สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

ฝึกวินัย

ฝึกวินัย

จาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์




สัปดาห์ที่แล้ว ดิฉันเขียนเรื่องวินัย ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการทำให้ประเทศเยอรมนี

รวมถึงทีมฟุตบอลเยอรมัน ประสบความสำเร็จในการเป็นแชมป์ฟุตบอลโลก 4 สมัย สัปดาห์นี้ขอเล่าถึงประสบการณ์ตัวเองในเรื่อง “วินัย”ค่ะ ซึ่งอาจจะเคยเล่าให้คนใกล้ชิดฟัง แต่ยังไม่เคยเขียนลงที่ไหนมาก่อน

ตอนเด็กๆ ดิฉันไม่ค่อยมีวินัย ชอบเล่น ทำการบ้านไม่ค่อยทัน โดยเฉพาะวันหยุดสุดสัปดาห์ จะเล่นจนไม่มีเวลาทำการบ้าน ในขณะที่พี่และน้องจะรีบทำการบ้านให้เสร็จตั้งแต่เย็นวันศุกร์หรือเช้าวันเสาร์

สำหรับดิฉันนั้น เล่นทั้งวันศุกร์ วันเสาร์ และวันอาทิตย์

พอช่วงบ่ายๆ เย็นๆ วันอาทิตย์ ก็จะเริ่มเศร้า เพราะรู้ตัวว่าทำการบ้านไม่ทันแน่แล้ว และต้องรีบไปปั่นทำจนถึงเวลากลางคืน ทำไปก็โงกหลับไป หรือบางครั้งไม่เสร็จก็ต้องมาทำตอนเช้าวันจันทร์ และเกิดอาการงอแงไม่อยากไปโรงเรียนเอามากๆ เนื่องจากรู้ตัวว่าการบ้านไม่เสร็จ ไม่มีการบ้านไปส่งคุณครู

เนื่องจากดิฉันเรียนโรงเรียนคาทอลิกซึ่งเน้นทำแบบฝึกหัด ปริมาณการบ้านที่ครูให้ในช่วงวันหยุดจึงมากเป็นพิเศษ โดยเฉพาะในชั้นสุดท้ายของระดับ เช่น ประถมปีที่ 7 (เทียบเท่ามัธยมปีที่ 1 ในปัจจุบัน) และในชั้นมัธยมศึกษาทุกชั้นปี

ดิฉันเป็นอย่างนี้เรื่อยมาจนถึงชั้นมัธยมต้น ยิ่งอยู่ชั้นมัธยม ยิ่งเพิ่มการทำกิจกรรมเข้าไปอีก บางทีวันหยุดก็ต้องไปทำกิจกรรมที่โรงเรียน ถามว่าผู้ปกครองไม่ดุเอาบ้างหรือ ก็ต้องตอบว่า เนื่องจากเอาตัวรอดคือสอบได้คะแนนดี ทุกคนจึงให้อภัย

เอาตัวรอดมาเรื่อยๆ พออยู่มัธยมศึกษาปีที่ 4 เรียนหนัก การบ้านเยอะ ก็ใช้วิธีทำกลางคืน การเข้านอนตอนเที่ยงคืนเป็นเรื่องปกติมากๆ

ชีวิตมาเปลี่ยนตอนเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนไปเรียนที่สหรัฐอเมริกาหลังจบมัธยมศึกษาปีที่ 4 ค่ะ ไปเรียนเกรด 12 ที่อเมริกา เรียนไม่หนักเท่าบ้านเรา เพราะเด็กอเมริกัน พอเรียนถึงเกรด 12 เขาก็เตรียมไปเรียนมหาวิทยาลัย หรือเตรียมออกไปทำงาน บางคนก็ใช้เวลาในการทำงานเก็บเงินเข้ามหาวิทยาลัย อาจจะทำงานล้างรถบ้าง ขายอาหารในร้านฟาสฟู้ดบ้าง ตัดหญ้าบ้าง ฯลฯ

ดิฉันก็ทำตัวเหมือนเดิม คือ เล่นจนวินาทีสุดท้าย มีอยู่ครั้งหนึ่งต้องทำรายงานชิ้นใหญ่ในวิชาเรียงความ เก็บคะแนนแทนการสอบ ดิฉันทำเรื่อง “เด็กในครอบครัวที่หย่าร้าง” เพราะตอนนั้นคนอเมริกันมีสถิติหย่าร้างสูง ในขณะที่บ้านเรายังไม่ค่อยมี ดิฉันใช้เวลาหาข้อมูลในห้องสมุดนาน (ถ้าสมัยนั้นมีกูเกิ้ล ชีวิตน่าจะสบายกว่า) แล้วก็ต้องนำมาเรียบเรียง ภาษาก็ไม่ดีนัก แถมยังต้องพิมพ์รายงานส่ง 10 หน้ากระดาษ

คืนวันอาทิตย์ ดิฉันรับประทานอาหารเย็นเสร็จก็ขอตัวขึ้นไปทำรายงานต่อ พิมพ์แย้กๆ ด้วยพิมพ์ดีดเครื่องเล็กที่เป็นแบบธรรมดา (manual) ต้องใช้แรงกดแป้นเยอะ และตอนนั้นยังพิมพ์สัมผัสไม่ได้ ได้แต่จิ้มดีด ดิฉันพิมพ์จนถึงสี่ทุ่ม คุณแม่ชาวอเมริกัน ที่นักเรียนแลกเปลี่ยนจะเรียกว่า “มอม” ขึ้นมาบอกให้นอนได้แล้ว (นักเรียนมัธยมบ้านนี้ต้องนอนตอนสี่ทุ่ม)

ดิฉันปิดประตูห้องนอน แต่ยังเปิดไฟพิมพ์รายงานอยู่ มอมมาเคาะประตูอีกครั้ง บอกว่าให้นอน ห้ามพิมพ์ นอกจากเสียงเครื่องพิมพ์ดีดจะไปรบกวนคนอื่นแล้ว ดิฉันยังจะได้พักผ่อนน้อยอีกด้วย

จำได้ว่านอนน้ำตาไหลเงียบๆ อยู่บ้านเรานอนเที่ยงคืนยังได้ อายุ 17 ปีแล้วเป็นผู้ใหญ่แล้ว ไม่เห็นต้องนอนสี่ทุ่มเลย ทำงานก็ยังไม่เสร็จ พรุ่งนี้ไม่มีงานส่งแน่ๆ แต่ก็หลับไปและตั้งนาฬิกาปลุกให้ตื่นเช้าหน่อย เพื่อมาพิมพ์ต่อให้เสร็จ

ก็เสร็จค่ะ ได้เกรดเอมา แต่ที่สำคัญคือ ได้เรียนรู้เรื่อง “วินัย” และรู้จักจัดการตัวเองดีขึ้นในการจัดการกับเวลาและการอยู่ภายใต้ระเบียบที่กำหนด อยากเล่นนานๆ ก็ต้องทำงานให้เร็วขึ้น เรียนวิชาพิมพ์ดีดสัมผัสช่วยทุ่นแรง จัดเวลาเรียนกับเวลาทำกิจกรรมให้ดี เลิกเรียนกลับบ้านก็รีบทำการบ้านให้เสร็จ หลังจากนั้นจะไปเขียนจดหมายถึงเพื่อน หรือไปดูการ์ตูนสนู้ปปี้ในทีวีอะไรก็ไปดู

ดิฉันจึงเปลี่ยนเป็น “เรียนเป็นเรียน เล่นเป็นเล่น” และเมื่อทำงานก็ยึดถือวินัยว่า “งานเป็นงาน เล่นเป็นเล่น” ในเวลาทำงาน ดิฉันเป็นหัวหน้าที่ดุและเข้มงวดกับลูกน้อง แต่นอกเวลางานจะยิ้มเก่งและใจดี

การมีวินัยไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆ แต่เมื่อสร้างให้เป็นอุปนิสัยแล้ว ทำอะไรก็จะง่ายและสามารถคาดเดาผลได้แม่นยำกว่าด้วย ดิฉันเรียนจบมัธยมที่สหรัฐอเมริกาด้วยคะแนนดีค่ะ

กลับมาเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 5 ที่เมืองไทยซ้ำ ทุกอย่างดูง่ายและจัดการได้ไปหมด เพราะเราเติบโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้น เรารู้จักปรับตัวเข้ากับกติกาของแต่ละสังคม และพอมีวินัย ความ “มุ่งมั่น”ก็จะตามมา มุ่งมั่นที่จะทำดีที่สุด เพื่อชื่อเสียงของโรงเรียน อาจารย์ใหญ่นำมายกเป็นตัวอย่างให้รุ่นน้องฟังอีกหลายปี

ประเด็นเรื่องพ่อแม่ไม่เคยตีลูก ครูไม่ดุนักเรียน การมาสายไม่ได้ถือเป็นการเสียมารยาท ย่อมไม่ทำให้เยาวชนของชาติเรียนรู้ถึงกฎกติกาของแต่ละสังคม การจะฝึกวินัยได้ต้องมีการบังคับ และต้องใช้เกณฑ์อย่างเข้มงวด ไม่มีการอะลุ่มอล่วย มิฉะนั้นกฎกติกาจะไม่ศักดิ์สิทธิ์

การสร้างวินัยเริ่มจากที่บ้าน แม้การฝึกสอนเรื่องวินัยจะมีการทำกันทั้งซีกโลกตะวันออกและตะวันตก แต่ต้องยอมรับว่าคนตะวันตกจะรวบรวมและอธิบายวิธีการอย่างเป็นระบบได้ดีกว่า ในขณะที่ทางตะวันออกมักจะใช้วิธีบอกกล่าวและทำให้ดูเป็นตัวอย่าง ดิฉันจึงไปค้นหาว่าคนตะวันตกเขามีวิธีสร้างวินัยกันอย่างไร พบบทความของคุณเอมี มอริน (Amy Morin) เกี่ยวกับการสร้างวินัยในเด็กให้คงเส้นคงวา ใน http://discipline.about.com จึงขอนำมาสรุปให้ท่านเพื่อความสะดวกดังนี้

ตั้งกฎเกณฑ์ของบ้านเป็นลายลักษณ์อักษรเพื่อไม่ให้เกิดความประพฤติไม่พึงประสงค์ เช่นเวลาเข้านอนของเด็กในแต่ละวัย จัดวินัยในการฝึกนิสัยเข้าไปในชีวิตประจำวัน เพราะเด็กๆ จะทำได้ดีหากมีแบบแผนให้ เช่น การดำเนินกิจวัตรประจำวัน การทำการบ้าน การรับประทานอาหาร การช่วยงานบ้าน

เขาแนะนำว่า ต้องแจ้งให้เด็กทราบล่วงหน้าถึงผลที่จะเกิดขึ้นหากรักษาหรือไม่รักษาวินัย โดยการลงโทษควรจะมีเหตุมีผล และการให้รางวัลก็ควรจะมีแผนล่วงหน้า และผู้ปกครองยังควรขอความร่วมมือจากผู้อื่นที่เกี่ยวข้อง เช่นพี่เลี้ยงและครูที่โรงเรียนเพื่อทำให้การสร้างวินัยเป็นไปได้ดียิ่งขึ้น

ผู้ปกครองต้องระวังอารมณ์ของตัวเองด้วย เพราะเวลาเหนื่อย เครียด มักจะใช้วินัยแตกต่างไปจากปกติ นอกจากนี้ ถ้าพบว่าต้องย้ำเตือนเรื่องเดิมๆ หลายๆ ครั้ง อาจจะเป็นไปได้ว่าเด็กๆปิดช่องทางสื่อสารคือไม่รับฟังแล้ว ให้เลือกจัดการกับอุปนิสัยที่ต้องการแก้ไขมากที่สุด อย่าไปจุกจิกทุกๆ เรื่อง

เขาแนะนำว่า ผู้ปกครองต้องไม่ใจอ่อน เวลาเด็กอ้อนวอน ขอร้อง หรือต่อรอง หากจะมีข้อยกเว้น ต้องมีกำหนดเวลาเช่น ยกเว้นให้วันเดียว

ที่สำคัญ ต้องตระหนักว่า การสร้างวินัยใช้เวลา และมุ่งให้มองถึงการส่งผลดีระยะยาวต่อชีวิตของเด็ก

ถ้าเราไม่มีวินัย ต่อให้เก่งเพียงใด เราอาจประสบความสำเร็จเพียงชั่วคราว แต่หากมีวินัยแล้ว ความสำเร็จจะอยู่กับเราแบบถาวรค่ะ


สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน

Tags : ฝึกวินัย

view