สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

จีนกับเศรษฐกิจโลก

จีนกับเศรษฐกิจโลก

จาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์




กลางเดือนตุลาคม สหราชอาณาจักรได้ออกพันธบัตรสกุลเงินหยวน เป็นครั้งแรก

ถือเป็นชาติตะวันตกประเทศแรกที่ออกพันธบัตรสกุลเงินหยวน หรือ เหรินหมินปี้ (Renminbi) RMB ตอกย้ำความสำคัญของจีนต่อเศรษฐกิจโลก

หลังจากที่ประกาศมาประมาณหนึ่งเดือนว่า กระทรวงการคลังของอังกฤษ วางแผนที่จะออกพันธบัตรเป็นสกุลเงินหยวนเป็นประเทศแรก อังกฤษก็ออกพันธบัตรมูลค่า 3,000 ล้านหยวน หรือประมาณ 300 ล้านปอนด์ (ประมาณ 15,500 ล้านบาท) เพื่อนำไปใช้เป็นทุนสำรอง โดยมี แบงก์ออฟไชน่า ธนาคารฮ่องกงและเซี่ยงไฮ้ และ ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด เป็นผู้จัดจำหน่าย

ข่าวแจ้งว่า ผู้ซื้อส่วนใหญ่เป็นธนาคารกลางของประเทศต่างๆ ฝ่ายบริหารเงินของธนาคารพาณิชย์และผู้จัดการกองทุนทั่วโลก ทั้งนี้พันธบัตรงวดที่ออกจำหน่ายมีอายุ 3 ปี จ่ายดอกเบี้ยในอัตรา 2.7% เมื่อเปิดให้จองซื้อในวันที่ 14 ตุลาคม มียอดจองซื้อเข้ามา 5,800 ล้านหยวน เกินกว่าที่จัดจำหน่ายเกือบเท่าตัว

การกระชับความสัมพันธ์กับสหราชอาณาจักรของจีนมีความก้าวหน้าขึ้นเรื่อยๆ โดยเมื่อเร็วๆนี้ธนาคาร ICBC หรือ Industrial and Commercial Bank of China ได้รับใบอนุญาตให้ทำธุรกิจกับสถาบัน หรือ Wholesale banking license จากสหราชอาณาจักร หลังจากนั้นไม่กี่วัน Lloyd’s of London ก็ได้ใบอนุญาตให้เปิดสาขาในกรุงปักกิ่ง

หลังจากเติบโตมาด้วยอัตราที่เป็นเลขสองหลักมาตลอด 30 ปี จีนเริ่มมีการเติบโตลดลงเป็นเลขหลักเดียวในปี 2011 ด้วยอัตราเติบโต 9.3% และลดลงเหลือ 7.7%และ 7.6% ในปี 2012 และ 2013 ตามลำดับ ในปีนี้ ไอเอ็มเอฟคาดว่า เศรษฐกิจจีน จะเติบโตในอัตรา 7.4% และจะลดเหลือ 7.1% ในปี 2015

อย่างไรก็ดี เศรษฐกิจจีนมีความสำคัญต่อเศรษฐกิจโลกมากขึ้นเรื่อยๆ ไอเอ็มเอฟคาดว่าในปี 2014 นี้เศรษฐกิจของจีนวัดโดยจีดีพีโดยใช้อัตราแลกเปลี่ยนอย่างเป็นทางการ จะเท่ากับ 10.355 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ แต่ถ้าคำนวณอัตราแลกเปลี่ยนโดยคำนึงถึงอำนาจซื้อ คือ Purchasing Power Parity (PPP) จะมีขนาดเท่ากับ 17.632 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ และจะมีขนาดใหญ่กว่าเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาซึ่งคาดว่าในปี 2014 จะมีขนาด 17.416 ล้านล้านดอลลาร์เลยทีเดียว

ดังนั้นอาจจะถือได้ว่าเมื่อคิดตามอำนาจซื้อแล้ว ในปีนี้เศรษฐกิจจีนจะมีขนาดใหญ่เป็นอันดับหนึ่งของโลกค่ะ โดยมีขนาดเศรษฐกิจคิดเป็น 16.48% ของเศรษฐกิจโลก และสหรัฐอเมริกามีขนาดเศรษฐกิจคิดเป็น 16.28% ของเศรษฐกิจโลก สองประเทศรวมกันก็เท่ากับหนึ่งในสามของโลกแล้ว

แต่หากคำนวณมูลค่าเศรษฐกิจตามอัตราแลกเปลี่ยนอย่างเป็นทางการ คงต้องรออีกประมาณ 10 ปีจีนจึงจะแซงหน้าสหรัฐอเมริกา เพราะตอนนี้ยังห่างกันอยู่ประมาณ 7.1 ล้านล้านดอลลาร์ค่ะ

ในปี 2013 ที่ผ่านมา จีนเป็นผู้ส่งออกอันดับหนึ่งของโลกด้วยมูลค่าส่งออก 2.21 ล้านล้านดอลลาร์ โดยส่งออกไปสหรัฐอเมริกา 17% ส่งออกไปฮ่องกง 14% และส่งออกไปญี่ปุ่น 7.8%

อินเดียก็เป็นอีกหนึ่งตลาดที่ผู้ประกอบการจีนให้ความสนใจ

สมาร์ทโฟนที่ขายดีที่สุดในอินเดียไม่ใช่ไอโฟน หรือ ซัมซุง แต่น่าจะเป็น สมาร์ทโฟนยี่ห้อ “เสี่ยวมี่” (Xiaomi) ซึ่งเมื่อกลางเดือนตุลาคมนี้เปิดขายออนไลน์ในอินเดีย ในชั่วเวลาเพียง 4 วินาที ขายไป 1 แสนเครื่อง ทำสถิติที่ทำให้คนตกตลึง

เสี่ยวมี่เป็นสมาร์ทโฟนที่ขายราคาถูกมาก รุ่นที่ขายใน 4 วินาทีนั้นราคาประมาณ 3,200 บาท เท่านั้น ได้ทราบอย่างนี้แล้ว นักลงทุนอาจจะสนใจอยากลงทุนในหุ้นของเสียวมี่บ้าง แต่บริษัทยังเป็นบริษัทเอกชนอยู่ค่ะ ยังไม่ได้เข้าจดทะเบียนซื้อขายในตลาดใดทั้งสิ้น

เสี่ยวมี่เป็นบริษัทที่มีอายุเพียง 4 ปี ก่อตั้งในเดือนมิถุนายน 2010 หุ้นส่วนใหญ่ชื่อ เล้ยจุน (Lei Jun) ซึ่งตอนนี้เป็นมหาเศรษฐีรวยอันดับ 23 ของจีน เสี่ยวมี่ มีหุ้นส่วนแปดราย รวมถึงบริษัทลงทุนของรัฐบาลสิงคโปร์ Temasek Holding ด้วย (รัฐบาลไทยน่าจะเริ่มตั้งบริษัทลงทุนในต่างประเทศบ้างแล้วค่ะ) เปิดร้านในปักกิ่งเมื่อเดือนกันยายน 2013 พอเดือนตุลาคมก็กลายเป็นสมาร์ทโฟนที่มียอดขายติดอันดับ 5 ของประเทศ และขายสมาร์ทโฟนได้รวม 18.7 ล้านเครื่องในปี 2013

ดิฉันได้เห็นรูปแบบของสมาร์ทโฟนยี่ห้อเสียวมี่แล้ว น่ารักดีค่ะ สีสันสดใส

ปี 2014 ครึ่งปี ขายไปอีก 26.1 ล้านเครื่อง และจนถึงเดือนกรกฎาคมปีนี้คาดว่าขายไปแล้ว 57.36 ล้านเครื่อง เสี่ยวมี่ไม่ได้มีโรงงานผลิตเอง แต่จ้าง Foxconn และ Inventec ผลิต และทำธุรกิจแบบประหยัดงบประมาณ เพื่อให้ขายโทรศัพท์ได้ในราคาถูก จึงขายออนไลน์ทั้งหมด

Foxconn และ Inventec เป็นบริษัทไต้หวันทั้งคู่ แต่ Foxconn เข้าจดทะเบียนซื้อขายทั้งในตลาดหุ้นไต้หวัน ฮ่องกง และลอนดอน ในขณะที่ Inventec จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหุ้นไทเปแห่งเดียว

นอกเหนือจากตลาดจีนแล้ว อินเดียเป็นอีกหนึ่งตลาดที่เสี่ยวมี่ให้ความสำคัญ ข้อมูลจาก Bloomberg Business Week บอกว่า ปีที่แล้วคนอินเดียซื้อสมาร์ทโฟนไป 44 ล้านเครื่อง เพิ่มจากปีก่อนหน้าถึงเกือบ 200%

หากมีสินค้าดี ราคาไม่สูง อินเดียก็เป็นอีกตลาดหนึ่งที่นักธุรกิจไทยน่าจะให้ความสนใจเนื่องจากฐานประชากรสูง และจากการพัฒนาเศรษฐกิจทำให้ชนชั้นกลางเพิ่มจำนวนขึ้นรวดเร็ว

นอกจากอินเดีย เสี่ยวมี่ได้รุกเข้าไปในตลาดสิงคโปร์ มาเลเซียและฟิลิปปินส์แล้ว และกำลังจะไป อินโดนีเซีย ไทย รัสเซีย ตุรกี บราซิล และเม็กซิโก

ถ้ามองตามกลยุทธ์ เสี่ยวมี่ใช้กลยุทธ์ราคาเป็นหลัก จึงต้องขายด้วยปริมาณ ทำให้เลือกเข้าไปในตลาดกำลังพัฒนาที่ผู้บริโภคชนชั้นกลางมีกำลังซื้อเพิ่มขึ้น และเป็นกลุ่มที่ต้องการบริโภคข้อมูลข่าวสาร สังเกตว่าเป็นกลุ่มประเทศที่ตลาดหุ้นมีความคึกคัก

ยกตัวอย่างธุรกิจของจีนที่รุกคืบออกนอกประเทศแล้ว ก็อยากให้กำลังใจธุรกิจไทย สู้สู้ค่ะ สินค้าเรามีคุณภาพสูง ไม่ต้องสู้เรื่องราคา แต่สู้ด้วยคุณภาพและความมีเอกลักษณ์ มีดีไซน์ น่าจะดีกว่าค่ะ


สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน

Tags : จีน เศรษฐกิจโลก

view