สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

ผู้นำ...ใน สภาวะวิกฤติ!

จาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
ธีรพล แซ่ตั้ง



เรื่องราวเกิดขึ้น ณ.ช่วงเวลาบ่ายแก่ๆ ของบริษัทแห่งหนึ่ง...

ผู้นำ..คนแรก.

ผู้บริหารสูงสุดขององค์กร (ภาษาชาวบ้านเรียกว่า “เจ้าของ” หรือ “เถ้าแก่” แล้วแต่จะสะดวกเรียก!) นัดผู้บริหารระดับสูงรวมทั้งผู้จัดการฝ่ายต่างๆ มาประชุม

และบรรยากาศเริ่มด้วยความตึงเครียด..

เจ้าของกิจการ : เริ่มด้วยใบหน้าและน้ำเสียงที่เคร่งเครียด” ที่ผมเรียก “พวกคุณ” มาประชุมวันนี้ คงไม่ต้องบอกนะว่าจะคุยเรื่องอะไร!” หลังจากปล่อยให้บรรยากาศเงียบด้วยความเครียดผสมความอึดอัดแล้ว ก็เริ่มพูดต่อ..

“พวกคุณ ทำงานกันยังไง ถึงปล่อยให้ยอดขายมันร่วงติดต่อกันจนยอดขายตกติดกันมา 2 เดือนแล้ว นี่ก็เหลืออีก2-3เดือนจะสิ้นปี...จะปล่อยให้ปีนี้ยอดขายต่ำกว่าเป้าที่ตั้งไว้ใช่มั๊ย?

ผู้จัดการฝ่ายต่างๆ โดยเฉพาะผู้จัดการฝ่ายการตลาด และ ผู้จัดการฝ่ายขายต่างก็นั่งนิ่งด้วยความอึดอัด จนกระทั่งเริ่มมีเสียงตะกุกตะกักของผู้จัดการฝ่ายขายที่รวบรวมความกล้าพูดออกไปเบาๆ ว่า..

“ช่วงนี้ยอดขายลดลงทั้งหมดทั้งอุตสาหกรรม ของคู่แข่งเองก็ยอดขายตก พอๆ กับของเราเหมือนกันครับ และ ในสภาวะเศรษฐกิจที่ดูไม่ค่อยแน่นอน..”

เจ้าของกิจการ : (พูดสวนขึ้นมาทันทีว่า) “ผมไม่ได้จ้างให้คุณมานั่งบอกข้ออ้างที่ยอดขายตก แต่ผมจ้างคุณเพื่อให้ทำยอดขายให้ดีให้โตขึ้นทุกเดือน! ฝ่ายการตลาดเองก็เหมือนกัน ไม่มีกลยุทธ์หรือแผนรองรับสถานการณ์บ้างหรือไง?”

ผู้จัดการฝ่ายต่างๆ ก็นั่งนิ่งเงียบ..เพราะทุกคนรู้ “นิสัย” ของเจ้าของกิจการดีว่า เป็นคนอารมณ์ร้อน เมื่อไม่ได้ดังใจก็มักจะ "เรียกมาประชุมแล้วอัดแต่ละฝ่ายจนหนำใจ" และอีกไม่นานก็จะสะบัดก้นออกไปเองด้วยความหงุดหงิด!

หลังจากเจ้าของกิจการนั่งพูด นั่งพ่นก่นด่าสถานการณ์และความโง่เง่าของฝ่ายต่างๆ จนสาแก่ใจ โดยผูกขาดการพูด การบ่น การด่าประมาณครึ่งชั่วโมง แล้วก็สรุปปิดท้ายเหมือนทุกครั้งว่ษ..“สิ้นเดือนหน้าเราค่อยมาประชุมแล้วดูผลงานอีกทีว่าจะ “เลวลงกว่าเดิมหรือเปล่า!”

พูดจบก็เดินกระแทกเท้าออกจากห้องประชุมแล้วปิดประตูเสียงดังปัง! ผู้จัดการแต่ละฝ่ายต่างก็นั่งสรรเสริญ(บ่น ก่นด่า ผสมสาปแช่ง)เจ้าของกิจการกันลับหลังก่อนจะค่อยๆแยกย้ายกันไปทำงานด้วยความห่อเหี่ยว!

ผู้นำ..คนที่สอง

เหตุการณ์อีกลักษณะหนึ่งเกิดขึ้นที่ บริษัทอีกแห่งหนึ่ง ในช่วงเวลาเช้าๆ ของห้องประชุมอีกที่หนึ่ง..ผู้บริหารสูงสุด(หรือเจ้าของกิจการ)เรียกผู้บริหาร ผู้จัดการฝ่ายต่างๆ มาประชุมด้วยประเด็นเดียวกัน (ในสภาวะปัจจุบันที่ยอดขายตกไม่แตกต่างจากคู่แข่งในธุรกิจเดียวกัน) แต่รูปแบบของการประชุมแตกต่างกับสถานการณ์ของบริษัทแรก

บรรยากาศเริ่มต้นด้วยบรรยากาศสบายๆ ไม่เคร่งเครียด ถึงแม้เรื่องราวที่จะประชุมจะเครียดก็ตาม!

เจ้าของกิจการ : “ขอเริ่มประชุมเลยนะครับ เพราะดู “พวกเรา” พร้อมกันตั้งแต่เช้าแล้ว และเรื่องที่จะประชุมกันก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ “ท้าทายศักยภาพของพวกเรา” ที่ยอดขายทั้งอุตสาหกรรมตกจากเดือนที่แล้วมาพอสมควร.. เราจะมาร่วมกันคิด ร่วมกันกำหนดกลยุทธ์เพื่อสร้างยอดขาย กลับขึ้นมา..ซึ่งอาจจะดูว่ายาก แต่มีความเป็นไปได้!”

ผู้จัดการแต่ละฝ่ายที่เข้าประชุมก็พยักหน้าเห็นด้วย และผู้จัดการฝ่ายขาย ก็เริ่มต้นด้วย….”จากข้อมูลที่ผมไปสำรวจในภาคสนามมา และจากการรวบรวมข้อมูลหลายๆ ด้าน ผมจะขออนุญาตวิเคราะห์ สาเหตุที่ยอดขายทั้งอุตสาหกรรมตกลง และ สาเหตุที่ยอดขายของบริษัทเราตกไปด้วย พร้อมทั้ง แนวทางการ เพิ่มยอดขายจากฐานลูกค้าเก่าเพื่อชดเชยยอดขายจากลูกค้าใหม่ที่ลดลง นะครับ”

เจ้าของกิจการ : “ดีมากเลยครับ ส่วนฝ่ายอื่นๆก็ขอเชิญร่วมกันแชร์ความเห็นได้เต็มที่เลยนะครับ เราจะได้มีหลากหลายแนวทางสำหรับการปรับตัวในสภาวะปัจจุบัน..” และการประชุมก็ดำเนินไปอย่างมีชีวิตชีวาพร้อมทั้งได้ข้อสรุปแนวทางใหม่ๆ กลยุทธ์ใหม่ๆหลังการเสร็จสิ้นการประชุม ที่ได้ทั้งผลและบรรยากาศที่สร้างสรรค์

เราได้เรียนรู้อะไรจาก “ความต่าง”ของทั้งสองบริษัทนี้บ้าง ?

เราคงไม่ได้มาเรียนรู้เรื่องของการประชุม(ถึงแม้วิธีการประชุมของทั้งสองแห่งจะแตกต่างกันสุดขั้วก็ตาม) แต่เรากำลังเรียนรู้เรื่องของ

1. “ภาวะผู้นำในสถานการณ์ต่างๆ” ที่สามารถเปลี่ยนสภาวะแวดล้อมที่น่าจะตึงเครียดให้เกิดบรรยากาศและแนวความคิดใหม่ๆสำหรับแก้ปัญหา-สถานการณ์

2. เรากำลังเรียนรู้ในเรื่องของ “การสร้างและดึงศักยภาพของผู้จัดการแต่ละฝ่ายออกมาใช้อย่างสร้างสรรค์”โดยใช้การสื่อสารทางบวกที่ให้เกียรติและสร้างบรรยากาศของความเป็นทีมงานที่มีศักยภาพ (จะเห็นความแตกต่างที่ชัดเจนของคำว่า "พวกคุณ" จากเจ้าของกิจการคนแรก และ "พวกเรา" ของเจ้าของกิจการคนที่สอง)

ผมเดาเล่นๆ ว่า ตอนนี้บรรยากาศในห้องประชุมของหลายๆ ที่ คงจะคล้ายหรือใกล้เคียงกับสถานการณ์แรก ที่มีแต่ความตึงเครียด ที่มีแต่บรรยากาศอึดอัดผสมหดหู่ เพราะสภาวะโดยรวมของเศรษฐกิจมันมีอิทธิพลพอสมควรที่จะทำให้หลายๆ ธุรกิจต้องตกอยู่ในสภาวะบีบคั้นมากยิ่งขึ้น..

เพราะฉะนั้น..จะร่วงหรือจะรุ่ง..อย่าไปโทษสภาวะเศรษฐกิจหรือไปโทษทีมงาน..เพราะไม่ว่าภาวะเศรษฐกิจจะแย่หรือเลวร้ายเพียงใด

"คนสำคัญ ที่จะทำให้แย่ลงไปกว่าเดิม หรือพลิกสถานการณ์ให้ดีขึ้น..ก็คือผู้นำ!"


สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน

Tags : ผู้นำ สภาวะวิกฤติ

view