จาก โพสต์ทูเดย์

กาญจนบุรี-ทหารเตรียมรื้อไม้ที่ผู้รับเหมาซ่อมสะพานมอญทิ้ง เหตุไม่ได้คุณภาพ ชาวเน็ตจวกยับควักเงินบริจาค 10 ล้านจ่ายผู้รับเหมา

เมื่อวันที่ 5 ก.ย.57 นายชาธิป รุจนเสรี นายอำเภอสังขละบุรี ร่วมกับกับ พ.อ.สนิธ ชนกสังขจันทร์ ผบ ฉก.ลาดหญ้า กกล.สุรสีห์ พ.ท.จิรายุ จิตรธรรม ผบ.ช.พัน 9 นางสาวรัชนี จำปีขาว ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 2 ต.หนองลู เข้ากราบนมัสการ พระมหาสุชาติ สิริปัญโญ เจ้าอาวาสวัดวังก์วิเวการาม ที่ศาลาวัดวังก์วิเวการาม หมู่ 2 ต.หนองลู อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี เพื่อประชุมปรึกษาหารือเกี่ยวกับการซ่อมสะพานอุตตมานุสรณ์ หรือสะพานไม้ (สะพานมอญ) หลังจากที่จังหวัดกาญจนบุรี ยกเลิกสัญญาว่าจ้างกับห้างหุ้นส่วนจำกัด ป.รุ่งเรืองวัสดุภัณฑ์ เมื่อวันที่ 4 ก.ย.

การประชุมครั้งนี้ปรากฏว่า มีนายนฤชิต คงนศิริ นายช่างโยธาชำนาญงาน สังกัดสำนักนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดกาญจนบุรี สาขาทองผาภูมิ อดีตคณะกรรมการควบคุมงาน ที่ลาออกไปในช่วงที่ ห้างหุ้นส่วนจำกัด ป.รุ่งเรืองวัสดุภัณฑ์ เข้ามาดำเนินการในช่วงแรก
 
ผลการประชุมวันนี้เบื้องต้นได้ข้อสรุปร่วมกันว่า ภายในวันที่ 9 ก.ย.ทางเจ้าหน้าที่ทหารที่รับผิดชอบจะเริ่มเคลื่อนย้ายเครื่องจักรที่ต้องใช้สำหรับซ่อมสะพานให้แล้วเสร็จภายในวันเดียว จากนั้นวันที่ 10 ก.ย.จะเริ่มลงมือดำเนินการซ่อมบูรณะสะพานในทันที ในวันนั้นจะมีเจ้าหน้าที่ทหาร ร่วมกับชาวบ้านและจิตอาสาเข้ามาช่วยเหลือ ร่วมกันดำเนินการ

ที่ประชุมเห็นพร้อมกันด้วยว่าจะไม่กำหนดเวลาในการดำเนินการว่าจะเสร็จภายในกี่วัน เพราะไม่ต้องการให้เกิดความกดดันจนเร่งรีบ และจะส่งผลทำให้ผลงานออกมาได้ดีอย่างมีประสิทธิภาพ มั่นคง แข็งแรง และรักษาอัตลักษณ์เดิมไว้ให้ได้มากที่สุดเท่าที่ทุกคนจะทำได้ ส่วนสาเหตุที่ลงมือดำเนินการซ่อมสะพานในวันที่ 10 ก.ย.นั้น เนื่องจากระหว่างวันที่ 7- 9 บริเวณดังกล่าวชาวบ้านจำเป็นต้องใช้สถานที่จัดงานประเพณีปล่อยเรือสะเดาะเคราะห์ ของชาวไทยเชื้อสายรามัญที่อาศัยอยู่ในพื้นที่อำเภอสังขละบุรีและยังเห็นพ้องต้องกันว่า จะยกเลิกการใช้กล่องเกเบี้ยนที่ใช้สำหรับยึดตอม่อ ส่วนที่ทางห้างหุ้นส่วนจำกัด ป.รุ่งเรืองวัสดุภัณฑ์ได้ทำไปแล้ว จะทำการรื้อถอนทิ้งในภายหลัง เพราะทุกคนเห็นว่าเมื่อถึงช่วงฤดูน้ำลดหรือหน้าแล้ง จะทำให้นักท่องเที่ยงมองดูแล้วไม่สวยงาม จะเป็นการทำลาย อัตลักษณ์เดิมอย่างสิ้นเชิง

นอกจากนี้ จากการตรวจสอบในครั้งนี้ยังพบปัญหาที่ทางห้างหุ้นส่วน จำกัด ป.รุ่งเรืองวัสดุภัณฑ์ ทำทิ้งไว้คือ พื้นไม้ตะเคียนที่นำมาปูไม่เรียบ และขนาดความหนาของไม้ไม่ได้มาตรฐานเดิม คือของเดิมหนาถึง 2 นิ้ว แต่ไม้ที่ทางบริษัทนำมาปูพื้นหนาเพียงแค่ 1 นิ้วครึ่ง ซึ่งส่วนนี้จำเป็นจะต้องรื้อทิ้งทั้งหมด เพราะหากปล่อยเอาไว้เมื่อเวลาผ่านไปนาน จะเกิดปัญหาขึ้นมาในภายหลัง การเข้าไปตรวจสอบครั้งนี้ ทำให้ชาวบ้านที่ทราบข่าวต่างแสดงความรู้สึกดีใจอย่างเห็นได้ชัดและดีใจที่ชาวบ้านในพื้นที่จะได้กลับมามีส่วนร่วมอีกครั้งหนึ่ง เมื่อถึงเวลาทุกคนจะออกมาช่วยกันอย่างเต็มที่
 
ขณะที่เพจเฟซบุ๊กที่ใช้ชื่อว่า “สะพานมอญ โมเดล” ที่ติดตามความเคลื่อนไหวการซ่อมสะพานอย่างต่อเนื่อง ปรากฏว่า สมาชิกที่สนใจเกี่ยวกับการซ่อมบูรณะสะพานอุตตมานุสรณ์ วิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักกรณีที่จังหวัดพิจารณาจ่ายเงินชดเชยให้กับผู้รับเหมาเป็นจำนวนเงิน 10 ล้านบาท

วิจารณ์สนั่นหลังจังหวัดจ่าย 10 ล้านเลิกสัญญาซ่อมสะพานมอญ เรียกร้อง สตง.ตรวจสอบ

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

       กาญจนบุรี - วิจารณ์สนั่นโซเชียล เน็ตเวิร์ก หลังจังหวัดจ่าย 10 ล้านเลิกสัญญาซ่อมสะพานมอญ ถามใครพิสูจน์ตัวเงินลงทุน คืบหน้าไม่น่าเกิน 20% เรียกร้อง สตง.ตรวจสอบ เฟซบุ๊ก “สะพานมอญ โมเดล” โต้คำชี้แจงจังหวัดเปรียบเทียบซ่อมโดยผู้รับเหมา-วัด ชี้ให้ชาวบ้าน พระทำเอง ป่านนี้คนนับพันขึ้นไปย่ำบนสะพานได้แล้ว
       
       ภายหลังคณะกรรมการไกล่เกลี่ยปัญหาการซ่อมแซมบูรณะสะพานไม้อุตตมานุ สรณ์ หรือสะพานมอญ อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี ทำสัญญาประนีประนอมกับ หจก.ป.รุ่งเรืองวัสดุภัณฑ์ ผู้รับจ้าง ผู้รับจ้างซ่อมสะพาน โดยจังหวัดจ่ายค่าจ่ายเงินค่าก่อสร้างให้ผู้รับจ้าง 10 ล้านบาท เนื้องจากงานคืบหน้าคิดเป็น 60.94% นั้น
       
       ได้มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ตามมาทันที เช่น “จำนวนเงินที่อ้างว่าได้ลงทุนไปนั้นใครพิสูจน์ทราบ มีจริงหรือไม่ ค่าปรับเท่าไหร่ ซึ่งความจริงต้องยกเลิกสัญญา แล้วหาผู้รับจ้างรายใหม่ หากมีค่าใช้จ่ายเกินราคาประมูลเดิม ผู้รับจ้างรายเก่าต้องรับผิดชอบ”
       
       หรือ “สตง.เข้าไปดูหน่อยเป็นไร จะได้รู้ว่าสัญญานี้มันมีที่มาที่ไปอย่างไร วงเงิน 16 ลบ. อำนาจการสั่งจ้างไม่น่าจะใช่ แต่อำนาจลงนามในสัญญาเป็นหัวหน้าส่วนราชการ คือ ผู้ว่าฯ ถูกต้อง แต่ทำใมผู้ลงนามในสัญญาประนีนอมเป็นรองผู้ว่าฯ ล่ะครับ คิดอะไรกันอยู่ ปกติแล้ว ถ้างานไม่เสร็จผู้รับจ้าง ต้องรับผิดชอบทุกกรณี งง”
       
       ขณะที่ เฟซบุ๊ก สะพานมอญ โมเดล ตั้งข้อสงสัยเรื่องงานคืบหน้าไปแล้ว 60.94% ซึ่งไม่น่าเป็นไปได้ เพราะดูสภาพแล้วไม่น่าเกิน 20% และตั้งข้อสังเกตว่า เมื่อผิดสัญญาผู้รับเหมาก็ต้องรับผิดชอบ ทำไมต้องไปตกลง ถ้าฟ้องศาลกว่าคดีจะจบจะได้สร้างสะพานต่อก็หลายปี แต่ผู้รับเหมาต้องเสียค่าปรับ แต่ทำแบบนี้เหมือนยอมความกัน ผู้รับเหมาได้กำไรเหมือนเดิม
       
       ทั้งยังวิจารณ์การพิจารณาผู้ ดำเนินการเปรียบเทียบ ระหว่างวัดกับผู้รับเหมา ที่นายชัยวัฒน์ ลิมป์วรรณธะ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ชี้แจงกรณีถ้าวัดทำ จะมีความเสี่ยงเรื่องไม้ผิดกฎหมายนั้น ข้อเท็จจริงทางวัดวังก์วิเวการามยืนยันว่าไม้ที่จะนำมาใช้เป็นไม้ถูกต้องตาม กฎหมาย และทางวัดมีไม้จำนวนหนึ่งเก็บรักษาไว้พร้อมซ่อม นอกจากนี้ หากเป็นไม้ผิดกฎหมาย ทำไมผู้รับเหมามาขอซื้อไม้ที่วัดเก็บไว้ แตทางวัดขายให้ไม่ได้ เพราะเป็นไม้ที่ผู้มีจิตศรัทธาบริจาค
       
       ส่วนประเด็นความไม่มั่นคง แข็งแรง ข้อเท็จจริงสะพานไม้อยู่มาจนถึงวันนี้เป็นเพราะฝีมือช่างชาวมอญ โดยมีพระราชอุดมมงคล หรือหลวงพ่ออุตตมะ เป็นผู้ควบคุมงาน และทรุดโทรมตามกาลเวลา แต่ชาวบ้าน และวัดซ่อมแซมกันเอง ซึ่งไม่เคยมีเกิดเหตุร้ายขึ้น แม้จะมีนักท่องเที่ยวหลายร้อยคนเดินเที่ยวชมบนสะพานพร้อมกัน
       
       ส่วนกรณีที่อ้างว่า ผู้รับเหมาใช้ไม้ถูกกฎหมายนั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องไปตรวจสอบว่าถูกต้องจริงหรือไม่ เพราะไม้ซุงสด ไม้ชื่อเดียวกันแต่อายุการใช้งานผิดกัน เช่น ไม้ตะเคียน ก็ไปเอา “ไม้ตะเคียนหนู” มาทำ ซึ่งอายุ และคุณภาพต่างกันมากกับไม้ตะเคียนทอง ซ้ำยังกะเทาะเปลือกที่หน้างาน เลื่อย และแปรรูปโดยไม่ผ่านการอบและอาบน้ำยามาแม้แต่ท่อนเดียว จะแข็งแรงคงทนเหมือนไม้ที่คนท้องถิ่นเคยซ่อมได้อย่างไร
       
       นอกจากนี้ ผู้ควบคุมงานก็ระบุว่า ต้องเป็นไม้ที่ตัดมาแล้วไม่ต่ำกว่า 3 เดือน ผ่านกรรมวิธีอาบน้ำยารักษาเนื้อไม้มาแล้วจากโรงเลื่อย เพราะไม้ตัดใหม่ย่อมส่งผลกระทบต่อความมั่นคงแข็งแรงโดยตรง
       
       ส่วนเรื่องราคาก็ต่างกัน หากทางวัดซ่อมเองใช้เงินเพียง 3-5 ล้านบาท และวันนี้ชาวบ้าน และนักท่องเที่ยวคงได้เดินข้ามสะพานไม้หลายพันคนแล้ว นอกจากนี้ เมื่อทำสัญญาประนีประนอมแล้ว จะให้ทหาร และชาวบ้านซ่อมเอง ก็ต้องไปเสียเวลารื้อของที่ผู้รับเหมาทำไว้อีก เพราะทำผิดมาตั้งแต่ต้น
       
       นอกจากนี้ ยังแจ้งว่ามีผู้ใหญ่ในจังหวัดจะดำเนินคดีต่อผู้ที่เข้ามาแสดงความคิดเห็นโจม ตีในเฟซบุ๊ก โดยระบุว่า คนที่ถูกเรียกเข้าไปเพื่อให้ขอโทษยืนยันแล้วว่าไม่กลัว และจะฟ้องกลับตามมาตรา 157 ด้วย หากถูกดำเนินคดี

       ขณะที่มีผู้ต้องข้อสังสัยว่า งบที่ใช้ซ่อมแซมที่จังหวัดจัดจ้างเอกชนเป็นเงินถึง 16,347,000.00 บาท ใช้เงินจากไหน งบประมาณแผ่นดิน หรือที่ได้รับจากการบริจาคมา เพราะเมื่อวันที่ 3 กันยายน 2556 พล.ต.ต.อรรถกฤษณ์ ธารีฉัตร ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล (ในขณะนั้น) บริจาค 5 ล้านบาท ผ่านทางจังหวัด เพื่อสมทบทุนบูรณะซ่อมแซมสะพาน โดยนายชัยวัฒน์ ลิมป์วรรณธะ ผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นตัวแทนรับมอบ
       
       วันที่ 5 ตุลาคม 2556 นางองค์อร อาภากร ณ อยุธยา ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่อาวุโส ธนาคารไทยพาณิชย์ และนายธนะ คุ้งบรรพต ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ เป็นผู้แทนธนาคารมอบเงิน 2 ล้านบาท ผ่านทางนายชัยวัฒน์ และวันที่ 17 เมษายน 2557 นายณัฐจพนธ์ ภูมิเวียงศรี ผู้ช่วยว่าการไฟฟ้าพลังน้ำ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) มอบเงิน 4 ล้านบาท ผ่านทางนายชัยวัฒน์อีกเช่นกัน รวมเงิน 11 ล้านบาท
       
       จึงขอให้ช่วยตรวจสอบดูว่าใช้งบตรงไหนจัดจ้าง หากใช้งบประมาณผ่นดิน เงินที่ได้รับบริจาคมาก็สมควรมอบให้แก่ทางวัด หรือผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องดูแลสะพาน เก็บรักษาไว้เพื่อซ่อมแซมบูรณะสะพานในครั้งต่อไป
       
       หากใช้เงินจากที่ได้รับบริจาคมาก็สามารถตรวจสอบการเบิกจ่ายงบประมาณ แผ่นดินได้เช่นกันว่า ส่วนต่างค่าซ่อมที่เกินจากเงินบริจาคนั้นทางจังหวัดเบิกมาเท่าไหร่

สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน