จาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
ประชา บูรพาวิถี

เมื่อ 3-4 ปีที่แล้ว รศ.ดร.นวลน้อย ตรีรัตน์ อาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้นำเสนองานวิจัย

เรื่อง "เครือข่ายผู้บริหารระดับสูง" อันเป็นที่มาของความไม่เท่าเทียมกันในสังคมไทยในเชิงโครงสร้าง

ในงานวิจัยค้นพบว่า "หลักสูตรระยะสั้นสำหรับผู้บริหารระดับสูง" เป็นกลไกที่โยงบุคคลระดับผู้นำของสังคมไทยในภาคการเมือง ธุรกิจ และข้าราชการระดับสูง ทั้งทหารและพลเรือนเข้าด้วย

ซึ่งการรวมตัวของบุคคลชั้นนำผ่านหลักสูตรเหล่านี้ ก่อให้เกิดการผูกขาดอำนาจชนชั้นนำมากขึ้นและเป็นช่องทางให้ "กลุ่มทุนใหม่" ที่เติบโตจากโครงสร้างเศรษฐกิจไทยที่ขยายตัว แทรกขึ้นมาเป็นส่วนหนึ่งของชนชั้นนำ

หลักสูตรผู้บริหารระดับสูง ยอดฮิต พ.ศ.นี้ ประกอบด้วย หลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) ของวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร, หลักสูตรผู้บริหารกระบวนการยุติธรรมระดับสูง (บ.ย.ส.) ของวิทยาลัยการยุติธรรม สำนักงานศาลยุติธรรม

หลักสูตรการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยสำหรับนักบริหารระดับสูง (ปปร.) ของสถาบันพระปกเกล้า, หลักสูตรผู้บริหารระดับสูง สถาบันวิทยาการตลาดทุน (วตท.) ของสถาบันวิทยาการตลาดทุน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ฯลฯ

แต่หลักสูตรที่เก่าแก่คือ วปอ. วปม.และ ปรอ.ของวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร กระทรวงกลาโหม และมันน่าจะถูกพูดถึงมากที่สุดในเวลานี้

วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) ก่อตั้งเมื่อ 2 กุมภาพันธ์ 2498 โดยจอมพล ป. พิบูลสงคราม โดยเปิดการศึกษาเฉพาะผู้บริหารชั้นสูงของฝ่ายทหารและพลเรือนเท่านั้น

ปี 2532 วปอ. เปิดหลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักรภาครัฐร่วมเอกชน (ปรอ.) ขึ้นมา เพื่อให้นักธุรกิจระดับเจ้าของกิจการ หรือผู้บริหารได้เข้ารับการศึกษาร่วมกับผู้บริหารระดับสูงของภาครัฐ

และปี 2546 เปิดหลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักรภาครัฐ เอกชน และการเมือง (วปม.) โดยรับนักการเมืองเพิ่มเข้ามา

ว่ากันว่า "วปอ.คอนเนกชั่น" ที่มาแรงที่สุดใน พ.ศ.นี้ จะมีอยู่ 3 รุ่นคือ วปอ.รุ่น 50-51-52

วปอ.รุ่น 50 ถือว่าเป็นรุ่นดี-เด่น-ดัง ในยามนี้ เพราะประธานรุ่นกำลังมีอำนาจวาสนา

เริ่มจาก "บิ๊กตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. และหัวหน้ารักษาความสงบ (คสช.) เป็นประธานรุ่น

"บิ๊กเต่า" พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ เพื่อนร่วมรุ่น ตท.12 ของบิ๊กตู่ ขยับขึ้นเป็นปลัดกระทรวงกลาโหม และได้รับการแต่งตั้งเป็นประธานคณะกรรมการบริษัท อสมท

ส่วน สมชัย สัจจพงษ์ ประธานฝ่ายวิชาการ วปอ.รุ่น 50 นั้น คสช.แต่งตั้งให้เป็นอธิบดีกรมศุลกากร และล่าสุด "บิ๊กตู่" เพิ่งตั้งให้ประธานคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล

วปอ.รุ่น 51 มีนายทหารระดับบิ๊กๆ ใน คสช. พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รอง ผบ.ทบ. (ตท.14) เป็นประธานรุ่น ตามมาด้วย พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา ผช.ผบ.ทบ. (ตท.15) ,พล.อ.อักษรา เกิดผล เสธ.ทบ. (ตท.14) และ พล.ท.ฉัตรเฉลิม เฉลิมสุข รอง เสธ.ทบ. (ตท.15)

ฟากข้าราชการก็มี อภินันท์ โปษยานนท์ ที่ขึ้นเป็นปลัดกระทรวงวัฒนธรรมหมาดๆ รวมถึงปลัดหญิงป้ายแดง มิ่งขวัญ วิชยารังสฤษดิ์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

วปอ.รุ่น 52 รุ่นเล็กหน่อย แต่ก็มีนายทหารดาวรุ่งหลายคน อย่าง พล.ท.ปรีชา จันทร์โอชา แม่ทัพภาคที่ 3 (ตท.15) น้องรักร่วมสายโลหิตของบิ๊กตู่ และ พล.ต.ภานุวัชร นาควงษม์ ผช.เสธ.ทบ.ฝ่ายกิจการพลเรือน (ตท.17)

พลเรือนคนดังในรุ่นนี้คือ ประสงค์ พูนธเนศ ประธานบอร์ด ทอท. ควบตำแหน่งอธิบดีกรมสรรพากร มินับ ภาวิณี ปุณณกันต์ ที่เพิ่งขยับมาเป็นอธิบดีกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม

หากไม่คิดอะไรมาก ก็สรุปแบบง่ายๆ ว่า นี่คือพลังแห่งความเป็นเพื่อน อันหลอมรวมมาจากการเรียนหลักสูตรเดียวกัน

สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน