สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

อันเนื่องมาจากเรื่องญี่ปุ่นเดินสวนทางกับอเมริกา

อันเนื่องมาจากเรื่องญี่ปุ่นเดินสวนทางกับอเมริกา

จาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์




คอลัมน์นี้ประจำวันที่ 24 และ 31 ตุลาคมที่ผ่านมาพูดถึงความเหลื่อมล้ำและความเป็นหนี้

ซึ่งมีลักษณะคล้ายหมัดซ้ายขวาที่รัวเข้าตรงหน้าเศรษฐกิจโลก หากไม่เลิกชก หรืออย่างน้อยพักยกยาวๆ เป็นไปได้สูงว่า อีกไม่นานโลกจะทรุดลงกองกับพื้นและลุกไม่ขึ้นอีกต่อไป ความเหลื่อมล้ำทำให้การใช้จ่ายโดยทั่วไปอยู่ในอัตราต่ำ ทั้งนี้เพราะเมื่อเทียบกับรายได้ คนรวยมักใช้จ่ายในอัตราต่ำกว่าคนจน ในช่วงนี้ คนรวยมีส่วนแบ่งจากเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อัตราการใช้จ่ายโดยทั่วไปจึงลดลง ส่วนทางด้านความเป็นหนี้จำนวนมาก เนื่องจากทุกฝ่ายต้องแบ่งรายได้ไปชำระหนี้ จึงมีเงินเหลือสำหรับนำมาใช้จ่ายทั่วไปน้อย การตอบสนองของภาคธุรกิจได้แก่การลงทุนน้อยลง ส่งผลให้เศรษฐกิจผลิตและขยายในอัตราต่ำตามไปด้วย

วงการเศรษฐกิจคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจของอเมริกาซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกจะฟื้นตัวต่อไปแม้การขยายตัวจะอยู่ในอัตราที่ต่ำกว่าความต้องการของรัฐบาลและประชาชนก็ตาม การคาดการณ์นั้นนำไปสู่การเปลี่ยนนโยบายของธนาคารกลางอย่างมีนัยสำคัญ นั่นคือ ยุติการอัดฉีดเงินจำนวนมหาศาลเข้าไปในเศรษฐกิจ การอัดฉีดเงินนั้นรวมกันได้ถึง 4.5 ล้านล้านดอลลาร์นับจากวันที่เริ่มทำมาตั้งแต่ตอนต้นของความถดถอยครั้งใหญ่หลังฟองสบู่อสังหาริมทรัพย์แตกในปี 2551 การอัดฉีดเงินจำนวนมหาศาลแบบนั้นไม่เคยทำกันมาก่อน แต่ธนาคารกลางมองว่าถ้าไม่ทำ เศรษฐกิจจะถดถอยต่อไป ทั้งนี้เพราะได้ใช้นโยบายในแนวต่างๆ ที่มีอยู่ในตำราหมดแล้ว อาทิเช่น การลดอัตราดอกเบี้ยลงมาจนถึงใกล้ศูนย์ ส่วนทางด้านการทำงบประมาณขาดดุลเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ รัฐบาลกลางไม่สามารถทำได้มากนักเนื่องจากจะต้องปิดงบประมาณด้วยการกู้ยืม แต่รัฐบาลไม่สามารถกู้เพิ่มขึ้นได้เพราะรัฐสภาไม่ยินยอมให้ยกเพดานหนี้ที่สูงอยู่แล้วขึ้นไปอีก

เศรษฐกิจของญี่ปุ่นซึ่งเคยใหญ่เป็นอันดับสองของโลกซบเซายืดเยื้อมาเป็นเวลากว่า 30 ปี ส่งผลให้จีนแซงหน้าขึ้นไปเป็นอันดับสองรองจากอเมริกา แนวโน้มบ่งว่าญี่ปุ่นน่าจะซบเซาต่อไป รัฐบาลเกรงว่าถ้าไม่อัดฉีดเงินเพิ่มอีก เป็นไปได้ว่าจะเกิดภาวะเงินฝืดรุนแรง ภาวะนั้นเกิดขึ้นเมื่อไร ผลกระทบจะร้ายแรงยิ่งกว่าปัญหาในปัจจุบันหลายเท่านักเนื่องจากความล้มละลายอย่างแพร่หลายจะเกิดขึ้น อัตราการว่างงานจะเพิ่มขึ้น และเศรษฐกิจจะถดถอยอย่างหนัก ด้วยเหตุนี้ ทันทีที่ธนาคารกลางอเมริกันประกาศยุติการอัดฉีดเงิน ธนาคารกลางญี่ปุ่นแถลงออกมาว่าจะอัดฉีดเงินจำนวนมากต่อไป ทั้งนี้เพื่อป้องกันมิให้เกิดความตื่นตระหนกว่าปัญหาเงินฝืดรุนแรงจะเกิดขึ้น ความตื่นตระหนกเช่นนั้นจะผลักดันให้มันเกิดขึ้นจริงๆ

นโยบายที่สองประเทศดำเนินอยู่เป็นไปในแนวที่เรียนกันมาจากตำราของจอห์น เมย์นาร์ด เคนส์ ซึ่งเขียนเมื่อตอนก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 ในช่วงหลังๆ นี้ นโยบายในแนวนั้นใช้ไม่ค่อยได้ผลนักเนื่องจากภาวะของโลกบางส่วนได้เปลี่ยนไปอย่างมีนัยสำคัญแล้ว อาทิเช่น ในช่วงเวลาหลายสิบปีที่ผ่านมา ญี่ปุ่นได้กลายเป็นสังคมผู้สูงวัยเนื่องจากชาวญี่ปุ่นอายุยืนที่สุดในโลกและอัตราการเกิดต่ำมาก ผู้สูงวัยมักใช้จ่ายน้อยเนื่องจากไม่ค่อยได้ทำงานและอาศัยบำนาญยังชีพ จะกระตุ้นให้ใช้จ่ายสักเท่าไร ผู้สูงวัยส่วนใหญ่ก็มักไม่ตอบสนอง

ยิ่งกว่านั้น การมีอัตราประชากรในวัยหนุ่มสาวต่ำทำให้เศรษฐกิจขาดพลังทั้งในด้านการค้นคว้าหานวัตกรรมใหม่ๆ และการใช้จ่ายเพื่อการตั้งบ้านเรือน ประเด็นนี้น่าจะเป็นที่ประจักษ์เมื่อญี่ปุ่นเริ่มล้าหลังเกาหลีใต้ในด้านการผลิตสินค้าดิจิทัล ซัมซุงแซงหน้าโซนี่และหนีไปแบบไม่เห็นฝุ่นแล้ว ทั้งที่โซนี่มีชื่อเสียงโด่งดังมาก่อน ญี่ปุ่นดำเนินนโยบายปิดกั้นมิให้หนุ่มสาวชาวต่างชาติอพยพเข้าไปอยู่ในประเทศของตน ส่งผลให้เลือดใหม่ไม่ค่อยจะมี สินค้าที่ญี่ปุ่นนำชาวโลกส่วนใหญ่มักผลิตในต่างประเทศ อาทิเช่น รถยนต์ซึ่งโตโยต้าครองตำแหน่งหมายเลขหนึ่งนั้นส่วนใหญ่ผลิตในต่างประเทศและเป็นสินค้าซึ่งตกทอดมาจากยุคอุตสาหกรรม มิใช่สินค้าแนวหน้าของยุคดิจิทัล ในช่วงนี้ ญี่ปุ่นยินยอมให้ต่างชาติเข้าประเทศได้มากขึ้น แต่คงไม่ช่วยได้มากนักเนื่องจากยังไม่เปิดกว้างอย่างอเมริกา

อเมริกามีอัตราผู้สูงวัยน้อยกว่าญี่ปุ่นเพราะประชาชนอายุสั้นกว่า อัตราการเกิดสูงกว่า และเปิดประเทศให้ต่างชาติอพยพเข้าไปได้ง่ายกว่า จะเห็นว่าผู้ได้รับรางวัลโนเบลเป็นชาวอเมริกันมากกว่าชาติอื่นแต่มักมีชื่อแปลกๆ ในขณะนี้ ผู้บริหารสูงสุดของยักษ์ใหญ่ไมโครซอฟท์และเป๊ปซี่มีเชื้อชาติอินเดีย ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีที่อเมริกานำหน้ามาเป็นเวลานานจำนวนมากเกิดในต่างประเทศ อย่างไรก็ดี อเมริกามีความเหลื่อมล้ำสูงกว่าญี่ปุ่น หากความเหลื่อมล้ำยังเพิ่มขึ้นต่อไป มันอาจทำให้เกิดความแตกร้าวร้ายแรงจนนำไปสู่สงครามชนชั้น ปรากฏการณ์ยึดครองย่านธุรกิจในนครนิวยอร์กและเมืองต่างๆ เมื่อสามปีก่อนเป็นอาการขั้นแรกของความแตกร้าวร้ายแรง

ตามตัวเลขที่พอหาได้ เมืองไทยไม่มีภาระหนี้สินหนักเท่าอเมริกาและญี่ปุ่น มีความเหลื่อมล้ำอยู่ตรงกลางๆ ระหว่างสองประเทศนั้นและคล้ายอเมริกามากกว่าญี่ปุ่นในด้านการมีผู้สูงวัย หากใช้ตัวเลขเหล่านี้เป็นตัวชี้บ่งแนวนโยบาย เมืองไทยมีช่องทางกว้างกว่าที่จะดำเนินนโยบายให้เศรษฐกิจขยายตัวได้สูงกว่าของทั้งสองประเทศ แต่นั่นมิได้หมายความว่ารัฐบาลไทยควรออกไปก่อหนี้เพิ่มขึ้นเพื่อนำมาทุ่มเข้าไปในเศรษฐกิจแบบสุรุ่ยสุร่ายและปล่อยให้ความเหลื่อมล้ำเพิ่มขึ้นไปจากในระดับปัจจุบัน หากทำเช่นนั้น เมืองไทยจะทรุดลงไปกองกับพื้นและฟื้นตัวยากกว่าญี่ปุ่นและอเมริกาเนื่องจากระดับการพัฒนายังล้าหลังพวกเขา


สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน

Tags : อันเนื่องมาจากเรื่อง ญี่ปุ่น เดินสวนทาง อเมริกา

view