จากประชาชาติธุรกิจ

คอลัมน์ ชั้น 5 ประชาชาติ โดย วิไล อักขระสมชีพ oilday@yahoo.com

เสียงสะท้อนจากภาคเอกชนค่อนข้างพอใจกับ 2 เดือนของภาวะการเมืองไทยที่อยู่ภายใต้การบริหารประเทศของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)

เพราะทำให้ธุรกิจกลับมาเดินหน้าได้อีกครั้งในช่วงเวลาที่เหลืออยู่ แม้จะเป็นเพียงระยะเวลา 7 เดือน ก็ต้องรีบโกยเต็มสูบเพื่อทำให้ได้ตามแผนและเป้าหมายที่วางไว้เมื่อต้นปี

ความคาดหวังของเอกชนจึงค่อนข้างสูงที่อยากจะเห็นเศรษฐกิจในครึ่งปีหลังจะกลับมาเติบโตสูงอีกครั้ง

สอดรับไปกับความหวังที่หัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจของ คสช. "พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง" รองหัวหน้า คสช. ที่ช่วงต้นเดือนมิถุนายน 2557 ได้มีการหารือกับทางสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ถึงความเป็นไปได้ที่เศรษฐกิจหรือจีดีพีจะโตไปถึง 3% ซึ่ง "สมชัย สัจจพงษ์" ผู้อำนวยการ สศค.ก็ออกมารับลูกว่า น่าจะปรับเพิ่มคาดการณ์จีดีพีได้จากคาดการณ์เดิมที่อยู่ 2.6% ก่อนหน้านี้ และที่ระบุชัดคือ ไตรมาส 3 และไตรมาส 4 คาดว่าน่าจะโตมากกว่า 1% แน่นอน

หากมองภาพรวมการเติบโตของเศรษฐกิจไทยช่วงครึ่งปีแรก ปรากฎว่า ช่วงไตรมาส 1/2557 เศรษฐกิจไทยติดลบ 0.6% ส่วนไตรมาส 2/2557 ทางแบงก์ชาติเคยออกมาประเมินว่า เศรษฐกิจไทยอาจติดลบ 0.4% แต่ถ้าวัดไตรมาส 2 จะดีกว่าไตรมาสแรก ก็ประเมินได้ว่าจะเติบโตมากกว่า 1%

ขณะที่ตัวเลขส่งออก ณ เดือนมิถุนายน 2557 ก็ขยายตัวเป็นเดือนแรกในรอบ 4 เดือนที่ผ่านมา ทั้ง ๆ ที่ในเดือนมิถุนายนค่าเงินบาทเริ่มมีทิศทางแข็งค่าขึ้น ด้านศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า การส่งออกเดือนมิถุนายนช่วยหนุนให้การส่งออกไตรมาส 2/2557 พลิกกลับมาขยายตัวเป็นครั้งแรกในรอบ 1 ปี อยู่ที่ 0.3% แต่ก็มีข้อสังเกตว่า การส่งออกที่พลิกเป็นบวกนั้นมีทั้งผลจากฐานเปรียบเทียบที่ต่ำในช่วงเดียวกันปีก่อน ขณะเดียวกันก็เริ่มเห็นสัญญาณการทยอยฟื้นตัวของการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม และสินค้าเกษตร โดยเฉพาะข้าวและผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังที่พอหวังจะดันครึ่งปีหลัง

ฟากกระทรวงพาณิชย์ระบุว่า ภาคส่งออกจะโตได้ตามเป้าที่ 3.5% หมายความว่าแต่ละเดือนจะต้องทำยอดส่งออกให้ได้อย่างต่ำเดือนละ 20,600 ล้านดอลลาร์ ซึ่ง ผศ.ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการพยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ ม.หอการค้าไทย บอกว่า ไทยเคยทำยอดส่งออกสูงระดับนี้เมื่อช่วง 3 ปีก่อน (ประมาณ 42 เดือนย้อนหลัง) ขณะที่เดือนมิถุนายน 2557 มูลค่าส่งออกอยู่ที่ 19,842 ล้านดอลลาร์ และส่วนใหญ่การขยายตัวส่งออกของไทยจะไฮซีซั่นช่วงไตรมาส 4 ของทุกปี

แม้ภาคส่งออกจะเป็นตัวหลักที่ดัน "จีดีพี" โตตามเป้าแต่ก็อย่าประมาท แรงผลักดันเศรษฐกิจในประเทศยังสำคัญอยู่ โดยเฉพาะการค้าชายแดนที่คึกคักในเวลานี้จะเป็นแรงส่งที่ดีทีเดียว

แต่ทว่า ล่าสุด (30 ก.ค.) ทาง สศค.ก็ออกมายอมรับว่า เนื่องจากช่วงครึ่งปีแรก จีดีพีหดตัว 0.4% แม้ครึ่งปีหลังเศรษฐกิจจะฟื้นตัวได้ดี ก็คาดการณ์ว่า จีดีพี จะเติบโตได้เต็มที่ 4.3% จึงทำให้จีดีพีทั้งปีของปี 2557 โตอยู่ที่ 2% จึงกลายเป็นปรับลดคาดการณ์เดิมที่ 2.6% ส่วนด้านการส่งออกคาดการณ์เติบโตที่ 1.5% เท่านั้น

ส่วนสภาพัฒน์ เตรียมจะรายงานตัวเลขเศรษฐกิจไตรมาส 2/2557 ออกมาในวันที่ 18 สิงหาคม 2558 และมีแย้มให้ข่าวในช่วงแรก ๆ ที่ คสช.เข้ามาบริหาร ว่า มีลุ้นที่จะเห็นปรับเพิ่มคาดการณ์จีดีพีปีนี้อีกด้วย จากก่อนหน้านี้คาดการณ์จีดีพีไว้ที่ 1.5-2.5% แต่ของจริงจะปรับเพิ่มหรือลด คงต้องติดตามกันต่อไป

ส่วนมุมของแบงก์ชาติ "ดอน นาครทรรพ" ผู้อำนวยการสำนักเศรษฐกิจมหภาค ฝ่ายนโยบายเศรษฐกิจการเงินระบุว่า ครึ่งปีหลังจะเป็นช่วงที่เศรษฐกิจฟื้นตัวได้เร็ว ซึ่งประเมินการเติบโตเฉลี่ยที่ประมาณ 3.4% และคาดทั้งปีจีดีพีจะโตได้ 1.5%

การคาดการณ์จีดีพีทั้งปีของแบงก์ชาติดูจะไปในทิศทางใกล้เคียงกับฝ่ายวิจัยของสถาบันการเงินหลายแห่งที่ทำคาดการณ์กันออกมา อาทิ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดจีดีพีปีนี้โต 1-1.5% ค่ายไทยพาณิชย์และ HSBC คาดการณ์เหมือนกันที่ 1.4% ทาง บล.ภัทรคาดการณ์ที่ 1.8%

จะเห็นว่ามุมมองของฝ่ายนักวิชาการและสถาบันการเงินจะเป็นตัวเลขที่ต่ำกว่าฟากหน่วยงานของภาครัฐ ที่จ่อปรับเพิ่มประมาณการจีดีพีปีนี้โตไปถึง 3% ตามฝันของ คสช.

เวลานี้ต้องถือว่าภาคเอกชนมีความเชื่อมั่นต่อการทำงานของ คสช.ค่อนข้างมาก เพราะหลัง 2 เดือนที่เข้ามาบริหารประเทศ ขณะนี้ก็เริ่มเฟส 2 แล้ว คือ เดินหน้าจัดตั้งคณะรัฐมนตรี ซึ่งกระบวนการต่อจากนี้ จะเป็นการแต่งตั้ง "สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ" หรือ สนช. โดยจะได้รับการโปรดเกล้าฯ ออกมาตอนปลายเดือนกรกฎาคม 2557 และน่าจะเริ่มต้นปฏิบัติงานและเปิดประชุมในช่วงกลางเดือนสิงหาคมนี้ และดำเนินการสรรหานายกรัฐมนตรี เพื่อจัดตั้งคณะรัฐมนตรีประมาณช่วงเดือนกันยายน 2557

ถือเป็นอีกหนึ่งความหวังของภาคเอกชนที่จดจ่อกับ "รายชื่อคณะรัฐมนตรี" ที่จะออกมา เพราะหมายถึงการเรียกความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้นอีกระดับหนึ่งของภาคธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงบรรดานักลงทุนในตลาดหุ้นและตลาดพันธบัตรด้วย ซึ่ง "มอร์แกน สแตนเลย์" หรือ Morgan Stanley สถาบันการเงินของสหรัฐได้ระบุในบทวิเคราะห์ "การวางแผนลงทุนในดอกเบี้ยและสกุลเงินเอเชีย" เกี่ยวกับเงินลงทุนต่างชาติช่วงเดือนกรกฎาคม 2557 มีเงินทุนไหลเข้าตลาดหุ้นและตลาดตราสารหนี้ของประเทศไทยมูลค่ารวมราว 5 พันล้านดอลลาร์

การจัดตั้ง "คณะรัฐมนตรี" จึงถือเป็นอีกหนึ่งสัญญาณที่จะเดินหน้าเศรษฐกิจไทย

สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน