สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

เป้าหมายที่หัวหน้าใช้ ลูกน้องชอบ

เป้าหมายที่หัวหน้าใช้ ลูกน้องชอบ

จาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์




ความพร้อมที่จะเริ่มต้น และมุ่งมั่นที่จะทำอะไรแปลกใหม่ไปจากเดิม เป็นการขยายโอกาสสู่ความสำเร็จอย่างสูง

เริ่มต้นด้วยจุดมุ่งหมายในใจ (Begin with the end in mind) เป็นอุปนิสัยที่ 2 ที่ Stephen R. Covey ได้เสนอแนะไว้ในหนังสือเพื่อการพัฒนาตนเอง ที่มียอดขายสูงและเป็นที่รู้จักมีคนอ่านจำนวนมาก ซึ่งอุปนิสัยนี้มีพื้นฐานอยู่บนหลักการของการ “พัฒนาภาวะผู้นำด้วยตนเอง” โดยมีความเชื่อที่ว่า ใครก็ตามที่มีการกำหนดเป้าหมายในชีวิต เส้นทางการทำงาน การเรียนรู้ จะมุ่งไปสู่สิ่งนั้น
มีผลงานการศึกษาวิจัยจำนวนมากทั้งในและต่างประเทศ ระบุไว้ตรงกันประการหนึ่งคือ เมื่อใดก็ตามที่คนรู้ว่าเป้าหมายในชีวิตคืออะไร และรู้ได้เร็วเท่าใด โอกาสที่จะเกิดความสำเร็จเป็นไปในสิ่งที่หวังไว้ จะเร็วขึ้นโดยไม่หลงทางไปในเส้นทางอื่น เสมือนวิ่งเข้าสู่เป้าหมายเป็นเส้นตรง โดยไม่วกวนไปในพื้นที่อื่นๆ ก่อน
สอดคล้องกับการสำรวจอีกหลายชิ้นที่ระบุตรงกันว่า คนที่ประสบความสำเร็จในชีวิตการทำงานในช่วงวัยที่เร็วไม่เกินอายุ 40 ปี มาจากการที่เด็กคนนั้นรู้ว่าจะทำอะไรและเป็นอะไรในอนาคต เมื่อผนวกรวมกับความเข้าอกเข้าใจของครอบครัว การเปิดกว้างยอมรับจากพ่อแม่ และการส่งเสริมสนับสนุนที่ดีจากโรงเรียนและคุณครู เส้นทางชีวิตของคนที่ประสบความสำเร็จเหล่านั้นจะไม่คดเคี้ยวมากนัก
ดังนั้นระบบการศึกษาในต่างประเทศ จึงมุ่งเน้นการสร้างพื้นฐาน การเตรียมความพร้อมในระดับอนุบาล แล้วค่อยเน้นวิชาการเมื่อเริ่มเข้าวัยประถม ผนวกด้วยการเรียนรู้เชิงบูรณาการเป็นโครงการ (Project based learning) ทำให้เด็กรู้จักคิด และประยุกต์ความรู้ที่ได้กับชีวิตประจำวันมากขึ้น และเมื่อโตขึ้นในระดับมัธยม นอกจากการเรียนเนื้อหาเชิงวิชาการแล้ว จะมุ่งเน้นกิจกรรมเพื่อสำรวจตัวเอง ที่สำคัญเด็กในวัยมัธยมต้นจะรู้แล้วว่าตนเองจะไปในทิศทางไหน อย่างเรียนต่ออะไร
โดยอุปนิสัยที่ 2 นี้จะกระทำได้ดีก็ต่อเมื่อ คนๆนั้นมีอุปนิสัยที่ 1 ก่อนคือ Be Proactive คือต้องเป็นผู้ริเริ่มก่อน หรือเป็นผู้ที่มุ่งมั่นในการเดินไปข้างหน้า ดังนั้นคนที่ทำงานไปวันวัน ทำงานซ้ำๆ เป็นประจำ ทำงานแบบรอรับคำสั่ง หรือทำงานตามขั้นตอนปฎิบัติ โดยไม่คิดจะปรับปรุงเปลี่ยนแปลงอะไร แม้ว่าจะเห็นปัญหาอยู่ข้างหน้าทุกวันก็ตาม จะไม่มีวันก้าวหน้าและประสบความสำเร็จได้เลย
เมื่อคนคนหนึ่ง ลุกขึ้นมาและพูดกับตนเองว่า จะไม่ยอมให้สภาพแวดล้อม วิธีคิด และวิธีปฎิบัติที่ทำต่อๆ กันมานานนับเป็นเวลาหลายปี เป็นตัวกำหนดความคิดและการกระทำของตนเอง หากแต่จะฝ่าฟันมุ่งมั่น และจะเผชิญกับปัญหาอุปสรรคนานัปการอย่างมีเหตุผล จึงเป็นการปลุกเร้าและสร้างจิตสำนึกให้แก่ตนเอง ได้ดีกว่าที่จะให้ใครหรือหน่วยงานใดก็ตาม มารณรงค์ส่งเสริมหรือสร้างความตระหนักให้กับเรา
ในบริบทขององค์กรก็เช่นกัน ต้องสร้างสภาพแวดล้อมและสื่อสารถึงการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ไม่ว่าการเปลี่ยนแปลงนั้นๆ จะเป็นสภาพภายนอก เช่น อัตราการว่างงาน สภาพเศรษฐกิจ การแข่งขันทางธุรกิจ ความต้องการของลูกค้าและตลาด และแนวนโยบายขององค์กรที่อาจต้องเปลี่ยนแปลงไปในอนาคต ทั้งนี้เพื่อให้พนักงานได้เตรียมพร้อม ก่อนที่ปัญหาที่เราคาดการณ์ไว้จะอุบัติขึ้น
สิ่งที่บ่งชี้อย่างชัดเจนว่า คนในองค์กรตระหนักถึงความจำเป็นที่จะต้องมีการเปลี่ยนแปลง และปรับปรุงกระบวนการภายในให้สอดรับกับสภาพแวดล้อมที่จะเปลี่ยนไปนั้น ก็คือการที่พนักงานกล้าที่จะเดินเข้ามา และขอร่วมกำหนดเป้าหมายในส่วนงานที่ตนเองดูแลรับผิดชอบอยู่ ปฎิกิริยาของพนักงานและปฎิสัมพันธ์ระหว่างหัวหน้ากับลูกน้องในทางบวกเชิงสร้างสรรค์นี้ ช่วยเปิดพื้นที่และเวทีให้ทั้งพนักงานและหัวหน้างาน ได้นำตัวชี้วัด (Key performance indicator - KPI) และค่าเป้าหมาย (Target value) มาทบทวนถึงความเหมาะสม และกำหนดค่าตัวเลขที่ท้าทายร่วมกัน
หมดยุคที่ผู้บริหารระดับสูง จะเป็นผู้ที่มีอำนาจแต่เพียงฝ่ายเดียว ในการกำหนดนโยบายและเป้าหมาย ที่มาจากมุมมองเดียว หรือตั้งเป้าแบบใช้ตัวเลขในอดีตเป็นฐาน แล้วกำหนดร้อยละอัตราการเจริญเติบโตในรูปแบบการทำธุรกิจเดิมๆ
กรณีหนึ่งซึ่งพนักงานกลุ่มหนึ่งลุกขึ้นมา และขอเจรจาต่อรองแนวทางการกำหนด KPI ของผู้บริหาร ที่กำหนดยอดขายและอัตราการเจริญเติบโตจากสินค้าและบริการเดิมๆ ในกลุ่มลูกค้าระดับกลางและระดับย่อย แต่เมื่อพนักงานผู้ที่เข้าใจพฤติกรรมและความต้องการลูกค้าดีกว่า ได้หารือว่าสินค้าบางตัวของบริษัทมีคุณภาพที่ดี เป็นที่ถูกใจในกลุ่มลูกค้าตลาดกลาง แต่ก็ไม่ได้มีคุณสมบัติด้อยกว่าสินค้าลักษณะเดียวกัน แต่มีแบรนด์ที่หรูกว่า
พนักงานกลุ่มนี้เชื่อว่าถ้าให้โอกาสพวกเขาไปทดลองเปิดตลาดในกลุ่มลูกค้าที่สูงขึ้น ลูกค้ากลุ่มใหม่ที่มีกำลังซื้อสูงกว่านี้ จะมีอำนาจการสั่งซื้อเทียบกับรายย่อยถึง 5 เท่า นั่นหมายความว่ายอดขายมูลค่าเดียวกัน ถ้ามุ่งขายแต่ตลาดระดับกลางล่าง จะต้องเหนื่อยในการให้ได้ลูกค้ามาแต่ละรายสูง แต่ถ้าหาลูกค้าตลาดบนได้เพียงหนึ่งราย ก็เท่ากับได้ลูกค้าย่อยถึง 5 ราย ซึ่งใช้ความทุ่มเทพยายามไม่ต่างกันมาก
และเมื่อทดลองปรับปรุงผลิตภัณฑ์บางหมวดให้มีคุณลักษณะที่สูงขึ้น ออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่สวยงามขึ้น และส่งตัวอย่างสินค้าไปทดสอบในห้องปฎิบัติการชั้นนำ จนได้ใบรับรองว่ามีมาตรฐาน กลับพบว่าสัดส่วนยอดขายของสินค้าในกลุ่มใหม่ได้รับการตอบรับที่ดี และมีสัดส่วนจากรายได้รวมสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
จะเห็นว่าการบรรลุเป้าหมายใดก็ตาม ไม่ได้มีวิธีการเดียว หรือมิติเดียวเสมอไป หากแต่อยู่ที่มุมมองต่อการบริหารจัดการองค์กรต่างหาก ถ้าระบุเป้าหมายให้ชัด แล้วให้พนักงานได้เข้ามามีส่วนร่วมในการกำหนดวิธีการ และตัวชี้วัด จะสามารถค้นพบหนทางอีกมากมาย ดังนั้นแทนที่จะกำหนดตัวชี้วัดและค่าเป้าหมาย จากผู้บริหารระดับสูง แล้วมากดดันพนักงานแต่ฝ่ายเดียว มากระตุ้นให้พนักงานสร้างความท้าทาย และกำหนดตัวชี้วัดและค่าเป้าหมายให้กับตัวเองกันดีกว่า
เวลาเราอยู่ในเรือลำเดิม แล้วพยายามจะหาสัตว์น้ำใหม่ๆ ด้วยการจ้องมองดูจากบนเรือ หรืออาจใช้เครื่องมือบางอย่างเข้าช่วยก็ตาม แต่โอกาสที่จะได้คิด ได้ทำ อะไรที่ใหม่แปลกไปจากเดิมมากๆ ค่อนข้างเป็นเรื่องยาก
แต่ถ้าเรากล้าที่จะกระโดดลงไปในน้ำ จะได้เห็นฝูงปลาที่หลากหลาย และหนาแน่น การละทิ้งจุดยืนเดิมที่มีความมั่นคงมากๆ ได้ ความพร้อมที่จะเริ่มต้นกับสิ่งใหม่ๆ และมุ่งมั่นที่จะทำอะไรที่แปลกใหม่ไปจากเดิม นั่นแหละเป็นการขยายโอกาสและเป็นปัจจัยสู่ความสำเร็จอย่างสูง
แน่นอนสำหรับคนทั่วไปเมื่อได้อยู่และได้ทำอะไรนานๆ จนมีทักษะ ประสบการณ์ พร้อมกับความสะดวกสบายมากๆ หรือที่เรียกว่าอยู่ใน Comfort Zone ความเฉื่อยจะเข้ามาเยือนในไม่ช้า ถ้าไม่ใช่คนที่พร้อมอ้าแขนรับสิ่งใหม่ๆ หรือแสวงหาเรื่องใหม่ๆ ทำ
ดังนั้นการกล้าที่จะออกไปจากกรอบการทำงานเดิม ตำแหน่งงานเดิม และไปเริ่มเรียนรู้อะไรใหม่ๆ นอกจากได้ทำให้เราได้ใช้ความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์ที่สั่งสมมาใช้ประโยชน์แล้ว เป็นการถ่ายเทความสามารถจากมิติหนึ่ง มายังอีกมิติหนึ่ง ซึ่งทำให้ตัวเรากว้างขวางมากขึ้น


สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน

Tags : เป้าหมาย หัวหน้าใช้ ลูกน้องชอบ

view