ปฏิรูปการต้านคอร์รัปชัน

โดย : โกศล อนุสิม

จาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

การเข้ามาควบคุมอำนาจการบริหารประเทศของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แม้ผิดหลักการประชาธิปไตยอันเป็นที่ยึดถือเป็นสากล

แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าคนไทยเป็นจำนวนมากยอมรับการเว้นวรรคประชาธิปไตยในครั้งนี้และฝากความหวังไว้กับ คสช. ว่าจะทำการแก้ไขปัญหาและปฏิรูปกฎเกณฑ์ โครงสร้างต่างๆ อันเป็นเหตุให้สังคมไทยในช่วงประชาธิปไตยชะงักงันมานาน

คสช. ได้ให้คำมั่นสัญญาว่าจะปฏิรูปอะไรๆ ให้ดีขึ้นก่อนจะให้มีการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย ผู้เขียนจึงอยากฝากให้ คสช. ปฏิรูปกระบวนการต้านคอร์รัปชันไปด้วย เพราะการคอร์รัปชันเป็นปัญหาใหญ่ของสังคมไทย และเป็นเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดการควบคุมอำนาจการบริหารประเทศของ คสช. ในครั้งนี้ด้วย เท่าที่ผ่านมา กระบวนการต้านคอร์รัปชันในประเทศไทยแม้จะดูเหมือนว่ามีการเอาจริงเอาจัง แต่แท้ที่จริงแล้ว ก็ทำอะไรได้ไม่มากนัก การคอร์รัปชันยังคงมีกันอย่างแพร่หลาย เรียกได้ว่าตั้งแต่ระดับยอดไม้ถึงปลายหญ้าต่างก็มีส่วนในขบวนการคอร์รัปชันกันอย่างกว้างขวาง แนวทางในการปฏิรูปกระบวนการต้านคอร์รัปชันที่ผู้เขียนอยากนำเสนอ คสช. ผ่านคอลัมน์นี้ ก็คือ

1. ออกกฎหมายให้บุคคลที่มีตำแหน่งหน้าที่ระดับสูง ต้องแสดงบัญชีทรัพย์สินหนี้สินก่อนเข้าตำแหน่งและหลังพ้นตำแหน่ง ทั้งนักการเมืองระดับชาติและระดับท้องถิ่น ข้าราชการตั้งแต่ระดับรองอธิบดีหรือเทียบเท่าขึ้นไป กรรมการองค์กรอิสระทุกแห่ง บอร์ดและผู้บริหารรัฐวิสาหกิจทุกแห่ง กรรมการและผู้บริหารธนาคารและสถาบันการเงินของรัฐทุกแห่ง หากมีทรัพย์หากมีทรัพย์สินที่แสดงที่มาที่ไปไม่ได้ ถือว่าได้มาโดยมิชอบ ให้ยึดเข้าหลวงและเอาผิดตามกฎหมาย และเพื่อเป็นตัวอย่างที่ดีและแสดงความบริสุทธิ์ใจ คณะ คสช. ควรทำเป็นตัวอย่างจะดีที่สุด

2. ออกกฎหมายห้ามนักการเมืองที่เคยถูกสอบสวนว่ากระทำผิดฐานคอร์รัปชันและผู้ที่เคยถูกสอบสวนว่ากระทำผิดฐานคอร์รัปชันในทุกสาขาอาชีพดำรงตำแหน่งทางการเมือง หรือตำแหน่งอื่นใดทั้งในส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจโดยเด็ดขาด

3. ออกกฎหมายกำหนดบทลงโทษความผิดฐานคอร์รัปชันให้มีโทษสูงสุด และห้ามผู้ที่ศาลตัดสินว่ามีความผิดดำรงตำแหน่งนั้นตลอดชีวิต เช่น หากนักการเมืองคนใดถูกศาลตัดสินว่ามีความผิดฐานคอร์รัปชันก็ห้ามให้ทำงานการเมืองหรืองานอื่นใดลักษณะเดียวกัน รวมถึงผู้บริหารองค์กรต่างๆ ของภาครัฐตลอดชีวิต ซึ่งกฎหมายเดิมกำหนดห้ามไว้เพียง 5 ปี

4. ออกกฎหมายลงโทษผู้ให้สินบน หรือสนับสนุนการให้สินบน ส่งเสริมการคอร์รัปชัน ทั้งบุคคลและนิติบุคคล โดยกำหนดอัตราโทษไว้ให้สูง และห้ามสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา ผู้บริหารและสมาชิกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวมถึงผู้บริหารหรือกรรมการองค์กรต่างๆ ของรัฐและรัฐวิสาหกิจ

5. จัดตั้งศาลคดีคอร์รัปชันขึ้นมารับผิดชอบตัดสินคดีความในฐานความผิดนี้เป็นการเฉพาะ ในลักษณะเดียวกับศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง

6. การแต่งตั้งคณะรัฐมนตรี สภานิติบัญญัติแห่งชาติ สภาปฏิรูป หรือสภาอื่นใดที่จะมีขึ้นในไม่นานนี้ ไม่แต่งตั้งผู้ที่มีประวัติเกี่ยวพันกับการคอร์รัปชัน ไม่ว่านักการเมือง ข้าราชการ ผู้บริหารรัฐวิสาหกิจ นักธุรกิจ ภาคประชาชน เข้ามาเป็นสมาชิกสภาดังกล่าว เพื่อให้สภาดังกล่าวปราศจากผู้ที่มีมลทินด่างพร้อย ดำเนินการออกกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับต่างๆ ตามข้อ 1-5 ให้เสร็จสิ้นก่อนการเลือกตั้งตามแผนของ คสช.

7. กำหนดให้การต่อต้านคอร์รัปชันเป็นอุดมการณ์ของชาติ โดยกำหนดให้เป็นวิชาหลักในสถานศึกษาทุกระดับ โดยให้เยาวชนเรียนรู้ถึงโทษภัยของการคอร์รัปชันที่ทำความเสียหายให้แก่ทั้งบุคคล คณะบุคคล สังคม ประเทศชาติ ปลูกฝังให้สำนึกในหน้าที่ของพลเมืองที่จะป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาคอร์รัปชันขึ้นในทุกระดับ โดยจัดทำเนื้อหาที่จะต้องเรียนให้เหมาะสมกับผู้เรียนในแต่ละวัย

ข้อเสนอทั้ง 7 ข้อผู้เขียนเชื่อว่าจะเป็นแนวทางในการปฏิรูปกระบวนการต้านคอร์รัปชันให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลได้มากขึ้น แนวทางในข้อ 1-6 นั้นเป็นการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นแล้วรวมทั้งเป็นการป้องปรามไม่ให้เกิดปัญหาขึ้นในอนาคต ส่วนข้อที่ 7 นั้นเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ประชาชนไทยในระยะยาว หากทำได้ก็จะช่วยให้กระบวนการต้านคอร์รัปชันในสังคมไทยมีความแข็งแกร่ง แม้จะต้องใช้เวลานานสักหน่อย อาจจะ 20-30 ปีจึงจะเห็นผลอันแน่นอน แต่สังคมไทยก็จะได้ประโยชน์มหาศาลในอนาคต เป็นการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน

อันที่จริงแล้ว ก็ไม่ควรที่จะฝากความหวังไว้กับ คสช. เพียงฝ่ายเดียว ประชาชนไทยที่รังเกียจคอร์รัปชันทุกคนต้องช่วยกันด้วย เริ่มต้นที่บ้านของเรา ที่ตัวเรา ที่บุตรหลานของเรา ไม่คอร์รัปชันและไม่สนับสนุนการคอร์รัปชัน เคารพศีลธรรมและกฎหมายอย่างเคร่งครัด ก็เป็นการต้านคอร์รัปชันได้อย่างเข้มแข็งและเห็นผลในทันทีเช่นกัน

สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน