จาก โพสต์ทูเดย์
โดย...เอกชัย จั่นทอง
พลันที่นโยบายตกรางวัล 1 หมื่นบาท ให้กับตำรวจที่มีหลักฐานเอาผิด ประชาชนที่จ่ายสินบนจราจรถูกวิจารณ์หนักหน่วง พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ก็แก้เกมกลับประกาศจะให้รางวัล 1 หมื่นบาท กับประชาชนเช่นกัน ถ้ามีหลักฐานว่า ตำรวจรายใดเรียกสินบนกับประชาชน
และยืนยันว่า จะไม่มีการยกเลิกนโยบายนี้เด็ดขาด แม้จะมีเสียงต้านแค่ไหนก็ตาม
ใช่ว่าผู้ขับขี่ ประชาชนธรรมดาจะได้รางวัลง่ายๆ เพราะ ผบ.ตร.ตั้งเกณฑ์สูงว่า หลักฐานที่จะเอาผิดตำรวจ ต้องถึงขั้นดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ตำรวจรายนั้น
ขีดเส้นใต้ “ต้องถึงขั้นดำเนินคดี” ถามว่า ประชาชนทั่วไปใครจะกล้าต่อกรสู้กับ “ผู้ถืออำนาจ” เอาตำรวจติดคุก ดังนั้น รางวัลที่จะจ่ายให้กับประชาชน ในทางปฏิบัติคงยากเมื่อเทียบกับตำรวจที่มีอำนาจและมีกล้องจับผิด
นโยบาย “ให้รางวัลสินบนจราจร” ที่ครีกโครมนี้มีจุดประสงค์เพื่อลดปัญหาส่วยจราจรที่เกิดขึ้นดาษดื่นหวังสร้างภาพลักษณ์ใหม่ให้กับตำรวจในยุคของ พล.ต.อ.สมยศ
สังศิต พิริยะรังสรรค์ คณบดีวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต นักวิชาการผู้เปิดโปงส่วยตำรวจวิพากษ์ว่า การตั้งรางวัลนำจับให้ตำรวจและประชาชนอาจทำให้ต้องสูญเสียเงินเพิ่มขึ้น เพราะต้นทุนความเสี่ยงสูง ในท้ายที่สุดเรื่องดังกล่าวจะซาลงไปตามกระแส สิ่งสำคัญที่ ผบ.ตร.ควรจะทำมากกว่า คือ เน้นการสร้างคุณธรรม จริยธรรมให้ตำรวจ ให้รู้หน้าที่ว่าคืออะไรและไม่จำเป็นต้องใช้หรือการตั้งรางวัลเช่นนี้ นั่นแสดงให้เห็นถึงความล้มเหลวของระบบที่ ผบ.ตร. ก็น่าจะรู้
สังศิต กล่าวด้วยว่า ควรจะกระตุ้นผู้บังคับบัญชาทุกระดับให้ตำรวจทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา โดยไม่จำเป็นต้องมีสินจ้างรางวัล เรื่องแบบนี้เมื่อทำได้พักเดียวก็จะเงียบหายไป แต่สิ่งที่จะยั่งยืนคือผู้บังคับบัญชาทุกระดับดูแลเอาใจใส่ตำรวจ และต้องเลิกตั้งยอดหรือเป้าการจับกุมให้เขียนใบสั่ง
“พฤติกรรมเหล่านี้ต้องเลิกสักที เพราะเป็นวิธีการที่เห็นว่าเป็นการตั้งเป้าให้ตำรวจไปทำผิดกฎหมาย ควรยกเลิก ไม่อย่างนั้นตำรวจจะล่อคนให้ทำผิดเพื่อให้ได้เป้าตามเกณฑ์กำหนดของตำรวจ และมันทำให้ตำรวจมีความเสื่อมเสียทางคุณธรรมจริยธรรม เพราะเป็นการทำแบบไม่มีเหตุมีผล”
สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติผู้นี้ มองว่าการดำเนินการของตำรวจเพื่อลดการรับสินบนจากประชาชนไม่ใช่การแก้ไขปัญหาถูกจุดถูกที่ เรื่องสำคัญตำรวจต้องรู้จักหน้าที่ความรับผิดชอบของตัวเองเพราะตำรวจมีหน้าที่บังคับใช้กฎหมายเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการยุติธรรม แต่ตำรวจมาสร้างระเบียบกฎเกณฑ์ที่ขัดแย้งกับศีลธรรมเสียเอง
“ตำรวจมีหม้อข้าวหลายใบ ส่วยจราจรเป็นเพียงส่วนหนึ่ง ตำรวจยังมีแหล่งอบายมุข หวยใต้ดิน อาบอบนวด บ่อน เป็นของตำรวจทั้งหมด ไม่นานทุกอย่างจะกลับมาเช่นเดิม เพราะแม้แต่วินรถมอเตอร์ไซค์รับจ้างเองทุกวันนี้เรื่องส่วยก็กลับมา หากรัฐบาลปัจจุบันไม่อยู่แล้ว วงจรอุบาทว์ก็กลับมาหมด”
สังศิต กล่าวว่า แนวทางการแก้ไขปัญหา คือ การปรับปรุงองค์กรตำรวจให้ตรวจสอบได้ จะทำให้ควบคุมการใช้อำนาจมิชอบของตำรวจและทำอย่างไรถึงจะสร้างกลไกขึ้นมาตรวจสอบตำรวจทุกระดับชั้นได้ นับเป็นจุดอ่อนทำให้ตำรวจต้องเก็บส่วย ทำผิดกฎหมาย
สังศิตมองการปราบปรามเรื่องส่วยว่าไม่มีทางสกัดกั้นได้สำเร็จ เพราะระบบตำรวจเป็นปัญหาเชิงโครงสร้างต้องปรับปรุง หากทำได้ก็เพียงชั่วคราวปัญหาจะวกกลับสู่ระบบเดิม แม้แต่นโยบายการปราบปรามส่วยต่างๆ ที่แถลงข่าวออกมานั้น ก็เป็นเพียงการแสดงภาพลักษณ์ขององค์กรตำรวจเท่านั้น เพราะประชาชนไม่มั่นใจในโครงสร้างตำรวจตั้งแต่แรก แม้จะเขียนนโยบายที่สวยหรูก็ไม่สามารถแก้ปัญหาได้
“นโยบายดังกล่าวเป็นการสร้างความตึงเครียดให้กับตำรวจและประชาชน เพราะไม่รู้ว่าตำรวจหรือประชาชนใครจะถูกแอบถ่ายรูป ผมว่าไม่ถูกหรอกตำรวจมีหน้าที่บังคับใช้กฎหมาย ไม่ต้องมาตั้งรางวัลอะไร ไม่อย่างนั้นก็ต้องให้รางวัลตำรวจที่มาทำงานทุกวันไม่ขาดงานก็ต้องให้รางวัลซึ่งไม่สมควร มันไม่ใช่เรื่องความดีความชอบ แต่เป็นหน้าที่ต้องทำ ตำรวจไม่ทำตามหน้าที่ก็ถือว่าผิด”
คณบดีวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม กล่าวว่า เรื่อง “สินบนตำรวจ” เป็นการสร้างความร้าวฉานโดยไม่จำเป็น เป็นความรู้สึกที่ไม่ควรเกิดขึ้นจนกลายเป็นปรปักษ์ต่อกันระหว่างตำรวจกับประชาชน ที่จะก่อให้เกิดความไม่ไว้วางใจตำรวจมากขึ้นอย่างแน่นอน
สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน