สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

เรียนไม่ตรงใจ ไม่มีใครได้ประโยชน์

เรียนไม่ตรงใจ ไม่มีใครได้ประโยชน์

จาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์




ระบบการศึกษาของบ้านเราดูจะเป็นปัญหาเรื้อรังมายาวนานด้วยเหตุที่เด็กนักเรียนใช้เวลาเรียนสูงติดอันดับต้นๆ ของโลก

แต่กลับมีผลสัมฤทธิ์ต่ำจนน่าตกใจ และการแข่งขันในแต่ละช่วงก็รุนแรงมากนับตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาไปจนถึงระดับอุดมศึกษา

ลองวิเคราะห์ดูต้นตอของปัญหาก็จะเห็นว่ารูปแบบการเรียนการสอนของเราเปลี่ยนแปลงไปน้อยมากเมื่อเทียบกับการปรับตัวของแต่ละประเทศ ถึงทุกวันนี้เราก็ยังเน้นการป้อนให้เด็กเรียนในห้องเรียนเป็นหลักเพราะมีเนื้อหาวิชาการตามหลักสูตรมากจนแทบจะไม่มีเวลาให้เด็กนักเรียนได้ทำกิจกรรมนอกห้อง

หลังเลิกเรียนก็มักจะใช้เวลาในห้องเรียนต่อไปกับการเรียนพิเศษ การติวเพื่อสอบเข้าระดับชั้นต่างๆ โดยเฉพาะระดับมัธยมศึกษาตอนปลายที่เน้นสอบเข้ามหาวิทยาลัยซึ่งถือว่าเป็นสนามสอบสำคัญที่แข่งขันสูงที่สุด

ปัญหาที่เด็กหลายๆ คน ต้องพบในช่วงเวลาดังกล่าวก็คือการทุ่มเทให้เนื้อหาวิชาการจนแทบจะไม่มีเวลาให้กิจกรรมอื่นๆ ที่น่าสนใจ จนเด็กจำนวนไม่น้อยไม่สามารถค้นหาตัวตนที่แท้จริงได้ การเลือกคณะหรือสาขาวิชาที่เรียนต่อจึงมักตามใจพ่อแม่ผู้ปกครองหรือตามกระแสความสนใจในขณะนั้น

ไม่น่าแปลกใจอะไรที่เราจะพบว่านิสิตนักศึกษาในรั้วมหาวิทยาลัยหลายๆ แห่งต้องเรียนอยู่ในคณะและสาขาวิชาที่ตัวเองไม่ได้ต้องการเรียนจริงๆ จนต้องขวนขวายหาทางสอบเข้าใหม่อีกครั้ง ทำให้ต้องเสียเวลาในช่วงปี 1 – ปี 2 ไปโดยปริยาย เพราะมหาวิทยาลัยในบ้านเราส่วนใหญ่ไม่มีนโยบายโอนหน่วยกิตให้เด็กกลุ่มนี้

ที่น่าเห็นใจก็คือหลายๆ คนที่ฝืนเรียนต่อทั้งๆ ที่ไม่ชอบจนรู้สึกเหมือนหลงทาง เพราะไม่รู้จักตัวเองดีพอ หรือไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับเพื่อนได้ ยิ่งถ้าได้เพื่อนไม่ดี และบริหารเวลาไม่เป็นก็จะยิ่งบานปลายจนอาจถึงขั้นที่ไม่สามารถจบการศึกษาได้

อีกด้านหนึ่งถึงเราจะเห็นเด็กส่วนใหญ่เรียนจบได้ตามระบบ แต่เด็กกลุ่มนี้จำนวนไม่น้อยก็ยอมรับว่าเรียนจบมาอย่างไม่มีเป้าหมายเพราะยังไม่ทราบความต้องการที่แท้จริงของตัวเอง แต่เรียนจบมาได้เพราะมีความรับผิดชอบในระดับหนึ่ง และต้องการปริญญามาเพื่อเป็นใบเบิกทางเท่านั้น

สำหรับเด็กที่มีความพร้อมและสามารถเรียนต่อได้ในสาขาวิชาที่เขาชื่นชอบก็มั่นใจได้ว่าเขาจะเรียนรู้อย่างเต็มที่ แต่เด็กส่วนใหญ่ที่ต้องเรียนไปวันๆ เพราะไม่ได้เรียนในคณะที่ตรงกับความต้องการที่แท้จริงเมื่อเรียนจบก็มักไม่มีความพร้อมในการทำงานเท่าที่ควร

ปัญหานี้ถือเป็นเรื่องใหญ่สำหรับภาคธุรกิจที่หาคนเข้าร่วมงานได้ยากกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด เด็กส่วนใหญ่ถึงจะมีปริญญาในสาขาที่ต้องการแต่กลับมีความรู้ความเชี่ยวชาญในด้านนั้นๆ น้อยมากเพราะเขาสนใจแค่เฉพาะเนื้อหาวิชาการที่ออกข้อสอบเท่านั้น แต่เรื่องอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องนอกเหนือตำราเรียนเขาถือเป็นส่วนเกินเพราะไม่ได้ชอบในสาขาวิชานี้จริงๆ

การปฏิรูปการศึกษาจึงเป็นสิ่งที่ทุกคนรอคอย แต่ระหว่างนี้พ่อแม่ ผู้ปกครองก็ต้องหาทางปรับตัวและสถาบันการศึกษาเองก็ต้องมีนโยบายที่เปิดกว้างมากขึ้นเพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว โดยเฉพาะการที่เด็กยังค้นหาตัวเองไม่เจอ

ทางแก้ทางแรกคือพ่อแม่ ผู้ปกครองถึงจะโน้มน้าวให้เด็กเลือกเรียนในสาขาวิชาที่มีแนวโน้มว่าจะสร้างความมั่นคงในอนาคตให้เด็กได้ แต่ก็ต้องเปิดใจให้เขาเปลี่ยนใจได้เช่นกันหากเขาพบว่าสาขาวิชานี้ฝืนตัวตนของเขามากเกินไป

เช่นเดียวกับสถาบันการศึกษาที่อาจต้องเปิดกว้างให้เด็กกลุ่มนี้มีทางออกอื่นๆ เพิ่มเติมนอกเหนือจากการไปสอบเข้ามหาวิทยาลัยใหม่อีกครั้งซึ่งเท่ากับทั้งเด็กและมหาวิทยาลัยเองต้องเสียเวลาไปเปล่าถึง 1 ปีเต็ม ซึ่งแนวทางมีมากมายทั้งการโอนหน่วยกิตหรือการปรับหลักสูตรให้เรียนพื้นฐานในระดับชั้นปี 1 ก่อนที่จะแยกสาขาในปีถัดไปเพื่อให้เด็กมีเวลาได้ศึกษาและหาแนวทางของตัวเอง

ยังมีแนวทางอีก 5 ข้อที่ขอยกยอดไปในฉบับหน้านะครับ


สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน

Tags : เรียนไม่ตรงใจ ไม่มีใครได้ประโยชน์

view