จากประชาชาติธุรกิจ
คอลัมน์มุมคิดคนข่าว โดย พัชรินทร์ ธนากรพิพัฒนกุล patdhana@gmail.com
ในช่วงที่ผ่านมามีผู้ลงทุนรายหนึ่งได้อีเมล์มาปรึกษาดิชั้น เพื่อสอบถามวิธีการลงทุนในตลาดหุ้น เนื่องจากต้องการมีเงินใช้หลังเกษียณอย่างไม่ลำบากนัก...ในข้อนี้ดิชั้นเองก็เข้าใจอย่างมาก เพราะเป็นสาวโสดที่มีแววว่าจะโสดอย่างต่อเนื่อง จึงต้องวางแผนชีวิตอย่างรอบคอบเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ต้องขอบอกก่อนเลยว่าสาเหตุที่นำเรื่องนี้มาเขียนในคอลัมน์นี้ เพราะเห็นว่าเป็นประเด็นที่พบบ่อยสำหรับคนไทยในยุคนี้ จึงได้นำมาเผยแพร่ และหวังว่าจะสร้างประโยชน์ให้ผู้ที่ประสบปัญหาคล้ายๆ กันได้รับทราบด้วยค่ะ (เข้าใจตรงกันนะ)
เพียงแต่การจะให้คำปรึกษาด้านกลยุทธ์หรือวิธีลงทุนนั้น ออกจะเป็นเรื่องสุ่มเสี่ยงไปนิด สำหรับผู้ที่ไม่มีใบอนุญาตในการแนะนำ ดิชั้นจึงได้นำประเด็นนี้ไปคุยกับ "ดร.ศุภกร สุนทรกิจ" กรรมการบริหารสายงานบริหารความมั่งคั่ง บริษัทหลักทรัพย์(บล.) เอเชีย เวลท์ จำกัด ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการบริหารการลงทุน และมีประสบการณ์ในตลาดทุนมานาน ให้ช่วยชี้ทางออกแทน
โดยได้เล่าโจทย์ให้ "ดร.ศุภกร" ฟัง ซึ่งเป็นไปตามข้อมูลในอีเมล์ของ "คุณวันใหม่" (นามสมมติ) ที่ส่งมาคือปัจจุบันเป็นสาวโสดวัย 30 กว่าๆ
มีทรัพย์สินคือรถ 1 คัน ไม่มีหนี้ ไม่มีบัตรเครดิต ไม่มีเงินเก็บ ไม่มีประสบการณ์ลงทุน เงินเดือนประมาณ 3 หมื่นกว่าบาท จะต้องลงทุนอย่างไรจึงจะมีเงินเก็บเพียงพอไว้ใช้ในยามเกษียณ
"ดร.ศุภกร" ให้คำปรึกษาไว้อย่างน่าสนใจ 4 ขั้นตอนสำคัญ ดังนี้...!!
ขั้นแรก ควร "เปลี่ยนอุปนิสัยการใช้เงิน" โดยทุกครั้งเมื่อเงินเดือนออกให้เจียดส่วนหนึ่งไว้เพื่อการ "ออม" ก่อนที่จะใช้จ่าย ซึ่งในกรณีของ "คุณวันใหม่" แนะนำให้แบ่งเงินออกมาเดือนละ 5,000 บาท หรือประมาณ 10% ของเงินเดือนออกมาแล้วนำไปลงทุนใน กองทุนตลาดเงิน (Money Market Fund) ซึ่งสามารถติดต่อซื้อได้ที่ธนาคารต่าง ๆ ทั่วประเทศ...
ขั้นต่อมาการ "จัดสรร" เมื่อเก็บเงินได้ระยะหนึ่ง เช่น ครบ 2 หมื่นบาท ให้เริ่มแบ่งไปลงทุนในกองทุนประเภทอื่น ๆ อาทิ กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ กองทุนรวมหุ้นไทย (เน้นกองที่มีนโยบายลงทุนในหุ้นปันผลสูง) และกองทุนตราสารหนี้...ซึ่งในขั้นแรกหากมีเงินลงทุนไม่สูง ไม่สามารถกระจายได้ครบทุกกองทุน ก็ให้เลือกจากกองทุนที่ศึกษาแล้วต้องการลงทุนที่สุดก่อน
ขั้นที่ 3 การ "จัดพอร์ต" เมื่อเงินลงทุนเริ่มพอกพูนเติบโตมากขึ้น ให้ทำการจัดสัดส่วนการลงทุนในกองทุนต่าง ๆ ให้เข้าที่เข้าทางมากขึ้น (ซึ่งอาจทำควบคู่ไปกับขั้นที่ 2) โดย "ดร.ศุภกร" แนะนำว่าให้มีเงินลงทุนในกองทุนรวมหุ้นไทยสัดส่วนราว 15-20% กองทุนอสังหาฯ 30-40% ส่วนที่เหลือก็ให้ลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ที่มีส่วนผสมของหุ้นกู้เอกชน อย่างไรก็ตาม "คุณวันใหม่" สามารถปรับสัดส่วนการลงทุนได้ตามความเหมาะสม
"ดร.ศุภกร" ทิ้งท้ายด้วยว่า "นักลงทุนหน้าใหม่" ไม่ควรจะผลีผลามรีบร้อนเข้ามาลงทุนทันทีโดยยังไม่รู้จักตลาดหุ้น ดังนั้น "กองทุน" จึงน่าจะเป็นคำตอบที่น่าสนใจที่สุด เพราะมีผู้เชี่ยวชาญคอยบริหารให้อย่างใกล้ชิด แต่หลังจากนั้นหากมั่นใจว่ามีความรู้มากพอจะเลือกลงทุนหุ้นรายตัวก็ไม่ใชเรื่องที่น่ากังวล
หวังว่าคุณ "วันใหม่" และหลาย ๆ คนที่เจอสถานการณ์เดียวกันจะพอได้ไอเดีย และนำแนวทางการลงทุนทั้งหมดนี้ไปลองศึกษาต่อนะคะ...พื้นที่จำกัดจริง ๆ ค่ะ หากสนใจรายละเอียดลอง Feed Back กันมานะคะ
สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน
