วาง position ไว้ให้ดีๆ

โดย : เสถียร ตันธนะสฤษดิ์

จาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

เหตุการณ์บ้านเมืองคลี่คลายไปในทางที่สงบขึ้น

เพียงอยากจะเรียนว่าที่พวกเรารู้สึกดีนั้น เพราะว่าเราอยู่ในสภาพที่อึดอัดมานาน เหมือนคนปวดหัว วิงเวียน ไม่สบายตัว ตอนนี้พอได้รับยารักษาตามอาการ ก็เลยรู้สึกดีขึ้น เพียงแต่ว่าการดูและวิเคราะห์ที่ลึกลงไป และหาหนทางแก้ไขที่ยั่งยืนคงต้องทำอีกอย่างต่อเนื่อง ขอเป็นกำลังใจให้กับผู้ปฏิบัติและผู้ที่กำหนดทิศทางให้ประสบความสำเร็จนะครับ

ที่มาที่ไปของเรื่องที่จั่วหัวไว้ข้างต้น ก็เป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาให้รอบคอบ อย่าให้อารมณ์ (ดีหรือเสียแล้วแต่กรณี) มาทำให้มันบิดเบี้ยวได้ มิฉะนั้น การลงทุนของเราก็จะบิดเบี้ยวตามไปด้วย ผมใช้ศัพท์ของพวก trader หากเป็นของนักลงทุนทั่วไปก็คงหมายถึง จัดพอร์ตให้ดีๆ (ขอออกนอกเรื่องนึดนึง คำว่า “จัดพอร์ต” คนไทยเอามาใช้กันอย่างแพร่หลาย หากไปพูดกับฝรั่งจริงๆ เขาจะไม่เข้าใจนะครับ พอร์ตมาจาก พอร์ตโฟลิโอ สไตล์ไทย ๆ ตัดด้วนๆ เหลือพอร์ต หากจะคุยกับฝรั่งก็ใช้ให้ถูกนะครับ) ผมก็เลยมีมุมมองให้พิจารณาอยู่สองสามประเด็นนะครับ

1)แนวโน้มของอัตราดอกเบี้ย เคยได้เรียนท่านผู้อ่านมาหลายครั้งเป็นระยะๆ ว่า อเมริกานั้นเศรษฐกิจมีสัญญาณบ่งชี้ว่าจะฟื้นตัว ตัวเลขทางเศรษฐกิจที่ต้องติดตามก็คงเป็นตัวเลขเรื่องการจ้างงาน และดัชนีราคาเป็นหลักและตัวเลขดุลการค้า หรือตัวเลขที่ระบุเสถียรภาพภายนอก (External Balance) เป็นตัวรอง หากติดตามอย่างใกล้ชิดประกอบกับเฝ้าฟังว่า Fed จะส่งสัญญาณอย่างไร (ผ่าน Fed Statement)

ผมเชื่อว่าตลาดการเงิน (ตลาดเงินและตลาดทุน) ได้มีปฏิกิริยาตอบสนองไปในทางบวกเรียบร้อยแล้ว ดังที่เห็นได้จากการ “นิวไฮ” ของดัชนีหุ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่ง S&P 500 มาโดยตลอด และหากเป็นเช่นนั้นจริง มาตรการอุ้มของ Fed ได้แก่ QE ก็คงจะค่อย ๆ หมดความจำเป็น

ดังนั้นตลาดก็จะมีปฏิกิริยาต่อข่าวนี้ ในลักษณะที่อัตราดอกเบี้ยจะสูงขึ้น ตลาดจะไล่ดัชนีตลาดหุ้นให้สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยนัยว่าระบบเศรษฐกิจกระเตื้องขึ้น ขอให้ติดตามการเคลื่อนไหวและท่าทีของ Fed ให้ดีแล้วท่านจะไม่ตกรถไฟ

2) ส่วนในสังคมเศรษฐกิจอื่นๆ ได้แก่ สหภาพยุโรป, ญี่ปุ่น เป็นต้น ผมเชื่อว่าจะกระเตื้องขึ้นเช่นเดียวกันตามอเมริกานั่นแหละ การฟื้นตัวของสหภาพยุโรปน่าจะหลังญี่ปุ่นพอควร เพราะคงต้องทะเลาะกันเองระยะหนึ่ง การฟื้นตัวของญี่ปุ่นจะมีผลกระทบในทางดีทั้งต่ออเมริกา และเศรษฐกิจโลกค่อนข้างมาก การฟื้นตัวของอเมริกาและญี่ปุ่น จะทำให้ระบบเศรษฐกิจโลกโดยรวมดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และเมื่อภายหลังสหภาพยุโรปติดตามกันมาก็จะทำให้ดีขึ้นไปอีก ทุกอย่างดูสวยหรู ดูดีนะครับ ก็อยากจะบอกว่าใช่แล้ว ดูกันไกลๆ ระหว่างทางก็น่าจะมีการปรับตัวลดลงมาบ้างจากข่าวคราวต่างๆ ซึ่งผมดูเป็นเรื่องปกติ ประเด็นค้างคาในเรื่องภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitics) ก็น่าจะเหตุอันควร ให้มีการปรับตัวของตลาดการเงินของเรานะครับ

3) ส่วนตัวผมเชื่อว่ามันจะเป็นทศวรรษแห่งการฟื้นตัว (Decade of Recovery) นำโดยอเมริกา และหากเป็นอย่างที่บอกจริง การเตรียมตัววาง position ให้ถูกต้อง ก็เป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องทำ เพื่อผลตอบแทนที่ดีเหมาะสมกับการฟื้นตัวของระบบเศรษฐกิจ

ขออนุญาตเรียนท่านผู้อ่านอีกสักครั้งตรงนี้นะครับ การวิเคราะห์ของผมนั้น ผมไม่ได้มี model อะไรมาสนับสนุนเหมือนนักเศรษฐศาสตร์โดยทั่วไป เพียงแต่อาศัยประสบการณ์ที่มี ประกอบกับการมอง behavior ของตลาดการเงินในการตอบสนองต่อสภาวะที่เกิดขึ้น ดังนั้น หากท่านยังไม่แน่ใจก็ไม่เป็นไรครับ ควรต้องหารือ “ผู้รู้” ท่านอื่นประกอบก็ได้นะครับ

4) อเมริกาก็คืออเมริกา คือยังทรงอิทธิพลต่อโลกใบนี้ไม่ว่าจะเป็นที่ชื่นชอบหรือไม่ก็ตาม การฟื้นตัวของอเมริกา ย่อมทำให้การเคลื่อนย้ายเงินทุนกลับไปอเมริกาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้นหากเราต้องจัด position ของเราให้สะท้อนสิ่งที่กล่าวนี้ก็คงต้อง “long America” ซึ่งหมายถึงสินทรัพย์อะไรก็ตามที่เป็น American เราก็คงต้องตามไปถือครองจริงๆ

ผมได้กล่าวเรื่องนี้มาเป็นระยะๆ ในช่วงหนึ่งปีครึ่งถึงสองปีที่ผ่านมา และหากจะเริ่มตอนนี้ก็ยังไม่สายนะครับ เพียงแต่ท่านได้ “foregone” โอกาสที่ดีกว่านี้มาในช่วงที่ผ่านมาแล้ว หากจะยกตัวอย่างเอาแต่ดัชนีหุ้น S&P 500 หากเราเลือกลงทุนในกองทุนที่ลงทุนในต่างประเทศโดยเลือกกองที่ลงในหุ้นอเมริกา ในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา อัตราผลตอบแทนน่าจะอยู่ในช่วงประมาณ 22-27% เป็นอย่างน้อย แล้วแต่ความสามารถของผู้จัดการกองทุน

5) การ long America ก็คงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ต้อง long dollar และมุมมองของผมก็คือ ค่าของเงินดอลลาร์จะมีค่าสูงขึ้น การพิจารณาข้อนี้เรามองด้านปัจจัยพื้นฐานของอเมริกาเองเป็นหลัก หากเราจะมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสกุลเงินที่เทียบกับดอลลาร์ด้วยแล้ว ก็อาจจะยากขึ้นเล็กน้อยถึงพอควร ตัวอย่างเช่น หากพิจารณาดอลลาร์/เยน ก็จะเห็นว่ามีค่าสูงขึ้นมาโดยตลอดและตอนนี้เริ่ม "อืด” เล็กน้อย ปัจจัยหลักก็คือเศรษฐกิจญี่ปุ่นที่ดีขึ้น หรือมองเงินสกุลอื่นเช่น ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ก็จะเห็นว่าตอนนี้ลดลงจากระดับสูงสุดมาพอควร และเช่นกันตอนนี้ก็เริ่มนิ่ง ก็เลยอยากเรียนว่าขอให้ยึดหลัก long dollar ไว้ ท่านไม่น่าจะผิดพลาดแน่นอน เพียงแต่ตอนนี้นักลงทุนก็ลำบากใจ เหตุผลหลักก็เป็นเพราะอัตราผลตอบแทนที่ 0% ของดอลลาร์เป็นเรื่องใหญ่

ดังนั้น การ trade เงินตราต่างประเทศคงต้องทำด้วยความระมัดระวัง แบ่งการพิจารณาเป็นแบบช่วงสั้น ๆ (Short Term) และแบบยาว (Long Term) ข้อดีของตลาดอัตราแลกเปลี่ยนก็คือ มีความสามารถในการเปลี่ยน (Convertibility) ค่อนข้างสูง ยกเว้นในหลายกรณีที่มีการตัดสินใจไม่เด็ดขาด หรือไม่ตัดสินใจเท่านั้น ที่จะทำให้เกิดความเสียหายได้ และตลาดอัตราแลกเปลี่ยนก็เป็นตลาดที่ไม่ง่าย หากเทียบกับตลาดการเงินอื่นๆ

เดือนนี้ ก็ยากนิดหน่อยนะครับ เพียงแต่ในหลายๆ เรื่องได้เคยเรียนให้ท่านทราบไปแล้ว เพียงแต่ยกขึ้นมา “ปัดฝุ่น” สักเล็กน้อย และเช่นเคยทั้งหมดเป็นความเห็นส่วนตัวของผมนะครับ และโปรดใช้วิจารณญาณให้มากๆ นะครับ สวัสดี

สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน