สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

สังคมไทยไม่เคยเรียนรู้จากประสบการณ์ที่ผ่านมา

จาก โพสต์ทูเดย์

โดย...เจษฎา จี้สละ

"สังคมไทยเป็นสังคมไม่เคยเรียนรู้จากทฤษฎี ประสบการณ์ หรือความจริง ฟังคนอื่นส่วนใหญ่  จากผู้ใหญ่ บิดามารดา คนที่เคารพ มีอายุมากกว่า  คนที่มีตำแหน่ง ขัดกับพุทธศาสนา  เวลามีการปล่อยข่าวลือ ฟังข่าวลือ 50% เชื่อ แต่ 50% ไม่เชื่ออาจยังสงสัย เมืองไทยเปลี่ยนผ่านการเมือง ตั้งแต่ปี 2475 เปลี่ยนจากสมบูรณาญาสิทธิราชย์  มาเป็นประชาธิปไตย ยังมีประชาชนไม่น้อยที่ไม่เข้าใจว่าประชาธิปไตยคืออะไร"  อานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรีกล่าว เริ่มต้นการสนทนาในงานการกุศล หาทุนสร้างอนุสาวรีย์วีรชนพฤษภา 2535 ณ โรงแรมมณเฑียร วันที่ 14 ส.ค. เวลา 20.00 น. โดยมีนายภิญโญ ไตรสุริยะธรรมมา เป็นผู้ดำเนินรายการ

อานันท์ เปิดเผยว่า ในหลักการประชาธิปไตย การรัฐประหารไม่ควรมีอย่างแน่นอน หลายประเทศเริ่มจากสังคมที่มี่หลักเกณฑ์ สถานการณ์รุ่นแรงกว่าในประเทศไทย จึงไม่ควรยึดแบบฝรั่งเสียทั้งหมด ทำไมถึงหลงรักฝรั่งเหลือเกิน เขามีทฤษฎีและวัฒนธรรมในแง่ที่ควรนำมาปฏิบัติ  กว่าจะวิวัฒนาการมาสู่ประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ก็ต้องมีการพัฒนาระบบการเมือง ถามว่าไทยเคยมีจริงไหม ไม่มี เราหลอกตนเองตลอดมา ยกตัวอย่างการรัฐประหารในปี 49 ฝรั่งบอกว่าเราจะต้องได้ประชาธิปไตย แต่ในความเป็นจริงเราได้เรียนรู้แล้วจริงหรือ ประเทศไทยมีรัฐประหารหลายครั้ง ส่วนตนไม่เห็นด้วย แต่เข้าใจในเหตุผล โดยธรรมชาติต้องมีคนที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยอยู่แล้ว แต่การที่มีคนเห็นต่าง ไม่ควรมองเป็นศัตรู ยิ่งไม่เห็นด้วยยิ่งต้องทำความเข้าใจ

"รัฐประหารครั้งนี้ผมเข้าใจว่าจำเป็น แต่ผมไม่ได้เห็นชอบ  5-6 ปีที่ผ่านมามีผู้เขียนหนังสือขึ้นมาใหม่ ฝรั่งบอกจะเป็นประชาธิปไตยต้องเลือกตั้งอย่างเดียว แต่ไม่คำนึงถึงความบริสุทธิ์ยุติธรรมแค่ไหน  อยากให้ฝรั่งอ่านทฤษฎีใหม่ ประเด็นไม่ใช่คำถามว่า รัฐประหารดีหรือไม่ดี คำถามคือรัฐประหารเพื่ออะไร จะนำประเทศไปสู่ทิศทางไหน ถ้าจะทำเพราะกลัวจะสูญเสียประชาธิปไตย  การรัฐประหารไม่ใช่ว่าจะทำลายเสมอไป แต่อาจรัฐประหารเพราะประเทศกำลังจะสูญเสียประชาธิปไตย ประเด็นสำคัญคือรัฐประหารแล้วจะนำไปสู่ประชาธิปไตยแท้จริงได้หรือเปล่า ดังนั้นมีทฤษฏีใหม่ ฝรั่งอาจยังไม่ได้อ่าน รัฐประหารเกิดขึ้นอาจเพื่อป้องกันหรือทำลายก็ทำได้ แต่จุดสำคัญคือจะนำไปสู่ประชาธิปไตยแท้จริงได้แค่ไหน"

นอกจากนั้น อานันท์ กล่าวเสริมว่า จะไม่ขอสรุปว่าเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย เพราะทุกอย่างที่เกิดขึ้นเปลี่ยนแปลงไม่ได้ ไม่สนับสนุนหรือโจมตี รัฐประหารเกิดขึ้นแล้ว เปรียบเทียบกับอดีตขณะที่ดำรงตำแหน่งนายก อาจมีข้อครหาว่ามีที่มาไม่ชอบธรรม แต่คำถามต่อมาคือเมื่อดำรงตำแหน่งแล้ว สามารถขับเคลื่อนประเทศด้วยความชอบธรรมหรือไม่

"ผมไม่เคยเถียงว่าผมเป็นนายกฯ ที่มาไม่ชอบธรรม เพราะไม่ใช่ครรลองของระบอบประชาธิปไตย มันเกิดขึ้นแล้ว มันแก้ไม่ได้ คำถามต่อไปคือ เมื่อผมเป็นรัฐบาล ผมทำอะไรที่ไม่ชอบธรรมหรือไม่"

ทั้งนี้หากย้อนมองภาพอดีตขณะนายอานันท์ดำรงตำแหน่งนายกฯ เผยว่า ขณะนั้นไม่อาจคาดเดาทิศทางของทหาร ส่วนตัวต้องเสี่ยงเข้าไปขับเคลื่อนประเทศ  ซึ่งต้องคำนึงถึงความชอบธรรมเป็นหลัก จนภายหลังได้รับการยอมรับจากประชาชน เลิกตั้งข้อสังเกตจากที่มาที่ไม่ชอบธรรม แต่เปลี่ยนคำถาม ว่า รัฐบาลจะสร้างประโยชน์ต่อประเทศได้อย่างไร

"การที่ผมเข้าเป็นนายกฯหลังรัฐประหาร ผมไม่พอใจแต่อย่างใด แต่หลังจากนั้นไม่มีรัฐประหารไปอีกหลายปี ผมชื่อว่าทหารก็รู้ เข้ามามันเสี่ยงมาก ไม่สำเร็จ มีโทษ  แต่เมื่อเขาทำสำเร็จ จะปกครองได้หรือไม่ได้ จะเป็นรัฐบาลของประชาชนหรือไม่  ตอนนี้ก็เสี่ยงอยู่ อย่าไปคิดว่าทหารอะไรก็ต้องรัฐประหาร ต้องคิดแล้วคิดอีก ผมบอกไม่อยากเห็นรัฐประหารในเมืองไทย แต่ถ้าไทยมีรัฐบาลเป็นธรรมกับประชาชน ให้เขามีพื้นที่ที่จะหายใจ แสดงความคิดเห็น ทำเศรษฐกิจ พัฒนาท้องถิ่นได้ รักษาผลประโยชน์ วัฒนธรรมท้องถิ่น ความเป็นมนุษย์  ทหารก็ไม่ต้องรัฐประหาร มันเป็นปลายเหตุ แต่ขณะนี้เราต้องการรัฐบาลทีคืนอำนาจให้กับประชาชน ให้ประชาชนมีตัวตน แน่ละนโยบายใหญ่ เป็นเรื่องของรัฐบาลกลาง ต้องบริหารไปในทางที่เป็นธรรม"

ต่อคำถามว่าประชาชนเบื่อนักการเมือง โดยไม่เบื่อประชาธิปไตยได้ไหม อานันท์ ตอบว่า ผมอยากเห็นธรรมมาภิบาลในระบอบประชาธิปไตย ไม่ใช่ประชาธิปไตยที่ไม่มีธรรมมาภิบาล ทำไมจะเกิดไม่ได้ในสถานการณ์อย่างนี้ไม่ได้ ส่วนตัวไม่เห็นว่าผิดแต่อย่างใด  คณะรัฐประหารชุดนี้ก็อาจอยากให้มีประชาธิปไตยและอยากให้มีการเลือกตั้ง แต่ไม่ใช่เลือกตั้งอย่างเดียว สังคมไทยต้องมีค่านิยมประชาธิปไตยก่อน พร้อมที่จะตรวจสอบและถ่วงดุลอำนาจ รวมถึงสร้างระบบตุลาการที่เคร่งครัด เปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมและแสดงความคิดเห็น สิ่งเหล่านี้สำคัญต่อประชาธิปไตย การเลือกตั้งเป็นแค่ส่วนหนึ่งของประชาธิปไตย

"ไม่คิดหรือ 3-4 ปี ที่ผ่านมา เขาใช้ทุกวิถีทางแล้วแต่มันไปไม่ได้ ผมจะไม่ตอบว่าชอบ ไม่ชอบ ผมพยามอธิบายว่าต่อไปประเทศไทยจะเป็นอย่างไร ผมไม่ได้เห็นด้วย แต่บอกว่ามีทฤษฎีใหม่ออกมาแล้ว เราอย่าหลงลมฝรั่ง

"เปิดอกพูดตรงๆ ผมตอบไม่ได้ว่า ทำไมถึงต้องมีรัฐประหาร แต่เขามีความจำเป็น ผมไม่บอกที่ผ่านมามีเหตุผลอะไรบ้าง แต่สิ่งที่ต้องระวัง คืออย่ากลับไปสู่สาเหตุเหล่านั้นอีก การโกงกิน รวบอำนาจ ถ้ากลับไปอย่างนั้นประชาชนจะเริ่มถาม ว่ารัฐประหารมาแล้วกลับเป็นอย่างเก่า จะทำไปทำไม อย่าให้ระบบเก่ากลับมาสู่เมืองไทยอีก"


สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน

Tags : สังคมไทย ไม่เคยเรียนรู้ ประสบการณ์ที่ผ่านมา

view