สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

1เดือน-คสช-สอบผ่าน

จาก โพสต์ทูเดย์

โดย...กองบรรณาธิการโพสต์ทูเดย์

ครบรอบ 1 เดือน การบริหารงานของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในวันที่ 22 มิ.ย. หลังเข้ายึดอำนาจการปกครอง เมื่อวันที่ 22 พ.ค. 2557 มีกระแสต่อต้านบ้างในระยะแรก

แต่ผ่านมาระยะหนึ่งกระทั่งครบเดือน กระแสตอบรับดีขึ้นตามลำดับ เนื่องจากการบริหาร “แบบทหาร” ของ คสช. ภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีความเบ็ดเสร็จเด็ดขาดเห็นผลเป็นรูปธรรม ซึ่งตรงใจคนจำนวนมากที่ต้องการเห็นบ้านเมืองสงบไม่ทะเลาะขัดแย้งกันไม่หยุดหย่อน

ตลอด 1 เดือน คสช.ได้ขับเคลื่อนการบริหารภายใต้โครงสร้างการทำงาน ซึ่งแบ่งออกเป็นฝ่ายเศรษฐกิจ ฝ่ายสังคม และฝ่ายกฎหมาย

ด้านเศรษฐกิจผลงานที่เห็นได้ชัดคือ การเร่งจ่ายค่าจำนำข้าวที่ค้างอยู่ให้ชาวนาครบ 9.2 หมื่นล้านบาท และสามารถปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าวได้

กระทรวงการคลังคาดการณ์ว่า เม็ดเงินจำนวนนี้จะทำให้เศรษฐกิจขยายตัวได้เพิ่มขึ้น 0.2% ขณะเดียวกันหัวหน้า คสช.ได้สั่งล้มนโยบายรับจำนำข้าวและประกาศไม่เอานโยบายประกันราคาข้าว แต่หันไปช่วยลดต้นทุนการผลิตฤดูกาลใหม่ 2557/2558 วงเงิน 500 บาท/ไร่ มาตรการทั้งหมดนี้จะประหยัดงบประมาณได้หลายแสนล้านบาท

ขณะที่การทำโครงการรับจำนำข้าว 2 ปี ใน 5 ฤดูการผลิตของรัฐบาลชุดที่แล้วใช้เงินไป 8-9 แสนล้านบาท ขาดทุนถึง 5 แสนล้านบาท นอกจากนี้ได้เร่งการเบิกจ่ายงบประมาณปี 2557 ที่ค้างท่ออีก 2-3 แสนล้านบาท จัดทำงบประมาณปี 2558 ให้ใช้ได้ทันวันที่ 1 ต.ค. 2557 ซึ่งสามารถสร้างความเชื่อมั่นจากเดิมก่อนที่ประเมินกันว่าเศรษฐกิจไทยจะโตต่ำกว่า 2% ต่อปี แต่เมื่อ คสช.เข้ามาขับเคลื่อนนโยบาย ทำให้เศรษฐกิจกลับมาขยายตัวเพิ่มขึ้น 2-3% หรือขยายตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 1%

ที่สำคัญได้สั่งการให้มีการทบทวนโครงการลงทุนด้านต่างๆ จำนวนมาก ทั้งโครงการลงทุนน้ำ 3.5 แสนล้านบาท โครงการคมนาคม 2 ล้านล้านบาท ที่อาจไม่จำเป็นต้องกู้เงินมาดำเนินการทั้งหมดให้ประเทศต้องแบกภาระหนี้กันบักโกรก

นอกจากนี้ ยังอุดช่องว่างไม่ให้งบประมาณรั่วไหลหรือลงทุนในโครงการที่ไม่คุ้มค่า โดย คสช.ได้ตั้งคณะทำงานตรวจสอบโครงการมูลค่าเกิน 1,000 ล้านบาท 8 โครงการ มูลค่า 1.4 แสนล้านบาท รวมทั้งตรวจสอบโครงการอื่นๆ อีก 28 โครงการ พร้อมทั้งให้กระทรวงการคลังตรวจสอบโครงการลงทุนของรัฐวิสาหกิจที่มีมูลค่าเกิน 100 ล้านบาทอีกด้วย

สำหรับ 8 โครงการขนาดใหญ่ อาทิ การลงทุนสนามบินสุวรรณภูมิเฟส 2 วงเงิน 6.25 หมื่นล้านบาท การแจกคูปองทีวีดิจิทัล 2.5 หมื่นล้านบาท การเปิดประมูลคลื่น 1800 และ 900 มูลค่าใบอนุญาตเริ่มต้น 2 หมื่นล้านบาท โครงการจัดให้มีบริการโทรคมนาคมพื้นฐานโดยทั่วถึงและบริการเพื่อสังคม (USO) มูลค่า 2.4 หมื่นล้านบาท การยกเลิกการจัดซื้อแท็บเล็ตวงเงินร่วม 6,970 ล้านบาท เป็นต้น

หากเทียบเคียงการดำเนินนโยบายเหล่านี้ในรัฐบาลปกติหรือรัฐบาลที่แล้วๆ มา ที่มีเสียงครหาเรื่องการจ่ายใต้โต๊ะสูง 20-30% เป็นไปได้ว่าหาก คสช.ดำเนินการอย่างจริงจัง ไม่ลูบหน้าปะจมูกจะทำให้รัฐสามารถประหยัดงบประมาณได้มาก ซึ่งหากคำนวณวงเงินรวมของโครงการเหล่านี้ประมาณ 2.43 แสนล้านบาท แล้ว 30% ออก จะทำให้ลดการรั่วไหลได้ถึง 7.29 หมื่นล้านบาท

มาตรการลดค่าครองชีพช่วยเหลือประชาชนก็ได้เสียงตอบรับไม่น้อย อาทิ ตรึงราคาสินค้าอุปโภคบริโภคเป็นเวลา 6 เดือน ตั้งแต่เดือน มิ.ย.-พ.ย. 2557 ตรึงราคาก๊าซแอลพีจี (ก๊าซหุงต้ม) ภาคครัวเรือน ให้กลับไปใช้ราคาเดิมของเดือน พ.ค. 2557 ซึ่งราคาอยู่ที่ 22.63 บาท/กก. จากเดิมก๊าซหุงต้มจะปรับราคาขึ้นเดือนละ 50 สตางค์/กก.

นอกจากนี้ สั่งให้ลดราคาน้ำมันดีเซลหน้าสถานีบริการลง 14 สตางค์/ลิตร เหลือ 29.85 บาท/ลิตร มีผลตั้งแต่วันที่ 13 มิ.ย.ที่ผ่านมา พร้อมกับจะปรับโครงสร้างพลังงานให้ประชาชนบริโภคพลังงานที่มีความเป็นธรรม

แม้แนวทางการแก้ปัญหาเหล่านี้บางมาตรการจะโน้มเอียงไปในแนวนโยบายประชานิยม แต่ในภาพรวมถือว่าประชาชนส่วนใหญ่ได้ประโยชน์

ขณะเดียวกัน คสช.สามารถคืนความสงบอย่างเป็นรูปธรรม โดย 1 เดือนมานี้ ไม่มีเสียงเอ็ม 79 รายวัน ให้ต้องคอยหวาดกลัวกันอีกต่อไป พร้อมๆ กับสามารถกวาดล้างอาวุธสงคราม จับกุมยาเสพติด บุกยึดไม้เถื่อน ตู้ม้า ล่ามาเฟีย ได้ทั่วประเทศจำนวนมาก อีกทั้งสั่งรื้อการขายสลากกินแบ่งเกินราคา สั่งจัดระเบียบแรงงานต่างด้าว ที่มีการหาประโยชน์กันเป็นล่ำเป็นสัน ฯลฯ

อย่างไรก็ตาม ประชาชนคนกรุงเทพฯ คงพออกพอใจมากหากการจัดระเบียบรถตู้ รถแท็กซี่ และวินมอเตอร์ไซค์ เป็นจริง เพราะเป็นปัญหาที่เรื้อรังมานาน ดังนั้นหากเป็นไปตามประกาศ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ขีดเส้นให้แล้วเสร็จภายใน 5 วัน ผู้ใช้รถใช้ถนนคงได้รับความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น

ผลการตอบรับนโยบาย คสช.สะท้อนผ่านผลสำรวจประชาชนทั่วประเทศของสวนดุสิตโพล 5 อันดับ ผลงาน คสช.ที่โดนใจประชาชนมากที่สุด อันดับ 1 บอกว่า จ่ายหนี้ชาวนา 89.46% อันดับ 2 กวาดล้างอาวุธเถื่อน ยาเสพติด การพนัน มาเฟีย 75.06% อันดับ 3 ลดค่าครองชีพ ตรึงราคาก๊าซ น้ำมัน 74.29% อันดับ 4 ตรวจสอบความโปร่งใสบอร์ดรัฐวิสาหกิจ 70.69% และอันดับ 5 ปฏิรูปโครงสร้างพลังงาน 64.27%

โดยเฉพาะการแก้ปัญหาทางการเมือง ซึ่งเป็นปัญหาหลักในความขัดแย้งก่อนนำมาสู่การยึดอำนาจ คสช.ได้สั่งย้ายข้าราชการขั้วอำนาจเก่า เพื่อเปิดทางให้ส่วนราชการสามารถผลักดันนโยบายให้มีความคล่องตัวมากขึ้น พร้อมๆ กับได้เรียกตัวบุคคลมารายงานตัวเป็นระยะหลายร้อยคน ขณะเดียวกันได้จัดเวทีปรองดองขึ้นทั่วประเทศ แม้จะไม่สามารถการันตีได้ว่าคู่ขัดแย้งสองฝ่ายจะ “จูบปาก” กันถาวรหรือไม่ แต่สถานการณ์ที่ประเทศต้องการความสงบ เพื่อจะเดินหน้าปฏิรูปประเทศ คสช.ได้สร้างบรรยากาศเอื้ออำนวยให้บ้านเมืองเดินหน้าไปได้

อย่างไรก็ดี แม้ผลงาน 1 เดือน จะสอบผ่าน แต่ยังต้องติดตามพิสูจน์ฝีมือ คสช.ในระยะต่อไปอีก


สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน

Tags : 1เดือน คสช สอบผ่าน

view