จากประชาชาติธุรกิจ
เริ่มทำใจกันได้แล้ว สำหรับยอดขายปลายปี จากเดิมเคยวาดหวังกันว่า ไตรมาสสุดท้ายนี่แหละจะเป็นช่วงทวงคืนยอดขายที่ตกต่ำต่อเนื่องจากผลกระทบ ความขัดแย้งทางการเมือง ประกอบกับพฤติกรรมผู้บริโภคคนไทยมักใช้เงินไปกับการจับจ่ายช่วงปลายปี แต่แล้วก็ไม่เป็นไปตามที่หวัง แทบทุกธุรกิจยังคงติดหล่ม
แม้จะ พยายามเร่งผลักดันยอดขายกันสุดกำลัง ทั้งลด-แลก-แจก-แถม สารพัดโปรโมชั่น และอีเวนต์กระตุ้นยอดขายต่าง ๆ แล้วก็ตามทำให้ส่วนใหญ่ต้องเปลี่ยนเป้าหมายเป็นปีหน้าฟ้าใหม่ เชื่อว่าเศรษฐกิจน่าจะกลับมาเป็นใจ พลิกฟื้นมู้ดการจับจ่าย ทำให้ผู้คนควักกระเป๋าอีกหน
แต่ก็มีข้อมูลชวนให้ตกใจจากผู้ที่คลุกวงในเศรษฐกิจไทยยืนยันว่า ภาวะเศรษฐกิจที่ทรุดฮวบ ไม่ยอมฟื้นคืนสู่ภาวะปกติสักที ไม่ได้มีสาเหตุจาก "เศรษฐกิจ" เท่านั้น หากมีสาเหตุจากความเข้มงวดต่อปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่น ของรัฐบาล คสช. ที่เอกซเรย์ถี่ยิบ แม้การจัดซื้อจัดจ้างเล็ก ๆ ก็ยังลงรายละเอียดตรวจสอบ
สอดคล้องกับที่รับรู้มาว่า ตอนนี้งานประมูลโครงการต่าง ๆ ของภาครัฐหยุดนิ่งไปหมด ไม่มีใครกล้าลงนามสัญญาว่าจ้าง
เนื่องจากไม่ต้องการติดร่างแหตรวจสอบ ยอมรับว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ได้รับข้อมูลทำนองนี้
ก่อนหน้านี้เป็นบริษัทรถยนต์ยักษ์ใหญ่เคยชี้ให้เห็นว่า นอกจากราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ การส่งออกมีปัญหา การหยุดชะงักของ "ธุรกิจสีเทา" มีส่วนสำคัญไม่น้อย ทำให้ยอดขายไม่เป็นไปตามเป้า
เกิดคำถามขึ้นมาทันทีว่า นี่ปัญหาคอร์รัปชั่นกำลังเกาะกิน ประเทศไทยขนาดนี้แล้วเชียวหรือ ขนาดสามารถส่งผลต่อเศรษฐกิจโดยรวมด้วยซ้ำ
ไม่ต้องดูอะไรมาก ลำพังการจ่ายเงินชดเชยให้ชาวนาไร่ละ 1,000 บาท ที่เริ่มเห็นสัญญาณผิดปกติ มีการสวมสิทธิ์ ทำให้ต้องเพิ่มขั้นตอนการตรวจสอบ เนื่องจากไม่ต้องการให้เกิดปัญหาซ้ำรอยเหมือนที่ผ่านมา
จากเดิมที่รัฐบาลหวังให้ชาวนาเอาเงินไปใช้จ่าย เพื่อแก้ปัญหาค่าครองชีพ ขณะเดียวกัน เป็นการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจทางอ้อม และต้องการให้เสร็จสิ้นภายในปลายเดือนพฤศจิกายน แต่มีแนวโน้มว่าอาจยืดเยื้อไปถึงปลายปี หรือก่อนหน้านี้ที่มีการ เผยแพร่ผลสำรวจที่ว่า การเข้าเรียนต่อของบรรดาบุตรหลานเป็นช่องว่างทำให้เกิดการทุจริต เรียกรับสินบน มากกว่าเรื่องใด ๆ
ตอนหนึ่งของการสัมมนา "Looking Forward อนาคตไทยปี58" จัดขึ้นโดย "ประชาชาติธุรกิจ" ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ประธานที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ชี้ให้เห็นถึงความผิดพลาดในอดีตของฟิลิปปินส์ ซึ่งมีที่มาจากการไม่สามารถแก้ไขปัญหาคอร์รัปชั่น
ขณะเดียวกัน อ้างอิงถึงจีนที่แก้ไขปัญหาคอร์รัปชั่นได้อย่างเด็ดขาด เพราะจับทั้งเสือและแมลงวัน เท่ากับทุกคนอยู่ใต้กฎหมายเดียวกัน
ล่าสุดจีนขยายผลไปสู่การจับหมาจิ้งจอก ตามไล่ล่าคนโกงที่อยู่ต่างประเทศให้กลับมารับโทษในประเทศ
เรื่องราวของทั้งฟิลิปปินส์และจีน เป็นกรณีศึกษาที่มีคุณค่าอย่างยิ่ง !!!
โดยเฉพาะฟิลิปปินส์ที่พลิกสถานการณ์ จากหน้ามือเป็นหลังมือ ใช้ความโปร่งใสเป็นพลังในการดึงดูดนักลงทุนจากต่างชาติ
ขณะที่ประเทศไทยของเรา แม้ว่าเหตุผลในการยึดอำนาจรัฐบาลที่ผ่านมา มุ่งแก้ไขปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองเป็นประเด็นหลัก
แต่คงไม่มีประโยชน์ใด ๆ หากไม่ใช้โอกาสและอำนาจในมือที่เอื้ออำนวยทุกอย่าง แก้ไขปัญหาคอร์รัปชั่นให้เกิดผลในทางปฏิบัติให้จงได้
สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน
