สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

ไม้ซีกงัดไม้ซุง รัฐโหมใช้จ่าย สู้ศึกส่งออก

จากประชาชาติธุรกิจ

คอลัมน์ชั้น 5 ประชาชาติ โดย วิไล อักขระสมชีพ

คอลัมน์ชั้น 5 ประชาชาติ โดย วิไล อักขระสมชีพ oilday@yahoo.com

พอจะหายใจโล่งขึ้นบ้างสำหรับรัฐบาลโดยเฉพาะกระทรวงพาณิชย์ ที่ประกาศตัวเลขส่งออกเดือนกันยายน 2557 ออกมาขยายตัว 3.2% หรือมีมูลค่า 19,912.8 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเป็นบวกตามสัญญาณการฟื้นตัวในตลาดสำคัญอย่างสหรัฐ สหภาพยุโรป ญี่ปุ่น และเอเชีย การขยายตัวในกลุ่มสินค้าเกษตรโดยเฉพาะข้าวที่สูงขึ้น แต่ภาพรวมยอดส่งออก 9 เดือนแรกปีนี้ยังติดลบอยู่ 0.85% ก็ตาม

ขณะที่อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ระบุว่า ภาพรวมของส่งออกในปีนี้ จะเป็นบวกได้ก็ต่อเมื่อ 3 เดือนสุดท้ายต้องส่งออกให้ได้เดือนละ 19,500 ล้านเหรียญสหรัฐขึ้นไป จึงดูเหมือนมีความหวังจะเห็นแสงสว่างปลายอุโมงค์อยู่ลิบ ๆ ในช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปีนี้ หรือไตรมาส 4 ไฮซีซั่นของทุกปีนั่นเอง

แต่ก็เป็นเรื่องยากและลุ้นจนหืดขึ้นคอทีเดียว หากจะให้ส่งออกปีนี้โตถึง 1%

ส่วนภาครัฐและเอกชนหลายแห่งมองใกล้กัน อาทิ ธนาคารแห่งประเทศไทย มองว่าปีนี้ส่งออกจะอยู่ที่ 0% ด้านสภาพัฒน์คาดการณ์ส่งออก 2% ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดติดลบ 0.3% ส่วน กกร.คาดการณ์ส่งออกไม่โตและมองกรณีเลวร้ายติดลบ 1%

ภาคส่งออกจะโตหรือหดตัว ถือเป็นแรงส่งสำคัญที่ชี้การเติบโตของเศรษฐกิจไทย

หากจำกันได้เดือนตุลาคมที่ผ่านมา การแสดงท่าทีของ "สมหมาย ภาษี" รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ที่ส่งสัญญาณเศรษฐกิจไทยถึง 2 ครั้งทีเดียว

สัญญาณแรกเกิดขึ้นช่วงกลางเดือนตุลาคมที่ผ่านมา รมว.คลังเดินสายประชุมหลายงาน (อาทิ การประชุมประจำปีสภาผู้ว่าการธนาคารโลก และกองทุนการเงินระหว่างประเทศปี 2557) ที่ออกตัวแรงว่า

"ผมต้องขอโทษประเทศต่าง ๆ ในอาเซียนที่ไทยเป็นตัวฉุดให้เศรษฐกิจในปี 2557 ของอาเซียนต่ำจากระดับที่ควรจะเป็น แม้แต่ลาวยังโตถึง 7% ผมรู้สึกอายที่เศรษฐกิจไทยโตในอัตราต่ำที่สุดในอาเซียน"

แต่ "สมหมาย" ยังยืนยันว่า แม้ธนาคารโลกจะมองเศรษฐกิจไทยโตแค่ 1.5% แต่ส่วนตัวมองว่าเศรษฐกิจของไทยโตได้มากกว่า 1.5% และหากการส่งออกขยายตัวได้ดีในช่วงที่เหลือของปี และผลจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลจะทำให้เศรษฐกิจ (จีดีพี) โตได้ใกล้ระดับ 2%

รอบที่ 2 ที่ส่งสัญญาณ รมว.คลังพูดให้ข่าวสื่อมวลชนก่อนเดินทางไปประชุมที่ประเทศจีน ว่า เศรษฐกิจไทยขณะนี้ตกอยู่ในภาวะ Stagnation พร้อมแปลให้ว่า เศรษฐกิจเกิดหยุดอยู่กับที่ ทำเอาสื่อ นักลงทุนในตลาดหุ้น ภาคธุรกิจ นักวิเคราะห์ นักเศรษฐศาสตร์ มึนและอึ้งกันทีเดียว

และถึงจะหยอดคำปลอบขวัญทิ้งไว้ว่า ภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ยัง "ไม่เสี่ยง" เพราะประเทศไทยขณะนี้ ฐานะการเงินการคลังยังดี แม้ปีงบประมาณที่ผ่านมาจะเก็บรายได้ต่ำกว่าเป้าหมายไปกว่า 2 แสนล้านบาท แต่รัฐบาลก็จะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาค 2 ซึ่งต้องขอรอประเมินผลของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในไตรมาสแรกของปีงบประมาณนี้ (ต.ค.-ธ.ค. 57) ในช่วงเดือน ม.ค.-ก.พ. 2558 ก่อน

พร้อมวลีเด็ดรอบ 2 ที่ว่า "คนจนก็จน เงินฝืด ส่วนคนไม่จนก็มีเงินเยอะแยะ ไม่รู้จะเอาเงินไปทำอะไร ดอกเบี้ยก็ถูก" ยิ่งเห็นคุณภาพชีวิตคนไทยที่ระส่ำระสายกับภาวะเศรษฐกิจหยุดชะงักงันนี้ยิ่งนัก

การส่งซิกแรงถึง 2 ครั้ง 2 คราวในเดือนเดียวกันของ รมว.คลัง ดูจะมีนัยสำคัญ

ด้านมุมมองของอดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ยุคสมัยเปิดเสรีทางการเงิน ซึ่งได้วิเคราะห์ว่า แม้รัฐบาลจะพยายามบอกว่า ภาคส่งออกจะไม่ดี แต่จะมีแรงกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐที่เร่งใช้จ่าย แต่ถ้าดูโครงสร้างเศรษฐกิจไทย จะพบว่ารายได้จากภาคส่งออกมีน้ำหนักสัดส่วนถึง 70% ของจีดีพี ขณะที่ภาครัฐจะมีน้ำหนักเพียง 20% เท่านั้น ที่เหลือเป็นภาคการบริโภค

ถ้ามาเจาะดูช่วง 5 ปีก่อน พบว่าในปี 2010-2014 ภาคส่งออกไทยโต 28.5%, 16.4% และโตต่ำเหลือ 3.2% จากนั้นก็ไหลลงมาติดลบที่ 0.2% และถ้าดูตัวเลข 9 เดือนที่ออกมาล่าสุดติดลบ 0.85% (ตามลำดับ)

จากท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจโลกตกต่ำในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ประเทศคู่ค้าที่สั่งสินค้ากับไทยลดหายไป ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป ญี่ปุ่น รวมถึงจีนที่ชะลอความร้อนแรงทางเศรษฐกิจ จึงฉุดภาคส่งออกของไทยหดตัวมาก เมื่อรวมกับปัญหาทางการเมืองขัดแย้งที่เกิดขึ้นในปีที่แล้วถึงปีนี้ ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญฉุดรั้งการเติบโตของเศรษฐกิจไทย ถ้าดูจีดีพีรายไตรมาสลดลงต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2556 มาถึงปัจจุบันนี้เป็นลักษณะ U-Shape Economic Recovery หรือตกท้องช้างอยู่

โดยมองจากข้อมูลจีดีพีไตรมาส 1/2556 ยังโต 5.4% แต่ไตรมาส 2 ไหลลงมาที่ 2.9% และลงต่อเนื่องจนถึงไตรมาส 4/2556 ที่ถือเป็นไฮซีซั่นของทุกปี จีดีพีโตได้เพียง 0.6% เท่านั้น ผนวกกับเจอปัญหาการเมืองขัดแย้งรุนแรง ภายใต้รัฐบาลรักษาการ "ยิ่งลักษณ์" ความเชื่อมั่นประเทศไทยหายไป ประเทศคู่ค้าหวาดผวาในการสั่งสินค้าและจะไม่ได้ จึงต้องลดความเสี่ยงด้วยการไปสั่งประเทศอื่นแทน เป็นผลต่อเนื่องในต้นปี 2557 โดยจีดีพีไตรมาสแรกติดลบ 0.5% แม้เป็นบวกเล็กน้อยในไตรมาสต่อมาที่ระดับ 0.4% แต่ไตรมาส 3/2557 จีดีพีก็ติดลบ 0.1% เหลือลุ้นไตรมาส 4 ปีนี้

อดีตผู้ว่าการท่านนี้จึงเปรียบว่า สิ่งที่รัฐบาลกำลังทำอยู่ กำลังใช้ "ไม้ซีกงัดไม้ซุง" เพื่อผลักดันให้เศรษฐกิจโต สิ่งเดียวที่จะผลักดันให้จีดีพีฟื้นขึ้นมาแรง คือ ภาครัฐต้องเร่งลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งก็พบว่าต้องใช้เวลา ปีหน้าก็ยังไม่แน่จะเกิดได้มากหรือน้อยแค่ไหน

พร้อมทิ้งคำถามไว้ว่า สิ่งที่รัฐบาลเร่งทำปีหน้า ยังมองยากว่าเศรษฐกิจจะขึ้นจากท้องช้างได้ หรือต้องตกท้องช้างอยู่เพราะความเสี่ยงเดิมๆ ยังมีอยู่


สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน

Tags : ไม้ซีกงัดไม้ซุง รัฐโหมใช้จ่าย สู้ศึกส่งออก

view