไม่สามารถควบคุมและบริหารจัดการอะไรได้ หรือเสียเวลารอดูคู่แข่งแต่เพียงอย่างเดียวว่าพัฒนาผลิตภัณฑ์ออกมาอย่างไร เมื่อไร ฯลฯ ซึ่งเราไม่สามารถไปกำหนดกฎเกณฑ์ได้

การเสียเวลาเหล่านี้เทียบกับการทุ่มเวลาพัฒนาตัวเองให้เต็มที่ เป็นสิ่งที่เราบริหารจัดการเองได้ 100% เต็ม จึงน่าให้ผลสัมฤทธิ์ที่ดีกว่า รวมถึงการขยายผลของสิ่งที่ตัวเองทำ เช่น สร้างความเชื่อมั่นและความศรัทธาในองค์กร ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำได้ทันที

ประการที่ 3 ไม่กล้ารับผิดชอบ ไม่กล้ารับความเสี่ยง ทั้งๆ ที่ความเสี่ยงเป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จ คนที่ไม่กล้ารับความเสี่ยงจึงไม่ต่างอะไรกับคนที่รอความหวังให้ความสำเร็จมาถึงตัวเองอย่างลมๆ แล้งๆ แต่ทั้งนี้ไม่ได้หมายถึงให้บุ่มบ่ามลงมือทำโดยไม่วิเคราะห์เรื่องความเสี่ยงให้ถี่ถ้วน

เพราะการจัดการกับความเสี่ยง คือ การวางแผนทุกอย่างให้รัดกุม และต้องกล้าทำ กล้าสู้ ถ้าเตรียมพร้อมอย่างถึงที่สุด โอกาสประสบความสำเร็จก็มากขึ้นตามไปด้วย

ประการที่ 4 รู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเอง อาจเพราะไม่มีความสามารถมากพอจนทำให้มีคนอื่นเข้ามาบงการอยู่เบื้องหลัง หรือต้องทำตามสิ่งที่คนอื่นคิดมาให้ไม่ว่าจะเป็นเรื่องทิศทางการทำงาน หรือนโยบายต่างๆ ที่เราไม่ได้เข้าไปมีส่วนร่วม

เมื่อไม่สามารถเข้าไปกำหนดแนวทางอะไรได้ทั้งๆ ที่ได้รับมอบหมายหน้าที่มาแล้วก็เท่ากับเราไม่มีความสามารถบริหารจัดการองค์กรนั้นได้จริงๆ ท้ายที่สุดก็จะกลายเป็นความเครียดสะสมและกลายเป็นความโมโห ที่ไม่อาจทำอะไรๆ ได้ตามใจสั่ง

ยังเหลืออีก 6 ข้อต้องขอยกยอดไปไว้ใน ไอทีไร้พรมแดน ฉบับวันอังคารหน้าครับ

สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน