จากประชาชาติธุรกิจ

คอลัมน์ Smart SMEs โดย อุดมศักดิ์ โรจน์วิบูลย์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส ธนาคารกรุงไทย

ต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาทาง ธนาคารกรุงไทยมีโอกาสไปร่วมงานที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จัดขึ้น และได้จัดเสวนา "เคล็ดลับรวยของผู้นำเข้าส่งออก" สำหรับผู้ประกอบการ SMEs โดยมีผู้เชี่ยวชาญทั้งทางด้านวิชาการ และผู้ประกอบการมาร่วมเสวนาแบ่งปันความรู้และประสบการณ์กันครับ

แนว โน้มการนำเข้าและส่งออกของไทยยังถือว่ามีโอกาสที่ดีอยู่ โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศ AEC ที่มาแรง เพราะไม่ว่าอย่างไร นักธุรกิจต่างชาติก็ยังให้ความสนใจลงทุนในประเทศไทยอยู่มาก โดยมองว่า ไทยเป็นสะพานเชื่อมเศรษฐกิจในภูมิภาคนี้ เนื่องจากสภาพทางภูมิศาสตร์ที่เป็นจุดศูนย์กลาง และโอกาสในการเติบโตของภูมิภาค

กลยุทธ์ที่ผู้เชี่ยวชาญแนะนำ ให้ผู้ประกอบการนำมาใช้ในธุรกิจมีด้วยกัน 4 ข้อ คือ

1) Standard - ต้องศึกษาตลาดว่ามาตรฐานที่ได้รับการยอมรับคืออะไร และคาดการณ์ไปถึงอนาคตข้างหน้าว่าจะมีอะไรบ้างที่เปลี่ยนแปลงไป ติดตามจากข่าว สมาคมต่างๆ รวมทั้งผู้เชี่ยวชาญ

2) Safety - ธุรกิจต้องมีความปลอดภัย ห่วงใยต่อสิ่งแวดล้อม โลก และลูกค้า

3) Security - ดูว่าธุรกิจอยู่ในส่วนไหนของ Supply Chain และมีความมั่นคงแค่ไหน หมั่นติดตามดูความผันผวนของตลาดโลก หากมีความเสี่ยงธุรกิจจะป้องกันได้อย่างไร

4) Sustainability - หาโอกาสทางตลาดอยู่สม่ำเสมอ หมั่นหาลูกค้าบ่อย ๆ ร่วมงานสัมมนา หรือกิจกรรมที่หน่วยงานต่างๆ จัด อาทิ Business Matching

ที่ สำคัญผู้ประกอบการ SMEs คงปฏิเสธไม่ได้ว่าการทำ Digital Marketing ในยุคนี้เป็นสิ่งที่จำเป็นต่อธุรกิจ โดยเฉพาะผู้นำเข้าและส่งออก เพราะจะช่วยให้เราทำธุรกิจกับตลาดใดก็ได้ในโลก แต่มีข้อควรระวัง คือประเทศที่เราจะติดต่อนั้นต้องใช้ Google ได้ และใช้ภาษาอังกฤษในการติดต่อสื่อสารกับเราได้ หรือเราสามารถพูดภาษาของเขาได้ดี

ข้อแนะนำในการทำตลาดโลกออนไลน์ คือเราต้องรู้ว่าสินค้าของเราถูกเรียกว่าอะไรในโลกออนไลน์ ลูกค้าชอบ Search หาคำว่าอะไรในอินเทอร์เน็ต โดยสามารถใช้ Keyword Planner ใน Google ช่วยได้ เช่น SMEs ชอบนำเข้าเสื้อญี่ปุ่นมาขาย เวลาทำตลาดจะแจ้งว่าที่นี่มีเสื้อญี่ปุ่นจำหน่าย อย่างนี้ ก็มีโอกาสขายของไม่ได้ เพราะเมื่อใช้ Keyword Planner ใน Google มาวิเคราะห์คำพูดยอดฮิตของธุรกิจเสื้อผ้า พบว่า ผู้คนส่วนใหญ่จะ Search หาแต่คำว่าเสื้อผ้าเกาหลี การทำตลาดออนไลน์ก็ควรตั้งชื่อให้เข้ากับกระแส เป็นต้น

เมื่อธุรกิจตัดสินใจจะทำตลาดออนไลน์แล้วก็จำเป็นต้องมีหน้า ร้าน หน้าร้านที่ดีก็คือเว็บไซต์ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ และควรจ้างคนที่มาทำเว็บให้เว็บมีหน้าตาขายของ ไม่ใช่จ้างคนที่ทำเว็บองค์กรราชการขนาดใหญ่มาทำให้เรา เพราะเขาอาจไม่มีความชำนาญในการทำเว็บค้าขายให้เรา สุดท้ายธุรกิจต้องวางแผนว่าจะทำอย่างไรให้คนเห็นสินค้าเยอะที่สุด ซึ่งก็มีหลายวิธี ไม่ว่าจะเป็น Facebook เว็บไซต์ เป็นต้น และทำให้เว็บไซต์ของเราอยู่ในอันดับต้นๆ หรือบรรทัดแรกๆ ของ Page แรกของการ Search ใน Google ครับ

การทำตลาดของธุรกิจปัจจุบันจำเป็นต้องมีการ ใช้การทำ Offline เช่น มีร้านค้าที่มีความน่าเชื่อถืออยู่จริง เพื่อให้ลูกค้ามาปรึกษาหรือมารับสินค้า ส่วนการทำตลาด Online มีไว้เพื่อช่วยเสริมกันให้ธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืนนะครับ

สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน