สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

ก้าวหน้า หรือเข้าตาจน

ก้าวหน้า หรือเข้าตาจน ?

จาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์




เดือนนี้มีปรากฏการณ์ใหม่เกิดขึ้นในเวเนซุเอลา แต่สื่อดูจะไม่สนใจนัก บีบีซีรอจนถึงวันที่ 10 จึงรายงาน

ทั้งที่เรื่องเกิดตั้งแต่วันที่ 1 ของเดือน เมื่อสนามบินใหญ่ในเมืองหลวงของเวเนซุเอลาเริ่มเรียกเก็บค่าบริการชนิดหนึ่งซึ่งสนามบินชี้แจงว่าเป็นค่าอากาศสำหรับหายใจในสนามบินจากผู้โดยสารขาออกเป็นเงินคนละประมาณ 600 บาท สนามบินอ้างว่าตนได้ใช้เงินก้อนใหญ่ติดตั้งระบบฟอกอากาศในอาคารผู้โดยสารจนทำให้อากาศปราศจากเชื้อโรค การฟอกอากาศจนสะอาดเช่นนั้นไม่มีสนามบินในย่านอเมริกาใต้ที่ไหนลงทุนทำ

เรื่องนี้น่าจะได้รับความสนใจเพราะโดยทั่วไปสังคมมนุษย์ยึดหลักว่าทุกคนมีสิทธิ์เบื้องต้นที่จะใช้อากาศหายใจไม่ว่าจะอยู่ ณ ที่ใดโดยไม่ต้องจ่ายอะไรให้แก่เจ้าของที่ การที่สนามบินแห่งนั้นนำแนวคิดทางด้านการเรียกเก็บค่าอากาศจากผู้ที่หายใจในอาคารสถานที่ของตนเป็นแห่งแรกอาจมองได้ว่าเป็นการกระทำที่แหวกแนว ก้าวหน้า หรือบ้าคลั่งก็ได้ สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาคือผู้โดยสารขาออกบ่นกันขรม ส่วนสังคมออนไลน์ก็ออกมาเสนอความเห็นหลากหลายซึ่งส่วนใหญ่เป็นไปในแนวถากถางอย่างรุนแรง

การเรียกเก็บค่าอากาศหายใจอาจมองได้จากหลายด้าน ในเบื้องแรก เราอาจมองว่ามันเป็นวิวัฒนาการอีกขั้นหนึ่งของสังคมมนุษย์ หากเรามองย้อนไปในอดีตนานๆ เราจะพบหลักฐานที่ยืนยันว่าในสมัยหนึ่งมนุษย์เราดำรงชีวิตอยู่โดยอาศัยปัจจัยจากธรรมชาติซึ่งไม่มีใครเป็นเจ้าของ ในการหายใจ เราใช้อากาศที่มีอยู่รอบตัวเช่นเดียวกับการแสวงน้ำและอาหารพร้อมกับการทำที่อยู่อาศัยและสิ่งที่นำมาใช้เป็นยารักษาโรค สังคมมนุษย์ค่อยๆ เปลี่ยนไปเมื่อจำนวนคนเพิ่มขึ้นและเริ่มมีผู้จับจองเป็นเจ้าของปัจจัยที่ใช้หล่อเลี้ยงชีวิตและผู้จับจองได้รับการยอมรับว่ามีสิทธิ์ที่จะนำสิ่งเหล่านั้นมาขายในรูปใดรูปหนึ่ง

ในปัจจุบันนี้ยังมีขั้นตอนต่างๆ ของวิวัฒนาการให้เห็นอยู่ในหลายส่วนของโลก อาทิเช่น ในป่าอเมซอนและในทะเลทรายแอฟริกา ยังมีสังคมที่ดำรงชีวิตอยู่ด้วยปัจจัยในธรรมชาติล้วนๆ ย้อนไปไม่นาน เราอาจจำกันได้ว่าการซื้อขายน้ำในเมืองไทยไม่มี การซื้อขายเกิดขึ้นเมื่อภาครัฐเริ่มนำน้ำจากธรรมชาติมาทำให้สะอาดแล้วขายให้ประชาชนซึ่งเคยอาศัยน้ำฝนและน้ำจากแม่น้ำลำคลองและหนองบึง จากมุมมองนี้ อาจคาดเดาได้ว่าต่อไปจะมีการขายอากาศที่ถูกฟอกให้สะอาดจนเหมาะแก่การใช้หายใจในแนวของสนามบินในเวเนซุเอลาเพิ่มขึ้น

การที่เรื่องนี้เกิดขึ้นในเวเนซุเอลาอาจมองได้ว่าชาวเวเนซุเอลามีความคิดก้าวหน้ากว่าผู้อื่น แต่ในขณะเดียวกันก็มองได้ว่าเพราะชาวเวเนซุเอลาตกอยู่ในภาวะเข้าตาจนจึงทำตามคำพังเพยที่ว่า “ความจำเป็นก่อให้เกิดนวัตกรรม” (Necessity is the mother of invention.) การเข้าตาจนของชาวเวเนซุเอลามิได้เกิดขึ้นมาโดยฉับพลัน หากมีต้นตอจากนโยบายที่รัฐบาลใช้ต่อเนื่องกันมานานหลายสิบปีเริ่มจากเมื่อครั้งที่พวกเขาเพิ่งเรียนรู้ว่าประเทศของตนมีน้ำมันปิโตรเลียมปริมาณมหาศาล

อนึ่ง อาจไม่เป็นที่ทราบกันโดยทั่วไปว่าย้อนไปในสมัยที่ยังไม่มีการค้นพบน้ำมันปริมาณมหาศาลในย่านตะวันออกกลาง เวเนซุเอลาเป็นผู้ส่งออกน้ำมันอันดับหนึ่งของโลกและในขณะนี้เวเนซุเอลามีทรัพยากรน้ำมันมากกว่าทุกประเทศ แต่เนื่องจากน้ำมันของเวเนซุเอลาส่วนใหญ่เป็นจำพวกที่มีสิ่งเจือปนมากซึ่งทำให้ยากแก่การกลั่น บริษัทผลิตน้ำมันจึงสนใจเข้าไปลงทุนในเวเนซุเอลาน้อยกว่าในย่านที่มีน้ำมันจำพวกกลั่นง่าย ยิ่งกว่านั้น รัฐบาลเวเนซุเอลายังต้องการให้รัฐวิสาหกิจของตนลงทุนเองอีกด้วย แต่รัฐวิสาหกิจนั้นขาดทั้งเงินทุนและความสามารถทางด้านเทคโนโลยี การขาดเงินทุนและความสามารถทางเทคโนโลยีทั้งที่มีรายได้จากการขายน้ำมันมานานหลายสิบปีชี้บ่งว่าประเทศมีปัญหามานานซึ่งไม่ได้รับการแก้ไข

ปัญหาของเวเนซุเอลาอาจมองได้จากหลายแง่มุม แต่ในขณะเดียวกันอาจมองได้ว่าทุกอย่างมาจากฐานความคิดที่ทำให้นโยบายในด้านบริหารจัดการผิดพลาดอย่างมหันต์ นโยบายสำคัญที่ทำให้เวเนซุเอลาต้องเดินเข้าตาจนได้แก่การใช้รายได้จากการขายน้ำมันหมดไปกับนโยบายประชานิยมในรูปแบบต่างๆ อย่างต่อเนื่อง คอลัมน์นี้ประจำวันที่ 24 มกราคมที่ผ่านมาเสนอข้อมูลที่ชี้ว่า น้ำมันชั้นดีในเวเนซุเอลาขายราคาลิตรละ 35 สตางค์ถ้าคิดตามอัตราแลกเปลี่ยนของรัฐ แต่ถ้าคิดตามอัตราแลกเปลี่ยนในตลาดเอกชน ราคาจะอยู่ที่ราวลิตรละ 3 สตางค์เท่านั้น รัฐบาลสั่งให้ขายในราคาต่ำกว่าต้นทุนและนำเงินงบประมาณซึ่งส่วนใหญ่ได้จากการขายน้ำมันให้ชาวต่างประเทศมาสนับสนุน ราคาต่ำขนาดนั้นจูงใจให้ชาวเวเนซุเอลาผลาญน้ำมันกันอย่างกว้างขวาง

นอกจากรายได้จากการขายน้ำมันแล้ว รัฐบาลยังกู้เงินตราต่างประเทศจำนวนมากมาใช้อีกด้วย หนี้ที่เกิดขึ้นตามมาพาประเทศไปสู่ความล้มละลายจนต้องไปขอความช่วยเหลือจากไอเอ็มเอฟ ในสภาพเช่นนั้น องค์กรของรัฐบาลเช่นท่าอากาศยานย่อมขาดเงินทุนสนับสนุนจากรัฐทำให้จำเป็นต้องดิ้นรนหารายได้มาใช้ในการลงทุน นั่นคือที่มาของการเรียกเก็บค่าอากาศหายใจ

ย้อนไปราว 50 ปี รัฐมนตรีทรัพยากรของเวเนซุเอลาได้เตือนชาวเวเนซุเอลาว่า อย่าคิดว่าน้ำมันเป็นทองคำสีดำเพราะที่แท้มันคืออุจจาระของปีศาจ เหตุการณ์ที่ผ่านมาบ่งชี้ว่าชาวเวเนซุเอลาไม่เคยฟังคำเตือนของรัฐมนตรีที่เป็นเสมือนปราชญ์ของตนส่งผลให้ต้องเดินเข้าตาจนหลายครั้ง เรื่องของเวเนซุเอลาน่าจะเป็นบทเรียนชั้นดีสำหรับประเทศที่คิดว่าตนมีน้ำมันมากและจะใช้จ่ายแบบไม่อั้นพร้อมกับขายน้ำมันให้ประชาชนในราคาต่ำซึ่งจะทำให้ผู้นำได้รับความนิยมชมชอบ หลายประเทศไม่เคยเรียนรู้ จึงตกอยู่ในสภาพล้มลุกคลุกคลานในขณะที่ทรัพยากรน้ำมันถูกผลาญไปโดยไม่เกิดประโยชน์ต่อส่วนรวมเท่าที่ควร


สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน

Tags : ก้าวหน้า เข้าตาจน

view